1. ข่าวดี! 20 มี.ค. เป็นต้นไป แรงงานต่างชาติเดินทางเข้าไต้หวัน ไม่ต้องสังเกตอาการตนเอง 7 วันอีกต่อไป กลับสู่สภาพปกติก่อนเกิดการระบาดโควิด-19 ปี 2563
กระทรวงแรงงานไต้หวันประกาศในวันที่ 17 มี.ค. นี้ว่า เพื่อให้สอดคล้องการผ่อนคลายมาตรการป้องกันโรคของศูนย์บัญชาการควบคุมโรค ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 20 มี.ค. เป็นต้นไป ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรง ไม่ต้องรายงานและไม่ต้องกักตัวอีกต่อไป รวมทั้งยกเลิกมาตรการสังเกตอาการตนเองเป็นเวลา 7 วันของผู้เดินทางเข้าไต้หวัน ในส่วนของแรงงานต่างชาติที่เดินทางเข้าไต้หวันก็เช่นกัน ไม่ต้องสังเกตอาการตนเองอีกต่อไป เมื่อเดินทางถึงไต้หวัน สามารถไปพักในหอพักสถานที่ทำงานได้เลย
ภาพเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานรับและช่วยพาแรงงานต่างชาติที่เพิ่งเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติเถาหยวนผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง
เนื่องจากสถานการณ์โควิดเกิดการระบาดรุนแรงไปทั่วโลกตั้งแต่ปี 2563 ต่อมาในปี 2564 กระทรวงแรงงานไต้หวัน ได้รับอนุญาตจากศูนย์บัญชาการควบคุมโรคให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคสำหรับการนำเข้าแรงงานต่างชาติ กำหนดให้นายจ้างและบริษัทจัดหางาน ขณะนำเข้าแรงงานต่างชาติ จะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคหลายมาตรการ ทั้งก่อนการเดินทางและเมื่อเดินทางเข้าไต้หวันแล้วต้องกักตัวและสังเกตอาการตนเอง แม้ระยะหลังจะยกเลิกการกักตัวไปแล้ว แต่ยังต้องสังเกตอาการตนเองในห้องพักเดี่ยวที่มีห้องน้ำในตัว ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. 66 นี้เป็นต้นไป ยกเลิกทั้งหมด กลับสู่ภาวะปกติเช่นเดียวกับก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อปี 2563
ภาพเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานรับและช่วยพาแรงงานต่างชาติที่เพิ่งเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติเถาหยวนผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงแรงงานเพิ่งจะประกาศผ่อนปรนให้แรงงานต่างชาติเดินทางเข้าไต้หวัน ไม่บังคับต้องพักในห้องพักมีห้องน้ำในตัว และห้องพักไม่ต้องลงทะเบียนหรือได้รับการรับรองจากกองแรงงานก่อนอีกต่อไป แต่โดยหลักการ ยังแนะนำให้พักในห้องพักเดียวที่มีห้องน้ำในตัว วันที่ 20 มี.ค. เป็นต้นไป ยกเลิกทั้งหมด แรงงานต่างชาติไม่ต้องสังเกตอาการตนเอง 7 วันอีกต่อไป ติดเชื้อโควิดแต่มีอาการไม่รุนแรง ไม่ต้องรายงานและไม่ต้องกักตัวอีกต่อไป ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้แก่นายจ้างและแรงงานต่างชาติที่ลากลับไปพักร้อนลงได้อย่างมาก
ภาพเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานรับและช่วยพาแรงงานต่างชาติที่เพิ่งเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติเถาหยวนผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง (ภาพจากกรมพัฒนากำลังแรงงาน)
