close
Rti Thaiดาวน์โหลด Rti App
Open
:::

อนุสัญญาการผลิตข่าวและการส่งกระจายเสียง Rti

ประกาศ

อนุสัญญาการผลิตข่าวและการส่งกระจายเสียง Radio Taiwan International

วันที่ 10 เมษายน 2566

เลขที่ 1120000177

บทนำ

ตาม “กฎหมายการก่อตั้งสถานีวิทยุ Radio Taiwan International” (ต่อไปนี้เรียก Rti) จะต้องรับผิดชอบจัดทำข้อมูลข่าวสารและส่งกระจายเสียงของประเทศ เพื่อให้บรรลุตามพันธกิจข้างต้น และทำให้ Rti เป็นสื่อมวลชนที่มีความยุติธรรม เป็นกลาง มีความเป็นมืออาชีพและได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ฟังทั้งในและต่างประเทศ จึงได้ทำการร่างข้อบังคับในการจัดทำและกระจายเสียงข่าวขึ้น โดยอ้างอิงจากกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวบรวมความคิดเห็นจากนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงพิจารณาจากกลไกกำกับดูแลกันเองของสื่อมวลชนจากทั้งในและต่างประเทศ มาใช้ในการกำหนดระเบียบปฏิบัติในการผลิตข่าวและการส่งกระจายเสียงฉบับนี้ขึ้น เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับให้พนักงานซึ่งมีหน้าที่ในการผลิตข่าวและการส่งกระจายเสียงของ Rti

I. ข้อบังคับหลัก

1.ในการรายงานข่าวห้ามมีสภาพการณ์ต่อไปนี้

(1)ฝ่าฝืนหรือละเมิดระเบียบกฎหมาย

(2)เป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพกายใจของเด็กหรือเยาวชน

(3)ทำลายความสงบสุขหรือขัดต่อหลักศีลธรรมอันดีของสังคม

(4)ขัดต่อหลักแห่งความเป็นจริงและความเป็นกลาง

2.ความถูกต้อง

(1)ก่อนการรายงานข่าว ต้องตรวจสอบความถูกต้องอย่างเต็มที่ ความถูกต้องต้องมาก่อนความรวดเร็ว ห้ามปั้นน้ำเป็นตัว ห้ามบิดเบือนความจริง

(2)ก่อนการสัมภาษณ์และรายงานข่าว ต้องทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ เพื่อให้สามารถเข้าใจถึงหัวใจของประเด็นได้อย่างทันท่วงที อันจะเป็นการเพิ่มความถูกต้องและรวดเร็วของการรายงานข่าว

(3)ในการรายงานข่าวต้องมีแหล่งที่มาของข้อมูล หากผู้ถูกสัมภาษณ์ต้องการให้ปกปิดชื่อเสียงเรียงนาม ควรต้องพิจารณาตามความเป็นจริงอย่างเหมาะสม พร้อมกับรายงานต่อหน่วยงานเป็นการภายใน

(4)ควรบันทึกหลักฐานในการสัมภาษณ์ และเก็บรักษาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง สำหรับใช้ในการตรวจสอบในภายหลัง

(5)การเลือกเป้าหมายในการสัมภาษณ์ ควรให้ครอบคลุมและมีความหลากหลาย การตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่ควรพึ่งพาหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเพียงแห่งเดียว อย่างน้อยควรมีแหล่งที่มา 2 แหล่งขึ้นไป

(6)การรายงานข่าวควรรายงานทันทีหลังการสัมภาษณ์ หากเป็นเหตุเร่งด่วนควรรายงานเป็นข่าวสั้นที่ถูกต้องก่อน จากนั้นให้รายงานความคืบหน้าของสถานการณ์ตามความเหมาะสม

3.มีความเป็นกลาง

(1)การรายงานข่าวควรมีความเป็นกลาง นอกจากจะรายงานความเป็นจริงในโอกาสแรกแล้ว ให้ติดตามความคืบหน้าของสถานการณ์ และพยายามรายงานให้ครอบคลุมถึงประเด็นและความคิดเห็นที่สำคัญด้วย

(2)เนื้อหาของข่าวควรมีมุมมองที่หลากหลาย ไม่ลำเอียง ไม่ใช้คำคุณศัพท์ที่มาจากมุมมองของผู้สื่อข่าวและบรรณาธิการ หรือสอดแทรกความคิดเห็นส่วนตัว

