1. เศรษฐกิจอยู่ในภาวะขาลง ทำยอดจำนวนแรงงานต่างชาติผิดกฎหมายที่ยังไม่ถูกตรวจพบ ทะลุหลัก 80,000 คนแล้ว สูงเป็นประวัติการณ์
สถิติของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ณ วันที่ 31 มกราคม 2566 ยอดจำนวนแรงงานต่างชาติหลบหนีกลายเป็นแรงงานผิดกฎหมายในไต้หวันที่ยังไม่ถูกตรวจพบมีจำนวน 80,643 คนแล้ว สูงเป็นประวัติการณ์ โดยชาติที่มีจำนวนหลบหนีมากที่สุดได้แก่ เวียดนาม มี 49,063 คน ครองสัดส่วน 61% มากกว่าอันดับอินโดนีเซียที่มี 27,154 ครองสัดส่วน 33.7% เกือบ 1 เท่าตัว ฟิลิปปินส์อันดับ 3 มีจำนวน 2,654 คน ส่วนไทยอันดับ 4 มีจำนวน 1,771 คน หากดูจากตัวเลขและเทียบกับจำนวนแรงงานของแต่ละชาติแล้ว จะเห็นได้ว่าแรงงานฟิลิปปินส์หลบหนีน้อยที่สุด 1.7% แรงงานไทยหลบหนีอันดับ 3 ประมาณ 2.67% อินโดนีเซีย 10.8% เวียดนามหลบหนีมากที่สุด 20% หรือทุก 5 คนหลบหนี 1 คน
แรงงานต่างชาติจำนวนมากหลบหนีไปทำงานภาคการเกษตร
เมื่อหลบหนีไปแล้ว มีปัญหาตามมามากมาย โดยเฉพาะช่วงปลายปีเป็นต้นมา เศรษฐกิจไต้หวันอยู่ในช่วงขาลง โรงงานต่าง ๆ ลดขนาดการผลิตและมีการปลดพนักงาน มีหลายโรงงานให้คนงานลากลับไปพักร้อน 2-3 เดือน คนงานถูกกฎหมายยังลำบาก คนงานหลบหนียิ่งมีปัญหา จึงเตือนแรงงานไทยที่คิดจะหลบหนี ต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ
เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจเข้มตามสถานประกอบการต่าง ๆ จับกุมชาวต่างชาติผิดกฎหมายได้จำนวนมาก
2. ชำระหนี้เสียโดยดี แรงงานไทยกู้หนี้แล้วหนี ทวงคืนเงินหักฝากกว่า 80,000 เหรียญ ในบัญชีเหลือเพียง 5,000 ถูก เจ้าหนี้ขอให้ศาลยึดเงินทั้งต้นและดอกจากบัญชีธนาคารและอายัดเงินคืนภาษีจากสรรพากร
แรงงานไทยที่ทำงานในไซต์งานก่อสร้างทางภาคเหนือรายหนึ่ง ทำงานกว่า 4 ปี เชื่อคำชักชวนหนีไปทำงานอย่างผิดกฎหมายที่นครเกาสง แต่ทำได้ไม่นานถูกจับ ไม่มีเงินจ่ายค่าปรับและซื้อตั๋วเครื่องบินกลับบ้าน ร้องไปยังสำนักงานแรงงานไทยขอให้ช่วยติดตามเงินหักฝากกว่า 80,000 เหรียญในบัญชีธนาคาร ทางสำนักงานแรงงานได้ประสานงานกับนายจ้าง แม้จะไม่เต็มใจคืนเพราะคนงานหลบหนีสร้างความเสียหาย แต่นายจ้างก็ทำตามที่สำนักงานแรงงานขอร้อง เมื่อไปถอนเงินจากบัญชีธนาคาร พบเหลือแค่ 5,000 เหรียญเศษ ถูกศาลยึดเงินในบัญชีไปแล้ว 78,000 เหรียญ เมื่อถามผู้ร้องว่า เคยไปกู้เงินแล้วไม่ชำระตามนัดใช่ไหม? แรงงานไทยรายนี้จึงตอบว่าใช่ กู้ 50,000 เหรียญ ชำระไปแล้ว 2-3 งวด จากนั้นหลบหนีคิดว่าไม่ต้องจ่าย ที่ไหนได้ถูกบริษัทเงินกู้ฟ้องศาล โดยคิดทั้งเงินต้น ดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าธรรมเนียมศาล ค่าทนาย รวมแล้วต้องคืน 78,000 เหรียญ ขณะที่แรงงานไทยรายนี้ยังติดค่าอาหาร ที่พักและค่าบริการบริษัทจัดหางานก่อนการหลบหนีอีกหลายพัน สรุปไม่มีเงินเหลือสำหรับใช้ซื้อตั๋วเครื่องบินกลับบ้าน ต้องอยู่ในสถานกักกันต่อไป จนกว่าจะครบกำหนด 45 วัน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจึงจะยื่นขอเงินหลวง ส่งกลับประเทศ
ตัวอย่างคำสั่งศาลให้แรงงานต่างชาติชำระเงินกู้
