:::

ไขปัญหาแรงงาน วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566

  • 15 February, 2023
ไขปัญหาแรงงาน
แรงงานต่างชาตินิยมขี่รถจักรยานไฟฟ้าแต่งซึ่งผิดกฎหมายและไม่มีหลักฐานสำหรับยื่นขอจดทะเบียน

1. รถจักรยานไฟฟ้า ไม่มีหลักฐานการซื้อขายใด ๆ ก็สามารถยื่นขอติดแผ่นป้ายทะเบียน หากไม่แต่งจนเวอร์เกินไป คลิกที่ภาพอ่านวิธีการขอติดแผ่นป้ายทะเบียนของรถเก่า

            เนื่องจากไม่ต้องสอบใบขับขี่ ไม่ต้องจดทะเบียน อีกทั้งราคาถูก ทำให้รถจักรยานไฟฟ้าได้รับความนิยมและเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเกิดอุบัติเหตุมากมายตามไปด้วย จากสถิติของกระทรวงคมนาคม ช่วง 8 เดือนแรกของ 2565 เกิดอุบัติเหตุแล้ว 5,800 คดี มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ที่มี 4,900 คดี และเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วถึง 33 ราย ประชาชนจำนวนมากสะท้อนว่า รถจักรยานไฟฟ้าเกลื่อนถนน แต่ไม่มีกฎหมายควบคุม เมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้ว ไม่มีประกันภัยคุ้มครองผู้เสียหาย สภานิติบัญญัติจึงได้ผ่านการแก้กฎหมายการจราจรทางถนนและการลงโทษฉบับแก้ไขเมื่อ 19 เมษายน 2565 โดยจัดให้รถจักรยานไฟฟ้าอยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมายฉบับนี้ เช่นเดียวกับรถจักรยานยนต์ กล่าวคือต้องจดทะเบียน ติดแผ่นป้ายทะเบียนและซื้อประกันภัยภาคบังคับ แต่ไม่ต้องสอบใบขับขี่ ตั้งแต่ 30 พ.ย. 65 เป็นต้นมา

แรงงานต่างชาตินิยมขี่รถจักรยานไฟฟ้าแต่งซึ่งผิดกฎหมายและไม่มีหลักฐานสำหรับยื่นขอจดทะเบียน (ภาพจาก udn.com)

            แรงงานต่างชาติที่เป็นเจ้าของรถจักรยานไฟฟ้า ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมด ประสบปัญหาเรื่องไม่มีเอกสารหรือหลักฐานการซื้อรถจักรยาน เพราะที่ผ่านมา ซื้อต่อจากเพื่อนแรงงานต่างชาติด้วยกัน หรือบางรายแม้จะซื้อจากร้านโดยตรง แต่คงไม่ได้เก็บเอกสารการซื้อรถไว้ เพราะไม่ได้ใช้ พอกฎหมายออกมาต้องให้จดทะเบียนและติดแผ่นป้าย จึงไม่มีหลักฐานใด ๆ แม้ทางการจะผ่อนผันให้รถจักรยานไฟฟ้าที่ซื้อก่อนวันประกาศใช้กฎหมายฉบับใหม่เมื่อ 30 พ.ย. 65 สามารถยื่นขอติดแผ่นป้ายทะเบียนได้ภายในเวลา 2 ปี แต่เมื่อถึงเวลาก็ต้องประสบปัญหาอยู่ดี

ตำรวจเริ่มตรวจเข้มรถจักรยานไฟฟ้า หลังบังคับต้องจดทะเบียน ติดแผ่นป้ายทะเบียนและซื้อประกันภัยภาคบังคับ ตั้งแต่ 30 พ.ย. 65 เป็นต้นมา (ภาพจาก udn.com)

            เกี่ยวกับเรื่องนี้ รายการของเราประสานและสอบถามจากกองทะเบียนยานยนต์ กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ไต้หวัน ได้รับการชี้แจงว่า หากไม่มีใบเสร็จการซื้อขายรถจากร้านขาย ไม่ต้องกังวล เจ้าของรถสามารถเขียนใบรับรองว่าใบเสร็จหายได้ ซึ่งมีแบบฟอร์มให้กรอก ส่วนเอกสารประจำรถได้แก่หลักฐานการผลิตจากโรงงาน ให้ประสานกับร้านขายรถจักรยานไฟฟ้าที่ยินดีให้ความช่วยเหลือ ขอให้โรงงานผลิตออกสำเนาหลักฐานใหม่ได้ (ตรวจดูรายชื่อร้านจากในเว็บนี้ โดยเลือกร้านที่อยู่ใกล้หรืออยู่ในเมืองเดียวกัน https://www.mvdis.gov.tw/files/m3/car/eBicyclesDoc/storeList.pdf)