(3)สำหรับประเด็นที่มีข้อขัดแย้ง ควรสอดแทรกความคิดเห็นของทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพื่อส่งเสริมให้เกิดการสนทนาที่มีเหตุมีผล

(4)ในการรายงานข่าวหรือที่หน้าเว็บไซต์ ควรมีการแบ่งแยกอย่างชัดเจนสำหรับบทวิเคราะห์หรือการรายงานข่าว

(5)ในการรายงานข่าวไม่ควรจะเป็นแบบตายตัวหรือมีการใช้คำที่มีความโอนเอียงหรือดูถูกเหยียดหยาม ต่อกลุ่มชาติพันธุ์หรือกลุ่มคนอื่นใด โดยต้องให้ความเคารพอย่างเท่าเทียมต่อเชื้อชาติ กลุ่มชาติพันธุ์ สัญชาติ สีผิว สถานที่เกิด สังคม ฐานะทางเศรษฐกิจ ศาสนา เพศ รสนิยมทางเพศ สถานภาพการสมรส ผู้ทุพพลภาพ และผู้ด้อยโอกาสทางสังคม

4.สาธารณประโยชน์

(1)ในการรายงานข่าวต้องคำนึงถึงสาธารณประโยชน์เป็นสำคัญ พร้อมทั้งเปิดให้มีการแสดงความคิดเห็นในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสาธารณะ เพื่อเป็นเวทีเปิด ที่เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันได้อย่างเต็มที่

(2)การรายงานและวิจารณ์ข่าว ต้องมีความเป็นอิสระ โดยไม่มีอิทธิพลจากอำนาจใด ๆ พร้อมยึดมั่นในความเป็นมืออาชีพ เห็นแก่สาธารณประโยชน์ และมีความน่าเชื่อถือ

(3)เนื้อหาของข่าวควรมีคุณภาพและรสนิยม ไม่ตามกระแส ไม่เอาอกเอาใจมวลชน

5.จรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ

(1)ไม่ใช้ตำแหน่งหรือความสัมพันธ์ในการทำงานเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่ไม่เหมาะสม ไม่ยอมรับการโน้มน้าว ไม่รายงานหรือเผยแพร่ข่าวสารที่ละเมิดความเป็นมืออาชีพของสื่อสารมวลชน

(2)ห้ามปฏิบัติหน้าที่หรือทำงานที่ขัดแย้งกับตำแหน่งงานนี้ หากมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ขอให้พยายามหลีกเลี่ยงหรือรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ

(3)ห้ามรับตำแหน่งใดๆ ในพรรคการเมือง และห้ามมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ที่ถือเป็นการช่วยเหลือการเลือกตั้งของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

(4)ห้ามรับหลักทรัพย์หรือเงินสดใดๆ การรับของกำนัลต้องคำนึงด้วยว่าจะก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์หรือมีผลกระทบต่อ Rti หรือไม่? ไม่ควรรับของกำนัลที่มีมูลค่ามากกว่า 2,000 เหรียญไต้หวัน

(5)ไม่เข้าร่วมกิจกรรมที่ผู้ให้สัมภาษณ์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายหรือเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ส่วนตัว เช่น การพาไปท่องเที่ยว เป็นต้น หากเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์สาธารณะที่สำคัญหรือเป็นสถานการณ์พิเศษ ควรรายงานต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อขออนุมัติก่อน

6.การแก้ไขข้อผิดพลาดและการปฏิบัติเกี่ยวกับการร้องเรียน

(1)ในการรายงานข่าว ต้องพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด หากพบว่าเนื้อมีความผิดพลาด ควรเปิดกว้างและน้อมรับความจริง พร้อมทั้งรีบรายงานต่อผู้ตรวจข่าวและผู้บังคับบัญชา โดยให้ผู้บังคับชาจดบันทึกเนื้อความเดิมไว้ แล้วรีบทำการแก้ไข พร้อมทั้งแจ้งต่อฝ่ายบรรณาธิการทางอินเทอร์เน็ต ผู้รับผิดชอบการให้ข้อมูลแก่ฝ่ายภาษาต่างประเทศ ผู้ติดต่อของแพลตฟอร์มภายนอกที่มีความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อทำการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลในทันที

(2)หากไม่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือไม่สามารถยืนยันความถูกต้องได้ในทันที ควรต้องแจ้งต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อให้พิจารณาว่า จะนำข่าวออกจากการรายงานหรือทำการจัดการอย่างเหมาะสม หลังจากตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว จึงค่อยจัดการอีกครั้งต่อไป หากยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเนื้อหาที่มีข้อขัดแย้ง ว่าจะทำการแก้ไขหรือนำข่าวออกจากการรายงาน หรือหากเป็นกรณีที่มีความซับซ้อน หากมีความจำเป็นให้ยื่นเสนอต่อ “ที่ประชุมเพื่อปรึกษาด้านการควบคุมตัวเองในการรายงานข่าว” เพื่อพิจารณาตัดสินต่อไป

(3)ตามกฎหมายวิทยุโทรทัศน์ มาตราที่ 23 กำหนดว่า “ในการรายงานข่าวของสถานีวิทยุ หากผู้มีส่วนได้เสียเห็นว่ามีข้อผิดพลาด และขอให้ทำการแก้ไขภายในเวลา 15 วัน นับจากวันที่ออกอากาศ สถานีวิทยุจะต้องรายงานการแก้ไขนี้ ในรายการเดิมหรือรายการที่ออกอากาศในเวลาเดิม ภายในเวลา 7 วันหลังจากได้รับการร้องเรียน หรือหากไม่มีข้อผิดพลาดให้ทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร แจ้งเหตุผลที่ไม่มีข้อผิดพลาดต่อผู้ร้องเรียน” ตามมาตราที่ 24 ระบุว่า “หากการวิจารณ์ที่พาดพิงและก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลอื่น หน่วยงานอื่นกลุ่มอื่นแล้ว ห้ามปฏิเสธเมื่อผู้ที่ถูกพาดพิงต้องการโอกาสในการชี้แจง” หากมีผู้มีส่วนได้เสียทำการร้องเรียนหรือขอให้แก้ไขข้อผิดพลาด ให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดข้างต้น หรือเจรจาให้ใช้วิธีการที่เหมาะสมในการเปิดโอกาสให้ใช้ช่วงเวลาหรือเนื้อที่ข่าวในการอธิบาย

(4)หากเนื้อหาที่มีข้อผิดพลาดมีความเกี่ยวข้องกับการหมิ่นประมาท ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง หรือเกิดปัญหาทางกฎหมายใดๆ ให้แจ้งต่อผู้บังคับบัญชาและปรึกษากับฝ่ายกฎหมายก่อน จึงค่อยดำเนินการตามความจำเป็นในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

(5)ควรมีการจดบันทึกประวัติการแก้ไข้เนื้อหาอย่างละเอียด เพื่อแยกแยะความรับผิดชอบของแต่ละบุคคล

II. ข้อบังคับย่อย

1.ข่าวเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน

(1)สำหรับการรายงานข่าวเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน จะต้องปฏิบัติตามที่ระบุไว้ใน “กฎหมายการคุ้มครองสิทธิและสวัสดิการของเด็กและเยาวชน” “กฎหมายป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กและเยาวชน” และ “กฎหมายการจัดการต่อคดีเยาวชน”

(2)หากเนื้อหาในข่าวมีความเกี่ยวข้องกับการฝ่าฝืนกฎหมาย ล่วงละเมิดต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจต่อเด็กและเยาวชน คดีอาญา สิทธิในการเลี้ยงดู การเลือกผู้ปกครอง ห้ามเปิดเผยชื่อและนามสกุล วันเดือนปีเกิด ที่อยู่ โรงเรียน หรือข้อมูลอื่นใดที่สามารถบ่งชี้ตัวตนของเด็กและเยาวชน

(3)การสัมภาษณ์เด็กและเยาวชน ที่เป็นผู้เกี่ยวข้อง ควรต้องแสดงตนในฐานะผู้สื่อข่าว พร้อมทั้งขอรับความเห็นชอบจากเด็ก เยาวชน และผู้ปกครองก่อน ห้ามบังคับขู่เข็ญหรือละเมิดเจตนารมณ์ของผู้ที่เกี่ยวข้องในการให้สัมภาษณ์

2.ข่าวเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมและอาชญากรรม

(1)ตามพื้นฐานของหลักการที่ว่า “ให้สันนิษฐานว่าไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์” ก่อนที่ผู้ต้องสงสัยซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดจะถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง ในการรายงานข่าวให้สันนิษฐานว่าไว้ก่อนว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้บริสุทธิ์ ควรระมัดระวังการใช้ถ้อยคำในการสัมภาษณ์หรือรายงานข่าวให้มีความเหมาะสม