อย่างไรก็ตามหาก กระทรวงแรงงานเตือนว่า เมื่อโดยสารระบบขนส่งสาธารณะและเข้าออกสถานพยาบาล ยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัย ขอให้หมั่นล้างมือและต้องรักษามารยาทการไอ/จาม ดูแลสุขภาพของตน นายจ้างควรส่งเสริมให้แรงงานต่างชาติของตนรับวัคซีนต่อไป เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ตนเอง กรณีที่แรงงานต่างชาติมีอาการไม่สบายหรือมีความประสงค์รับวัคซีน นายจ้างหรือบริษัทจัดหางานควรให้ความช่วยเหลือ
2. เตือนภัยมิจฉาชีพออนไลน์ อย่าหลงกลกลุ่มมิจฉาชีพใช้รูปโปรไฟล์และชื่อของไลน์ 1955 หลอกให้แอดไลน์เพื่อรับเงิน 6,000 เหรียญจากรัฐบาลหรือช่วยย้ายงานใหม่
กรมพัฒนากำลังแรงงาน กระทรวงแรงงานไต้หวันประกาศเตือนแรงงานต่างชาติ ระวังภัยออนไลน์รูปแบบใหม่ที่นำเอารูปโปรไฟล์และชื่อของไลน์ 1955 อ้างเป็นไลน์ 1955 หลอกให้แรงงานต่างชาติเข้าร่วมกลุ่ม เพื่อรับเงิน 6,000 เหรียญ ที่รัฐบาลไต้หวันกำลังจะแจกให้ประชาชน นอกจากนี้ ยังมีบริการเปลี่ยนนายจ้างใหม่ เมื่อแอดในกลุ่มแล้ว จะขอให้แรงงานต่างชาติกรอกข้อมูลและถ่ายเอกสารสำคัญส่วนตัว ส่งเลขที่บัญชีธนาคารเป็นต้น มีแรงงานต่างชาติหลายรายสอบถามว่าจริงไหม? เรื่องจึงแดงขึ้น
กรมพัฒนากำลังแรงงานแถลงว่า ไลน์ 1955 ของกระทรวงแรงงาน ซึ่งมีฉบับภาษาจีน อังกฤษ ไทย เวียดนามและอินโดนีเซีย ใช้เป็นช่องทางประชาสัมพันธ์หรือแจ้งข้อมูลข่าวสารและสิทธิประโยชน์ รวมถึงมาตรการและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องให้แรงงานต่างชาติได้รับทราบ จะไม่ให้บริการช่วยหางานหรือย้ายนายจ้างใหม่ ไม่มีการขอข้อมูลเอกสารของแรงงานต่างชาติเพื่อโอนเงินหรือขอรับเงินสิทธิประโยชน์ใด ๆ เตือนแรงงานต่างชาติอย่างหลงเชื่อกลโกงของกลุ่มมิจฉาชีพ ซึ่งนอกจากอาศัยรูปโปรไฟล์และชื่อของไลน์ 1955 แล้ว ยังใช้โซเชียลมีเดียอื่น ๆ เช่นเฟซบุ๊ก ติ๊กตอกหรือไลน์ เชิญชวนแรงงานต่างชาติเข้าร่วมกลุ่ม และโฆษณาชวนเชื่อว่า ช่วยหางานหรือเปลี่ยนนายจ้างใหม่ได้ และขอให้ส่งเลขบัญชีธนาคารใช้สำหรับการโอนเงินหรือรับเงิน เตือนอย่างส่งเอกสารสำคัญส่วนบุคคลและเลขบัญชีธนาคารให้ใครเด็ดขาด มิเช่นนั้นอาจถูกนำไปใช้ในทางผิดกฎหมายและเงินในบัญชีอาจถูกดูดเกลี้ยง
สำหรับเงิน 6,000 เหรียญที่ไต้หวันกำลังจะแจกให้แก่ประชาชน ผู้มีสิทธิ์รับคือ ผู้มีทะเบียนบ้านในไต้หวัน และชาวต่างชาติที่ได้บัตรถิ่นที่อยู่ถาวร หรือบัตร APRC สำหรับแรงงานต่างชาติที่ถือบัตร ARC เช่นแรงงานต่างชาติ ไม่อยู่ในขอบข่ายได้รับการแจกเงิน 6,000 เหรียญ จึงแจ้งให้ทราบโดยบทั่วกันและเตือนอย่าหลงกล
3. อันตราย! แรงงานไทยในเถาหยวนยืนคุยกันข้างถนน ถูกลุงคนไต้หวันเมาแล้วขับชนกระเด็นเสียชีวิต 1 คน