ตัวอย่างใบรับรองว่าใบเสร็จซื้อรถจักรยานไฟฟ้าหาย ดาวน์โหลดไปใช้ได้เลย

            เราได้ทดลองประสานกับร้านขายรถจักรยานไฟฟ้าแห่งหนึ่งในเขตต้าซี นครเถาหยวน ชื่อร้าน เซิ่งต๋า กรีนเอ็นเนอร์ยี (勝達綠能車行 Tel : 03-388-8188 桃園市大溪區㇐德里康莊路245號) นายเฉินหงอวี้ (陳虹郁) เจ้าของร้านผู้มีอัธยาศัยดี ไขข้อข้องใจให้กับเราว่า แรงงานต่างชาติที่ประสงค์จะจดทะเบียนและขอแผ่นป้ายทะเบียนรถจักรยานไฟฟ้า แต่ไม่มีหลักฐานสำคัญจากโรงงานผลิต เพราะซื้อต่อจากเพื่อนมาหลายทอด สามารถขับขี่รถไปยังร้านขาย เพื่อให้ทางร้านช่วยตรวจดูได้ว่า เป็นรถยี่ห้ออะไร ผลิตจากโรงงานไหน? และช่วยตรวจดูว่ามีการปรับแต่งรถผิดไปจากเดิมไหม? หากมีจะช่วยแก้กลับไปสู่สภาพเดิม ค่าใช้จ่ายไม่แพง แต่ต้องไม่มีการแต่งเสียจนเวอร์ เพราะทางร้านไม่มีอะไหล่ที่จะแก้กลับไปสู่สภาพเดิม สำหรับค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับอะไหล่ ส่วนรถจักรยานไฟฟ้าที่มีความเร็วเกิน 25 กม./ชม. สามารถแก้กลับไปเป็นไม่เกิน 25 กม./ชม. ได้ เก็บค่าบริการ 300 เหรียญ เมื่ออยู่ในสภาพเดิมแล้ว ทางร้านจะถ่ายภาพรถจักรยานไฟฟ้า อัปโหลดส่งให้โรงงานผู้ผลิต ช่วยออกสำเนาหลักฐานการผลิตให้ใหม่ ค่าบริการขอหลักฐานการผลิตเพียง 100 เหรียญ กรณีที่มีการแต่งเวอร์ ไม่สามารถแก้กลับไปสู่เดิมได้ เนื่องจากไม่มีอะไหล่ แนะนำว่า ใช้ให้คุ้มจนถึง 30 พ.ย. 67 จากนั้นชั่งกิโลขาย เพราะไม่สามารถใช้ขับขี่บนท้องถนนได้อีกต่อไป ขืนใช้ต่อไปถูกจับจะไม่คุ้ม

ตำรวจเริ่มตรวจเข้มรถจักรยานไฟฟ้า หลังบังคับต้องจดทะเบียน ติดแผ่นป้ายทะเบียนและซื้อประกันภัยภาคบังคับ ตั้งแต่ 30 พ.ย. 65 เป็นต้นมา (ภาพจาก udn.com)

            นอกจากนี้ ร้านขายทั่วไปยังบริการช่วยยื่นขอแผ่นป้ายทะเบียนด้วย หรือจะยื่นขอเองก็ได้ โดยเตรียมเอกสารสำคัญ ได้แก่ บัตรถิ่นที่อยู่ (ARC) ฉบับจริง ตราประทับส่วนบุคคล (ไปแกะที่ร้านแกะตราประทับได้ ราคาประมาณ 100 เหรียญ)  ใบรับรองรถจากโรงงานผลิต ใบเสร็จกำกับภาษีซื้อรถจากร้านขาย และใบประกันภัยภาคบังคับที่มีผลมากกว่า 30 วัน ไม่ต้องแนบหนังสืออนุญาตจากนายจ้าง

ตำรวจไทจงตรวจเข้ม หลัง 30 พ.ย. 65 ประกาศใช้กฎหมายบังคับให้รถรถจักรยานไฟฟ้าคันใหม่ จะต้องยื่นขอติดแผ่นป้ายทะเบียนและซื้อประกันภาคบังคับ จึงจะขับขี่บนท้องถนนได้ (chinatimes.com)

