RTI Radio Taiwan International 
RTI Radio Taiwan International 
1. ไต้หวันเอาอยู่ สถานการณ์โควิดมีแนวโน้มคลี่คลาย หลังหยุดยาวเทศกาลตรุษจีนไม่ลุกลาม เล็งลดกักตัวเหลือ 10 วันในเดือนมีนาคมนี้ และจะเปิดให้นักธุรกิจเดินทางเข้าประเทศได้
หลังช่วงหยุดยาวเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา ถูกจับตามองว่า สถานการณ์โควิดจะรุนแรงขึ้นหรือไม่ เนื่องจากชาวไต้หวัน ทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ ต่างเดินทางกลับบ้านรวมญาติฉลองตรุษจีน เกรงจะทำให้เกิดการระบาดรอบใหม่ แต่ชาวไต้หวันให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคเป็นอย่างดี สถานการณ์ไม่ได้ลุกลามบานปลาย แถมผู้ป่วยยืนยันยังลดลง 24% เมื่อเทียบกับหลังตรุษจีนปีที่แล้ว
ไต้หวันพิจารณาลดวันกักตัวของผู้เดินทางเข้าประเทศเหลือ 10 วันในเดือนมีนาคมนี้ และจะเปิดให้นักธุรกิจเดินทางเข้าประเทศได้
ขณะที่การรับวัคซีนโควิดเข็มที่ 1 มีอัตราส่วน 82.28% วัคซีนเข็มที่ 2 มีอัตราส่วน 75.57% ส่วนวัคซีนเข็มที่ 3 มีอัตราส่วน 29.3% รวมแล้วมีผู้ได้รับวัคซีนสะสมประมาณ 43.88 ล้านคน/ครั้ง เมื่อคุมสถานการณ์ไว้ได้และมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง ศูนย์บัญชาการควบคุมโรคคาดการณ์ว่า หากสถานการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง ช่วงกลางเดือนมีนาคม จะผ่อนคลายมาตรการควบคุมพรมแดน ด้วยการลดวันกักตัวสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศจากปัจจุบัน 14 วัน บวกเฝ้าสังเกตอาการตนเอง 7 วัน เหลือกักตัว 10 วัน บวกสังเกตอาการตนเอง 7 วัน หรือพูดง่าย ๆ จากเดิม 21 วัน ลดเหลือ 17 วัน และอนุญาตให้กักตัวที่บ้านได้ ในลักษณะ 1 คนต่อ 1 หลัง นอกจากนี้ ยังจะขยายการเปิดให้นักธุรกิจเดินทางเข้าไต้หวันโดยใช้มาตรการกักตัวที่ลดระยะเวลาลงดังกล่าว ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยังต้องรอดูสถานการณ์ต่อไปอีกสักพัก
ชาวไต้หวันรับวัคซีนสะสมแล้ว 43.88 ล้านคน/ครั้ง
2. ปีนี้อากาศหนาวแฉะและนานเป็นพิเศษ มีผู้หนาวตายไปแล้วจำนวนมาก
ผู้เชี่ยวชาญที่เคยเตือนไว้ช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้ว พยากรณ์ว่า ปีนี้ลมหนาวมาเร็วและจะหนาวมากเป็นพิเศษ ก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ปีนี้อากาศหนาวมากและยาวนานเป็นพิเศษ ลมหนาวลูกแล้วลูกเล่าพัดลงมาปกคลุมไต้หวันอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย ทำให้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วเป็นต้นมา ทั่วไต้หวันอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำกว่า 10% เกิดขึ้นเป็นประจำ แถมภาคเหนือยังมีฝนตกตลอด หนาวแบบชื้นแฉะ สภาพอากาศเช่นนี้ คงจะลากยาวไปถึงเดือนเมษายน จึงจะดีขึ้น
ปีนี้อากาศหนาวแฉะและยาวนานเป็นพิเศษ (ภาพจาก Liberty Times))
สภาพอากาศที่หนาวเย็นเช่นนี้ ทำเอาผู้คนที่ร่างกายอ่อนแอ โดยเฉพาะคนที่มีโรคเรื้อรังประจำตัวและผู้สูงอายุ แต่ละวันเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก อย่างเมื่อวันที่ 7-9 มกราคมที่ผ่านมา ระยะเวลาสั้นๆ 48 ชั่วโมง มีคนหนาวตายถึง 126 คน ในจำนวนนี้ ที่เกาสงเสียชีวิตมากสุด
อากาศหนาวต้องสวมใส่เสื้อผ้าให้ร่างกายอบอุ่น (ภาพจาก udn.com)
3. พาชมความงามของดอกซากุระที่ฟาร์มอู่หลิง นครไทจง