ใครที่กู้เงินแล้วคิดจะชักดายด้วยการหลบหนีต้องระวัง เดียวนี้บริษัทเงินกู้ทั้งหลาย จะขอให้ศาลยึดเงินจากบัญชีธนาคาร ค่าจ้างค้างจ่ายและเงินภาษีในส่วนที่จะได้รับคืนจากสรรพากร บริษัทปล่อยกู้บางรายโหดมาก นอกจากแจ้งศาลบังคับให้นายจ้างหักเงินค่าจ้างค้างจ่าย ให้ธนาคารอายัดบัญชี ยังขอให้ศาลส่งหนังสือถึงสรรพากรอายัดเงินคืนภาษีของลูกหนี้รายนั้น ๆ ทั้งหมดด้วย แม้จะคืนหนี้จนครบจำนวนแล้ว ต้องไปทำเรื่องขอเงินคืนภาษีที่ถูกศาลสั่งอายัด เป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก
ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จู่โจมบ้านเช่าหลังหนึ่งในไถหนานตั้งแต่เช้าตรู่ จับแรงงานผิดกฎหมายที่เพิ่งตื่นนอนได้ 20 คน
3. ศรัทธาแรงกล้า! สาวเวียดนามผิดกฎหมายถูกจับขณะร่วมขบวนแห่เจ้าแม่มาจู่ วอนตำรวจผ่อนผันให้เสร็จพิธีแล้วค่อยจับ ตำรวจตอบว่า ทำผิดกฎหมาย ผ่อนผันให้ไม่ได้
วันที่ 12-20 ก.พ. ที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาจัดพิธีแห่เจ้าแม่มาจู่แห่งหมู่บ้านไปซาถุน ที่ตำบลทงเซียว เมืองเหมียวลี่ ขบวนแห่ใช้วิธีเดินเท้าแวะเวียนไปตามเมืองต่าง ๆ จากเหมียวลี่ ไปยังนครไทจง จางฮั่ว และหยุนหลิน สิ้นสุดลงในวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา รวมระยะทางกว่า 400 กม. กินเวลา 9 วัน 8 คืน มีผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วมนับแสนคน ในจำนวนนี้ ยังมีชาวต่างชาติทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมายเข้าร่วมด้วย
สาวเวียดนามผิดกฎหมายถูกจับขณะร่วมขบวนแห่เจ้าแม่มาจู่ ก่อนขึ้นรถตำรวจ วอนผ่อนผันให้เสร็จพิธีแล้วค่อยจับ ตำรวจไม่ยอม
เมื่อขบวนแห่ไปถึงเขตต้าตู้ นครไทจง มีแรงงานหญิงชาวเวียดนาม 3 คนเดินทางมาจากเขตต้าเจี่ยมาร่วมขบวนแห่ด้วย แต่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของคณะกรรมการจัดพิธีแห่ คือไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย ตำรวจที่ดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยบริเวณที่ขบวนแห่ผ่านเข้าไปตักเตือนให้ใส่หน้ากากอนามัย ทันใดนั้น 1 ใน 3 ของสาวเวียดนาม เกิดอาการกินปูนร้อนท้อง เห็นตำรวจเข้าใกล้คิดว่าจะมาจับตนวิ่งหนีทันที ตำรวจมือไวคว้ามือจับไว้ได้ จากการตรวจสอบคนวิ่งหนีเป็นแรงงานเวียดนามผิดกฎหมาย อายุ 26 ปี ชวนกันมาร่วมขบวนแห่กับเพื่อนอีก 2 คนที่เป็นแรงงานถูกกฎหมาย ไม่คิดว่าจะถูกจับเพราะเหตุไม่ใส่หน้ากากอนามัย
สาวเวียดนามผิดกฎหมายวัย 26 ปี ถูกจับขณะร่วมขบวนแห่เจ้าแม่มาจู่ เนื่องจากไม่ใส่หน้ากากอนามัย
หลังถูกจับ ตำรวจส่งขึ้นรถเพื่อพากลับโรงพัก แต่แรงงานเวียดนามรายนี้อ้อนวอนกับตำรวจว่า ตนศรัทธาในองค์เจ้าแม่มาจู่มาก ขอผ่อนผันให้ร่วมขบวนแห่จนถึงที่หมายก่อนค่อยจับได้ไหม และตนรับรองว่าจะไม่หลบหนี ตำรวจไม่ยอม และกล่าวก่อนควบคุมตัวขึ้นรถไปยังสถานกักกันว่า มนต์ขลังของเจ้าแม่มาจู๋แรงจริง ๆ แม้แต่ชาวต่างชาติที่ผิดกฎหมายก็เสี่ยงต่อการถูกจับมาเข้าร่วมขบวนแห่ แต่การฝ่าฝืนกฎหมาย แม้จะในพิธีศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา ตำรวจไม่อาจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้