เหตุน่าเศร้าคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อค่ำวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา เวลาประมาณ 21.30 น. เศษ หน้าโรงงานผลิตสายไฟและสายเคเบิลขนาดใหญ่สาขาซินอู นครเถาหยวน หลังเลิกงาน แรงงานไทย 5 คน ไปยืนคุยกันหน้าร้านอาหารไทย-เวียดนามข้างโรงงาน ทันใดนั้นมีรถเก๋งสีขาวคันหนึ่งขับเบียดมาขอบถนนอย่างเร็ว แรงงานไทย 4 คนที่อยู่นอกเส้นขาวขอบถนนรอดหวุดหวิด แต่อีกคนยืนเหยียบเส้นขาวขอบถนนถูกรถเก๋งพุ่งชนกระเด็นไปไกลเสียชีวิตคาที่ เพื่อน ๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์รีบโทรแจ้งบริษัทและเรียกรถพยาบาล ส่งไปกู้ชีพที่โรงพยาบาลเถาหยวนที่ซินอู แต่เนื่องจากอาการสาหัส แพทย์พยายามกู้ชีวิต แต่ไม่สำเร็จ
แรงงานไทยที่เขตซินอู นครเถาหยวนยืนคุยกันข้างถนนข้างโรงงาน ถูกลุงคนไต้หวันเมาแล้วขับชนกระเด็นเสียชีวิต 1 คน (ภาพจากสถานีตำรวจซินอู)
หลังเกิดเหตุ ตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและจับชายชาวไต้หวันที่ก่อเหตุคนดังกล่าวได้ในเวลาอันรวดเร็ว จับตัวไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจ พบว่าเป็นนายสง ชายชาวไต้หวันอายุ 63 ปี ยังอยู่ในสภาพการณ์เมาเละ ไม่สามารถให้ปากคำได้ ตำรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจสูงถึง 0.48 มิลลิกรัมต่อลิตร ตั้งข้อหาเมาแล้วขับและชนคนตายแล้วหนี ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ปรับ 2 ล้านเหรียญไต้หวัน ทางด้านนายจ้างและ บจง. ได้แจ้งสำนักงานแรงงานไทยและญาติที่ประเทศทราบแล้ว เพื่อทำหนังสือมอบอำนาจจัดการศพ ยื่นขอเงินสิทธิประโยชน์และเรียกร้องค่าเสียหายจากคู่กรณีต่อไป
สถานที่เกิดเหตุ (ภาพจากสถานีตำรวจซินอู)
เท่าที่ทราบแรงงานไทยที่เคราะห์เสียชีวิตรายนี้ อายุ 31 ปี มาจากอุดรธานี เดิมเดินทางมาทำงานอยู่ที่ไทจง เพิ่งย้ายนายจ้างมาทำงานที่ซินอูเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ในวันเกิดเหตุ เพิ่งเลิกงานเดินออกจากโรงงานหมายจะข้ามถนนไปซื้อยาหยอดตา แต่ยังไม่ทันข้ามถนน เดินมาถึงขอบถนนซึ่งมีเพื่อนร่วมงานยืนคุยกัน 4 คน ก็มาเกิดเหตุไม่คาดคิดดังกล่าว และจุดที่เกิดเหตุ เป็นถนนอันตราย เมื่อหลายปีก่อน เคยมีแรงงานไทยเพศหญิงรอข้ามถนนถูกรถชนตายมาก่อนแล้ว จึงเตือนเพื่อนแรงงานไทยต้องระวัง
รถยนต์คันที่ก่อเหตุ ฝากระโปรงบุบ กระจกบานหน้าร้าว แสดงถึงความแรงที่พุ่งชน (ภาพจากสถานีตำรวจซินอู)
นอกจากเงินทดแทนจากกองทุนประกันภัยแรงงานแล้ว ตามกฎหมายไต้หวันรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ จักรยานไฟฟ้า จะต้องซื้อประกันภัยภาคบังคับทุกคัน เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชนถึงแก่เสียชีวิต จะได้รับการคุ้มครองจากประกันภัยภาคบังคับในวงเงิน 2,000,000 เหรียญไต้หวัน และเงินชดเชยจากคู่กรณีซึ่งต้องเจรจาหรือฟ้องศาลเรียกร้องค่าเสียหายกันต่อไป
กระจกบานหน้าร้าว แสดงถึงความแรงที่พุ่งชน (ภาพจากสถานีตำรวจซินอู)
4. แรงงานต่างชาติพัวพันคดียาเสพติดมากขึ้น ตำรวจไถหนานปลอมตัวเป็นช่างซ่อมจู่โจมจับ 7 แรงงานเวียดนาม ซ่อนยาเสพติดไว้ในเอ็นไซโคลปีเดีย