สภาพอากาศไต้หวันในช่วงนี้ย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งถือเป็นฤดูกาลที่บุปผชาตินานาพันธ์ุทยอยออกดอกเบ่งบาน และในช่วงนี้เป็นช่วงที่ดอกซากุระกำลังบานสะพรั่ง ทำให้ผู้คนในไต้หวันซึ่งเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศไม่ได้ แห่เดินทางไปชมซากุระกัน ทำให้สถานที่ชมซากุระในไต้หวันซึ่งมีอยู่หลายแห่ง รถติดยาวเหยียดและยาวนานหลายชั่วโมง เมื่อวันศุกร์ที่แล้วดิฉันมีโอกาสเดินทางไปชมซากุระที่ฟาร์มอู่หลิง (武陵農場) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาเสวี่ยซาน ณ ความสูง 1,750- 2,200 เมตร จากระดับน้ำทะเล อยู่ติดกับอุทยานแห่งชาติเสวี่ยซาน ในเขตไท่ผิง นครไทจง ที่เลือกไปชมซากุระที่ฟาร์มแห่งนี้เพราะฟาร์มอู่หลิงซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ชมซากุระที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเพราะมีต้นซากุระกว่า 10 สายพันธุ์ เป็นจำนวนมากถึง 21,000 ต้น บนพื้นที่ 200 เฮกตาร์หรือ1,250 ไร่ ในขณะที่ฟาร์มอู่หลิงมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 800 เฮกตาร์ (ประมาณ 5,000 ไร่)
ช่วงที่ซากุระบาน เพียงย่างเข้าสู่ภายในฟาร์มจะได้เห็นดอกซากุระบานสะพรั่งเต็มต้นตั้งแต่ริมถนนเป็นต้นไป
โดยพื้นที่ปลูกซากุระในฟาร์มอู่หลิงจะกระจายอยู่ทั่วไปตามภูเขา สวนชาและริมถนนภายในฟาร์ม เรียกได้ว่าแค่ย่างกรายเข้าสู่ฟาร์มแห่งนี้ สิ่งที่ผ่านเข้าสู่ม่านตาคุณก็คือสีชมพูอ่อน และชมพูเข้มของดอกซากุระหลากหลายพันธุ์ สวยงามมาก ยิ่งหน้าหนาวปีนี้ปริมาณฝนมากกว่าทุกปี ทำให้ซากุระออกดอกมากเป็นพิเศษ มากที่สุดในรอบ 10 ปี
ฤดูหนาวปีนี้ปริมาณฝนมากกว่าทุกปี ทำให้ซากุระออกดอกมากเป็นพิเศษและมากที่สุดในรอบ 10 ปี
ฟาร์มอู่หลิง เป็น 1 ใน 5 ฟาร์มเกษตรเชิงท่องเที่ยว ภายใต้สังกัดของคณะกรรมการกิจการทหารผ่านศึก (Veterans Affairs Council,VAC) กระทรวงกลาโหม สาธารณรัฐจีน(ไต้หวัน) ดังนั้นพนักงานหรือคนงานในฟาร์มส่วนใหญ่เป็นนายทหารและพลทหารที่เกษียณราชการแล้ว ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2506 โดยนายพลเจียงจิงกัว ซึ่งขณะนั้นเป็นประธานคณะกรรมการกิจการทหารผ่านศึก เพื่อใช้เป็นสถานที่วิจัยพันธุ์พืชผักผลไม้ในสภาพภูมิอากาศหนาวเย็น และเป็นการสร้างอาชีพให้แก่ทหารผ่านศึกและทหารที่เกษียณราชการแล้ว ภายในฟาร์มนอกจากปลูกต้นซากุระแล้ว ยังมีสวนชา สวนท้อ สวนแอปเปิล สวนเก๊กฮวย และมีศูนย์ระบบนิเวศปลาแซลมอนไต้หวัน
บ้านพักมีให้เลือกหลายแบบ ในภาพเป็นบ้านพักขนาดเล็กกะทัดรัดบริเวณใกล้ลานกางเต้นท์
ปีนี้ฤดูชมซากุระของฟาร์มอู่หลิง อยู่ในช่วงระหว่างวันที่ 12 -28 ก.พ. ซึ่งจะมีการควบคุมจำนวนคน ไม่เกิน 6,000 คนต่อวัน โดยต้องเสียค่าบัตรผ่านประตู วันธรรมดา 130 เหรียญไต้หวัน เสาร์-อาทิตย์160 เหรียญไต้หวัน ซึ่งถือว่าไม่แพงเลย เพราะถ้ามีแรงเดิน สามารถเดินชมกันได้ตลอดทั้งวัน หรือหากอยากชมซากุระยามราตรีก็สามารถจองห้องพักในฟาร์มฯได้ ซึ่งมีห้องพักให้เลือกหลายแบบ หลายสไตล์ ตั้งแต่ห้องแบบ 2-6 คน ราคาตั้งแต่ 3,720-9,500 เหรียญไต้หวันต่อคืน (ติดต่อสำรองห้องพักได้ที่เบอร์โทร 04-25901259 ต่อ 2001,2002 (08:00~21:00) และหากต้องการกางเต้นท์ค้างแรมติดต่อได้ที่เบอร์โทร 04-25901470 , 04-25901265 (08:00~21:00) แต่ต้องจองล่วงหน้าก่อน
อัญชัน ทรงพุทธิ์ ผู้จัดรายการโหนกระแสชมซากุระ เดินทางขึ้นเขาไปที่ฟาร์มอู่หลิงกว่าจะได้ถ่ายรูปชิลๆแบบนี้ใช้เวลาเดินทางร่วม 5 ชม.
สำหรับการเดินทางมีรถบัสของ บริษัทขนส่ง Kuo Kuang วิ่งระหว่างสถานีรถไฟไทเป-ฟาร์มอู่หลิง สถานีขนส่งที่ทำการเทศบาลไทเป-ฟาร์มอู่หลิง สถานีขนส่งอี๋หลาน-ฟาร์มอู่หลิง สถานีขนส่งหลัวตง-ฟาร์มอู่หลิง และสถานีขนส่งซานซิง-ฟาร์มอู่หลิง
แผนที่ฟาร์มอู่หลิง https://goo.gl/maps/9DnNGjsjnjDnGm3V9