4. ผีน้อยรุ่นคุณทวด! สองตายายชาวเวียดนามวัย 94 ปี มอบตัวขอกลับบ้านต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจตะลึง รมว. กระทรวงมหาดไทยเดินทางมาให้การต้อนรับ
สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไต้หวันจัดทำโครงการลดหย่อนโทษสำหรับชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในไต้หวันเกินกำหนด โดยลดหย่อนโทษปรับเพียงขั้นต่ำ 2,000 เหรียญ ไม่กักกัน และไม่ติดแบล็กลิสต์ สำหรับชาวต่างชาติที่อยู่อย่างผิดกฎหมายและเข้ารายงานตัวระหว่าง 1 ก.พ.-30 มิ.ย. 66 เลยกำหนดค่าปรับอาจเพิ่ม 15 เท่า และติดแบล็กลิสต์ 10 ปี
สองตายายชาวเวียดนามวัย 94 ปีกับ 78 ปี เดินทางมาเยี่ยมลูกสาวแต่อยู่เลยกำหนดวีซ่า เข้ามอบงานตัว นายหลินโหยวชาง รมว. มท. (หน้าตรงสวมแว่น) ให้การต้อนรับ
นับแต่เริ่มโครงการเป็นต้นมา มีชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในไต้หวันอย่างผิดกฎหมาย เข้ารายงานตัวเพื่อเดินทางกลับประเทศเป็นอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่เป็นแรงงานต่างชาติหลบหนีนายจ้างไปทำงานผิดกฎหมายและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อยู่เกินกำหนด กลายเป็นผีน้อย ที่ผ่านมาบรรดาผีน้อยมักเป็นคนวัยฉกรรจ์ แต่เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีสองตายายชาวเวียดนามคู่หนึ่ง อายุ 94 ปีกับ 78 ปี เดินทางมาเยี่ยมลูกสาวที่แต่งงานมาอยู่ไต้หวัน 10 กว่าปีแล้ว เป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกเมื่อสามปีที่แล้วอยู่ไต้หวัน 2 เดือน เที่ยวนี้เดินทางมาเมื่อเดือนสิงหาคม อยู่เลยกำหนด 93 วัน ตามปกติต้องเสียค่าปรับ 10,000 เหรียญไต้หวัน ทราบข่าวโครงการลดหย่อนโทษรีบเข้ารายงานตัวเพื่อขอเดินทางกลับเวียดนาม เสียค่าปรับแค่ 2000 เหรียญไต้หวัน ไม่ถูกกักขัง และยังสามารถเดินทางกลับมาเยี่ยมลูกสาวได้อีก
เนื่องจากเป็นผู้เข้ารายงานตัวที่มีอายุมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองคอยอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี รมว. กระทรวงมหาดไทยยังเดินทางมาให้การต้อนรับด้วยตนเอง
สองตายายชาวเวียดนามวัย 94 ปีกับ 78 ปี เดินทางมาเยี่ยมลูกสาวแต่อยู่เลยกำหนดวีซ่า เข้ามอบงานตัว นายหลินโหยวชาง รมว. มท. (ขวามือ) ให้การต้อนรับ
ย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า โครงการลดหย่อนโทษครั้งนี้ จะหมดเขตในวันที่ 30 มิ.ย. 2566 หลังจากนั้น หากถูกตรวจพบ จะต้องเสียค่าปรับตามกฎหมายที่ใช้บังคับในปัจจุบันคือ :
ไม่เกิน 10 วัน เสียค่าปรับ 2,000 เหรียญไต้หวัน
11 วันขึ้นไป ไม่เกิน 30 วัน เสียค่าปรับ 4,000 เหรียญไต้หวัน
31 วันขึ้นไป ไม่เกิน 60 วัน เสียค่าปรับ 6,000 เหรียญไต้หวัน
61 วันขึ้นไป ไม่เกิน 90 วัน เสียค่าปรับ 8,000 เหรียญไต้หวัน
91 วันขึ้นไป เสียค่าปรับ 10,000 เหรียญไต้หวัน
ถูกจำกัดหรือติดแบล็กลิสต์เข้าไต้หวันเป็นเวลา 8 ปี
แต่หากร่างกฎหมายคนเข้าเมืองฉบับใหม่ผ่านสภาฯ และประกาศใช้ ค่าปรับต่ำสุดจะเริ่มต้นที่ 30,000 เหรียญ สูงสุด 150,000 เหรียญไต้หวัน และจะถูกจำกัดสิทธิ์การเดินทางเข้าไต้หวันเป็นเวลา 10 ปี