            ส่วนรายละเอียดค่าธรรมเนียมการขอแผ่นป้ายทะเบียนรถจักรยานไฟฟ้า เสียค่าธรรมเนียมครั้งเดียว ได้แก่ค่าธรรมเนียมยื่นขอแผ่นป้ายทะเบียน 300 เหรียญ และค่าแผ่นป้ายเลขทะเบียน 150 เหรียญ รวม 450 เหรียญ ส่วนรถจักรยานไฟฟ้าคันเก่าที่ซื้อก่อนวันที่ 30 พ.ย. 65 จะต้องยื่นขอติดแผ่นป้ายทะเบียนภายในเวลา 2 ปี มิเช่นนั้น จะถูกปรับ 1,200-3,600 เหรียญ และจะถูกยึดรถไว้ชั่วคราวจนกว่าจะยื่นขอติดแผ่นป้ายทะเบียนเรียบร้อย แต่หากเป็นรถจักรยานไฟฟ้าที่ไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานหรือไม่มีเครื่องหมายฟ้าผ่าสีแดง จะถูกยึดรถถาวร

ตำรวจเริ่มตรวจเข้มรถจักรยานไฟฟ้า หลังบังคับต้องจดทะเบียน ติดแผ่นป้ายทะเบียนและซื้อประกันภัยภาคบังคับ ตั้งแต่ 30 พ.ย. 65 เป็นต้นมา (ภาพจาก udn.com)

            สำหรับการประกันภัยภาคบังคับ กำหนดให้รถจักรยานไฟฟ้าคันใหม่ต้องซื้อประกันภัยบุคคลที่ 3 หรือประกันภัยภาคบังคับ 3 ปี อัตราเบี้ยประกัน 1,358 เหรียญ หรือเฉลี่ยปีละ 453 เหรียญ รถเก่าที่ใช้งานมาแล้วไม่ถึง 1 ปี ต้องซื้อประกันภัย 2 ปี อัตราเบี้ยประกัน 971 เหรียญ ใช่งานมาแล้วกว่า 1 ปีแต่ไม่ครบ 2 ปี ต้องซื้อประกันภัย 1 ปี ในอัตราเบี้ยประกัน 563 เหรียญ เจ้าของรถสามารถหาซื้อประกันภัยภาคบังคับได้จากพนักงานขายประกันภัย หรือในเว็บของบริษัทประกันภัยได้ หรือขอให้ร้านขายช่วยดำเนินการให้ได้

ผู้ซื้อรถจักรยานไฟฟ้าคันใหม่ ทั้งคนท้องถิ่นและชาวต่างชาติ จะต้องยื่นขอทะเบียนรถ ติดป้ายทะเบียนและต้องซื้อประกันภัยบุคคลที่ 3 เช่นเดียวกับรถมอเตอร์ไซค์

            เมื่อมีการซื้อประกันภัยแล้ว หากโชคร้ายเกิดอุบัติเหตุไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิด เป็นเหตุให้มีคนเสียชีวิต ประกันจะจ่ายหัวละ 2,000,000 เหรียญ กรณีทุพพลภาพจะจ่ายตามระดับความพิการซึ่งมี 15 ระดับ ตั้งแต่ 50,000-2,000,000 เหรียญ ค่ารักษาพยาบาลสูงสุดจ่ายคนละ 200,000 เหรียญ หากต้องการวงเงินคุ้มครองที่สูงขึ้น สามารถซื้อเพิ่มกว่ามาตรฐานได้ และมีหลากหลายบริษัทประกันภัยขายประกันภัยภาคบังคับ สามารถซื้อผ่านร้านขายรถจักรยานไฟฟ้า หรือซื้อทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของบริษัทประกันภัยได้ และเพื่อที่จะบริการลูกค้าแรงงานต่างชาติ คาดว่าบริษัทประกันภัยจะมีบริการที่อำนวยความสะดวกแรงงานต่างชาติที่ง่ายและสะดวกในการซื้อประกันออกมาให้บริการแน่นอน

สื่อประชาสัมพันธ์เรื่องการยื่นขอแผ่นป้ายทะเบียนรถจักรยานไฟฟ้า จากกรมพัฒนากำลังแรงงาน กระทรวงแรงงาน