สถานีตำรวจซ่านฮั่วที่ไถหนาน ได้รับแจ้งว่ามีแรงงานต่างชาติในพื้นที่ค้ายาเสพติด ตั้งคณะทำงานทำการตรวจสอบนานถึง 4 เดือน เห็นประตูหน้าบ้านเช่าหลังเดี่ยวปิดไว้ตลอดเวลา มีกล้องวงจรปิดและมีรถจักรยานไฟฟ้าและมอเตอร์ไซค์คันแล้วคันแล้วแวะเวียนมารับของ มองผิวเผินคล้ายร้านอาหารส่งอาหารที่ลูกค้าสั่งผ่านไรเดอร์ของ foodpanda หรืออูเบอร์อีทอะไรทำนองนั้น แต่หากสังเกตอย่างละเอียดจะพบมีพิรุธหลายอย่าง เมื่อได้หลักฐานชัดเจน วันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ตำรวจยื่นขอหมายค้นต่อศาลท้องถิ่นไถหนาน ปลอมตัวเป็นช่องซ่อม จู่โจมบ้านเช่าหลังดังกล่าว เมื่อเห็นตำรวจงัดประตูเข้าไปในบ้านเช่า แรงงานเวียดนามหนีกันจ้าละหวั่น 1 ในจำนวนนี้ คว้าหนังสือเล่มเบ้อเริ่มมีกุญแจล็อกคล้ายหนังสือสารานุกรม หรือ encyclopedia เล่มหนึ่งกอดไว้แน่นไม่ยอมปล่อย สุดท้ายถูกจับทั้งหมด 7 คน ในจำนวนนี้มี 4 คนเป็นแรงงานหลบหนีนายจ้างกลายเป็นแรงงานผิดกฎหมาย อีก 1 คนเดินทางเข้าไต้หวันในฐานะนักท่องเที่ยวแต่อยู่เลยกำหนด ตำรวจตรวจดูหนังสือเล่มพิเศษสะดุดตาดังกล่าว พบว่าเป็นที่ซ่อนยาเสพติดจำนวนมาก
ตำรวจไถหนานปลอมตัวเป็นช่างซ่อมจู่โจมจับ 7 แรงงานเวียดนาม ซ่อนยาเสพติดไว้ในเอ็นไซโคลปีเดีย
โฆษกสถานีตำรวจซ่านฮั่วแถลงว่า การทลายแหล่งค้ายาเสพติดของแรงงานเวียดนามกลุ่มนี้ ยึดของกลางเป็นยาเสพติดที่ซ่อนให้หนังสือจำพวกแอมเฟตามีน 400 กรัม เมฟีโดรน (Mephedrone) ในรูปผง ซึ่งในไต้หวันจัดให้เป็นยาเสพติดประเภท 3 แต่ที่ประเทศไทยจัดให้เป็นยาเสพติดประเภท 1 ตั้งแต่เมื่อปี 2556 ปริมาณ 1,000 กรัม ในรูปแคปซูลอีก 500 แคปซูล ซองยาเสพติดผสมกาแฟ 218 ซอง ตาชั่งอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ในการบรรจุซองยาเสพติดจำนวนหนึ่ง เงินสดกว่า 290,000 เหรียญ โดยแก๊งค้ายาเสพติดแก๊งนี้ ขายยาเสพติดมอมเมาเพื่อนร่วมชาติ ตำรวจประมาณการว่า ช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา มีรายได้จากการขายยาเสพติดให้เพื่อนร่วมชาติแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ล้านเหรียญไต้หวัน ทั้งหมดถูกรวบส่งดำเนินคดีข้อหาค้ายาเสพติด ซึ่งมีโทษจำคุก 10 ปีขึ้นไป และปรับไม่เกิน 15 ล้านเหรียญไต้หวัน
กล่องซ่อนยาเสพติด ภายนอกดูเป็นหนังสือสารานุกรม หรือ encyclopedia มีกุญแจล็อก
แรงงานเวียดนามนิยมซ่อนยาเสพติดไว้ในที่ต่าง ๆ ครั้งนี้ซ่อนไว้ในหนังสือ เมื่อปลายปีที่ผ่านมาแรงงานเวียดนามที่เกาสงถูกจับซ่อนยาเสพติดไว้ในโมเดลรถสปอร์ต 5 คัน ตำรวจกล่าวเตือนว่า เนื่องจากแรงงานต่างชาติในไต้หวันมีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่า 700,000 คนแล้ว แรงงานหลบหนีและคดียาเสพติดก็เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ เรียกร้องอย่าข้องแวะเป็นอันขาด มิเช่นนั้น การเดินทางมาทำงานที่ไต้หวัน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตตัวเองและครอบครัวให้ดีขึ้น นอกจากไม่สามารถบรรลุเป้าหมายแล้ว ยังทำลายสุขภาพและที่สำคัญต้องตกเป็นจำเลยติดคุกในต่างแดน
ของกลางที่ยึดได้ มียาเสพติด เงินสดและอุปกรณ์