(2)ไม่วิพากษ์วิจารณ์ ไม่รายงานข่าว และห้ามเผยแพร่สำนวนของคดีที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาหรือสั่งฟ้อง

(3)ในการรายงานข่าวอาชญากรรม ห้ามกล่าวถึงรายละเอียดของขั้นตอนและวิธีในการกระทำความผิดมากเกินไป

(4)ในการรายงานข่าวไม่ควรทำให้ผู้กระทำผิดกลายเป็นฮีโร่ ชี้นำในเชิงลบ หรือกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้งในสังคม

3.ข่าวเกี่ยวกับภัยพิบัติ

(1)ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในทันทีเกี่ยวกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้น พร้อมนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องและฉับไว รวมถึงมาตรการและวิธีในการรับมือ เพื่อใช้ประโยชน์จากความเป็นสื่อมวลชนในการเฝ้าระวัง

(2)การเข้าไปสัมภาษณ์ในพื้นที่เกิดภัยพิบัติ ต้องระวังไม่ขัดขวางการบรรเทาสาธารณภัย และระมัดระวังความปลอดภัยของตนเอง

(3)หากพบผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ให้รีบแจ้งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือ พร้อมทั้งให้ยึดถือข้อมูลจากหน่วยงานราชการเป็นหลัก อย่ารายงานข่าวโดยใช้การคาดเดา

(4)ในการรายงานข่าวเกี่ยวกับภัยพิบัติ ต้องให้ความเคารพต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง ผู้เสียหายและครอบครัว ควรเพิ่มความระมัดระวังในการถ่ายภาพหรือบรรยายเหตุการณ์ ห้ามรายงานเกินความเป็นจริง

4.ข่าวการเมืองและการเลือกตั้ง

(1)ในการรายงานข่าวการเมืองและการเลือกตั้ง ควรมีความเป็นกลาง ไม่มีอคติ ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างระมัดระวัง รายงานข่าวตามความเป็นจริง ยุติธรรม และมีมุมมองที่หลากหลาย

(2)ในการรายงานข่าวการแต่งตั้งโยกย้ายบุคลากรในตำแหน่งสำคัญของรัฐบาล ก่อนจะมีการประกาศออกมา ไม่ควรคาดเดามากเกินไป ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่ชัด หรือรอให้มีการประกาศออกมาก่อน จึงค่อยรายงานข่าว

(3)ในการรายงานข่าวการเมืองหรือการเลือกตั้ง ควรให้ความสนใจต่อเนื้อหาของนโยบาย พยายามนำเสนอมุมมองที่หลากหลาย และความคิดเห็นของผู้คนในแวดวงต่างๆ พยายามหลีกเลี่ยงการเป็นกระบอกเสียงทางการเมือง หากเนื้อหาในข่าวมีข้อขัดแย้งหรือมีลักษณะโจมตีผู้อื่น ห้ามรายงานความคิดเห็นเพียงด้านเดียว ห้ามตกเป็นกระบอกเสียงของพรรคการเมืองในการปล่อยข่าวหรือโจมตีคู่แข่ง

(4)สำหรับนโยบายที่ใช้ในการหาเสียงของพรรคการเมืองหรือผู้สมัครรับเลือกตั้ง ควรมีการรายงานและวิเคราะห์อย่างเหมาะสม มีการรายงานเกี่ยวกับความคิดเห็นของพรรคการเมืองสำคัญในสัดส่วนที่เหมาะสม มีความยุติธรรมในการรายงานความคิดเห็นของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ในการเลือกตั้ง หากพบว่ามีการรายงานข่าวเกี่ยวกับพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่งมากอย่างเห็นได้ชัด ควรให้ความสนใจกับการแสดงความคิดเห็นของพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม และทำการรายงานในสัดส่วนที่เหมาะสม

(5)ในการประกาศนโยบาย การจัดกิจกรรมหาเสียง การจัดเวทีหาเสียงยามกลางคืน ของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ควรพยายามรายงานข่าวของผู้สมัครรับเลือกตั้งจากพรรคการเมืองต่างๆ ในความยาวที่เท่ากันในช่วงเวลาเดียวกัน หากไม่สามารถรายงานในช่วงเวลาเดียวกันได้ ควรสร้างความสมดุลด้วยการรายงานก่อนจบช่วงข่าวของวันเดียวกัน หรือลงข่าวทางอินเทอร์เน็ตในวันเดียวกัน