            ส่วนเลขป้ายทะเบียน กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคมเป็นผู้ออกแบบ เป็นแผ่นป้ายทะเบียนพื้นสีขาว เลขทะเบียนสีเขียว นำหน้าด้วยอักษรภาษาอังกฤษ 2 ตัว ตามด้วยเลขรวมเป็น 5 หลัก และอนุญาตให้เลือกเลขสวยได้ แต่ต้องจ่ายเลือกหมายเลขเพิ่มขึ้น โดยแบ่งเลขออกเป็น 3 ระดับ ค่าเลือกเลขสวยเริ่มตั้งแต่ 1,000-3,000 เหรียญไต้หวัน

แผ่นป้ายทะเบียนรถจักรยานไฟฟ้าพื้นสีขาว ตัวเลขทะเบียนสีเขียว นำหน้าด้วยอักษรภาษาอังกฤษ 2 ตัว ตามด้วยเลข 5 หลัก

            ตามกฎหมายการจราจรทางถนนและการลงโทษฉบับแก้ไข ในส่วนที่เกี่ยวกับรถจักรยานไฟฟ้า กำหนดให้ความเร็วไม่เกิน 25 กม. ต่อชั่วโมง น้ำหนักรถไม่รวมแบตเตอรี่ต่ำกว่า 40 กก. หรือรวมแบตเตอรี่ไม่เกิน 60 กก. กระทรวงแรงงานออกประกาศเตือนแรงงานต่างชาติว่า เพื่อป้องกันเกิดปัญหา แรงงานต่างชาติที่ประสงค์ซื้อรถในนามของตน ต้องซื้อหาหรือขับขี่รถจักรยานไฟฟ้าที่มีเครื่องหมายฟ้าผ่าสีแดง ซึ่งเป็นเครื่องหมายรับรองมาตรฐานเท่านั้น ขับขี่รถจักรยานไฟฟ้าที่ไม่มีเครื่องหมายรับรองมาตรฐานจะถูกยึดรถทันที! ความเร็วรถเกิน 25 กม./ชม. โทษปรับตั้งแต่ 900-1,800 เหรียญไต้หวัน ไม่สวมหมวกกันน็อกถูกปรับ 300 เหรียญ ดัดแปลงหรือแต่งรถจักรยานไฟฟ้าปรับตั้งแต่ 1,800-5,400 เหรียญไต้หวัน ห้ามให้คนซ้อนท้ายและห้ามเมาแล้วขับ

            กรณีที่ไม่ยื่นขอติดแผ่นป้ายทะเบียนตามกำหนด มีโทษปรับ 1,200-3,600 เหรียญไต้หวัน หากไม่ซื้อประกันภัยภาคบังคับตามกำหนด มีโทษปรับ 750-1,800 เหรียญ แต่หากเกิดอุบัติเหตุและพบว่ารถจักรยานไฟฟ้าไม่ได้ซื้อประกัน ต้องเสียค่าปรับ 9,000 – 30,000 เหรียญไต้หวัน

            ดาวน์โหลดรายชื่อร้านขายรถจักรยานไฟฟ้าทั่วไต้หวันที่ให้ความช่วยเหลือจัดการปัญหาการยื่นขอจดทะเบียน กรณีไม่สามารถไปทำเองได้ หรือมีปัญหาเอกสารไม่ครบ : https://www.mvdis.gov.tw/files/m3/car/eBicyclesDoc/storeList.pdf

            ดาวน์โหลดคู่มือการยื่นขอจดทะเบียนหรือการโอนชื่อเจ้าของรถจักรยานไฟฟ้า : https://www.mvdis.gov.tw/files/m3/car/eBicyclesDoc/ebike_th_TH.pdf

2. อภินิหารมีจริง เทพแห่งโชคลาภไม่ยอมจากไป! แม่ลูกอ่อนชาวไต้หวันเข็นทารกมาซื้อลอตเตอรี่ขูดถูกรางวัล 1 ล้าน แรงงานต่างชาติ 5 คนเอาบ้าง ซื้อแล้วไปนั่งขูดที่เดียวกันถูก 1 ล้านเหมือนกัน

            ช่วงวันหยุดตรุษจีนที่ผ่านมา ไต้หวันมีการออกลอตเตอรี่ขูดหลายชนิด ในจำนวนนี้ที่ขายดีมากได้แก่ ชนิดราคาใบละ 2,000 และ 1,000 เหรียญ โดยใบละ 1,000 เหรียญ มีรางวัลใหญ่ 12 ล้านเหรียญไต้หวัน รองลงมาคือ 1 ล้านเหรียญ 100,000 เหรียญ 50,000 เหรียญ 10,000 เหรียญและ 8,000 เหรียญ

ร้ายขายลอตเอตรี่ประกาศ แม่ลูกอ่อนชาวไต้หวันเข็นทารกมาซื้อลอตเตอรี่ขูดถูกรางวัล 1 ล้านเหรียญไต้หวัน

          ในวันตรุษจีน (22 ม.ค.) ที่ผ่านมา มีแม่ลูกอ่อนชาวไต้หวันเข็นทารกไปซื้อลอตเตอรี่ที่ร้านขายในเขตต้าหลี นครไทจง เธอซื้อลอตเตอรี่ขูดชนิดราคา 1,000 เหรียญ 1 ใบ ปรากฏว่าขูดถูกรางวัลที่ 2 เงินรางวัล 1 ล้านเหรียญ เนื่องจากแม่ลูกอ่อนรายนี้ ไม่แน่ใจจึงขอให้พนักงานร้านช่วยตรวจสอบด้วยเครื่องตรวจสอบสแกน ปรากฏว่าลอตเตอรี่ใบนี้ถูกรางวัลที่ 2 เครื่องสแกนเสียงดังลั่นร้าน ลูกค้าที่อยู่ในร้านในขณะนั้นต่างหันมามองด้วยความอิจฉา ในจำนวนนี้ มีแรงงานต่างชาติรวมอยู่ด้วย มีการกระจายข่าวนี้ออกไปในหมู่แรงงานต่างชาติอย่างรวดเร็ว

แรงงานต่างชาติ 5 คน ซื้อลอตเตอรี่ขูดชนิดราคาใบละ 2,000 เหรียญ 2 ใบจากร้านเดียวกันและนั่งขูดที่โต๊ะเดียวกับหญิงไต้หวันผู้โชคดี ถูกรางวัล 1 ล้านเหรียญเช่นเดียวกัน

          หลังจากนั้น ก็มีแรงงานต่างชาติจำนวนไม่น้อยแวะเวียนมาซื้อลอตเตอรี่จากร้านนี้ แต่ไม่มีข่าวว่ามีคนถูกรางวัล จนกระทั่งอีก 2 วันต่อมา ในช่วงค่ำประมาณ 18.00 น. เศษ มีแรงงานต่างชาติ 5 คน (น่าจะเป็นแรงงานฟิลิปปินส์) มาที่ร้านแห่งนี้ซื้อลอตเตอรี่ขูดชนิดราคาใบละ 2,000 เหรียญ ซึ่งในขณะนั้นในร้านเหลือเพียง 8 ใบ ทั้ง 5 ตัดสินใจร่วมลงขันกันซื้อ 2 ใบ เป็นเงิน 4,000 เหรียญ จากนั้นถามพนักงานในร้านว่า 2 วันก่อนแม่ลูกอ่อนที่ถูกรางวัล 1 ล้านเหรียญ นั่งขูดที่โต๊ะไหน พนักงานในร้านจึงชี้ไปยังโต๊ะตัวที่แม่ลูกอ่อนผู้โชคดีนั่งขูด ทั้ง 5 จึงนั่งลงที่โต๊ะนั้น แล้วเริ่มขูดลอตเตอรี่ ปรากฏว่าใบแรกถูกรางวัลเล็ก ๆ แต่ใบที่ 2 ถูกรางวัล 1 ล้านเหรียญ พวกเขาร้องตะโกนด้วยความดีใจว่า “ถูกรางวัล 1 ล้าน ถูกรางวัล 1 ล้าน” ทำให้ลูกค้าอื่น ๆ ในร้านหันมามองด้วยความอิจฉา แรงงานต่างชาติ 5 คนยังถ่ายรูปที่หน้าร้านไว้เป็นที่ระลึกด้วย พร้อมกันนี้ ใส่ซองอั่งเปาแก่พนักงานในร้าน 2 คน คนละ 5,000 เหรียญด้วย

แรงงานต่างชาติ 5 คน ซื้อลอตเตอรี่ขูดชนิดราคาใบละ 2,000 เหรียญ 2 ใบจากร้านเดียวกันและนั่งขูดที่โต๊ะเดียวกับหญิงไต้หวันผู้โชคดี ถูกรางวัล 1 ล้านเหรียญเช่นเดียวกัน ดีใจมากถ่ายรูปที่หน้าร้านไว้เป็นที่ระลึก

ผู้จัดรายการ

ความคิดเห็นที่เกี่ยวข้อง