(6)ผู้สื่อข่าว ผู้จัดรายการ ผู้ผลิตข่าวและรายการ ไม่ควรนำความชอบหรือจุดยืนทางการเมืองของตนมาใช้ในการจัดทำข่าวหรือรายการ และควรหลีกเลี่ยงการเปิดเผยตัวทางโซเชียลมีเดียว่าเป็นผู้ที่ทำงานในสถานีวิทยุและประกาศถึงความชื่นชอบทางการเมือง ในการแสดงความคิดเห็นบนโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับประเด็นด้านนโยบาย ข้อกฎหมาย หรือประเด็นที่มีข้อขัดแย้ง ควรมีพยานหลักฐานมาสนับสนุน มิใช่เป็นเพียงจากจุดยืนของตัวเอง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นกลาง มีมุมมองที่หลากหลาย และยุติธรรม ของสื่อมวลชนที่น่าเชื่อถือ

(7)ตาม “กฎหมายการเลือกตั้งและถอดถอนข้าราชการการเมือง” มาตรา 49 วรรค 2 “ห้ามสถานีวิทยุสาธารณะและสถานีวิทยุที่ไม่แสวงกำไร สถานีโทรทัศน์ที่ออกอากาศแบบไร้สาย และสถานีโทรทัศน์ที่ออกอากาศตามสาย เผยแพร่โฆษณาที่เกี่ยวข้องกับการสมัครรับเลือกตั้งและการถอดถอนทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย” ดังนั้น ในการรายงานข่าว ห้ามสอดแทรกโฆษณาของพรรคการเมืองหรือผู้สมัครรับเลือกตั้งไว้บนเว็บไซต์ทางการของ Rti โดยให้ใช้วิธีการรายงานข่าวเท่านั้น

(8)การรายงานผลการสำรวจความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับการเมืองหรือการเลือกตั้ง ในการรายงานข่าวจะต้องระบุหน่วยงานที่จัดทำ หน่วยงานที่ทำการสำรวจ วิธีการสำรวจ จำนวนตัวอย่างที่ใช้งานได้ ค่าความเบี่ยงเบน และระยะเวลาในการสำรวจ หากเป็นแบบสำรวจที่จัดทำขึ้นโดยหน่วยงานที่มีจุดยืนหรือความเอนเอียงทางการเมืองอย่างเห็นได้ชัด ควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่า จะนำมาใช้ในการรายงานหรือไม่ ในการรายงานข่าวผลการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ต้องไม่เลือกที่จะรายงานผลสำรวจที่เป็นผลดีกับผู้สมัครรายใดรายหนึ่ง

(9)ตาม “กฎหมายการเลือกตั้งและถอดถอนข้าราชการการเมือง” มาตรา 53 วรรค 1 ระบุว่า การรายงานข่าวพรรคการเมืองและผู้สมัครรับเลือกตั้ง นับตั้งแต่วันที่มีการประกาศวันเลือกตั้งและถอดถอน ไปจนถึง 10 วันก่อนวันลงคะแนนเสียง ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้สมัคร ผู้ถูกยื่นถอดถอน รวมถึงผลการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือการถอดถอน จะต้องระบุหน่วยงานที่ทำการสำรวจและผู้ดำเนินการ ระยะเวลา วิธีการสุ่มตัวอย่าง จำนวนประชากร จำนวนกลุ่มตัวอย่าง ค่าความเบี่ยงเบน และแหล่งเงินทุน วรรค 2 ระบุว่า ในช่วงระหว่าง 10 วันก่อนหน้าไปจนถึงการลงคะแนนเสียงเสร็จสิ้น ห้ามพรรคการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง และผู้ถูกยื่นถอดถอน ประกาศผลการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับผู้สมัคร ผู้ถูกยื่นถอดถอน การเลือกตั้ง การถอดถอน รวมถึงห้ามรายงานข่าว เผยแพร่ วิจารณ์ หรือการอ้างอิงใดๆ

5.ข่าวเกี่ยวกับการแพทย์

(1)การรายงานข่าวเกี่ยวกับโรคระบาดครั้งใหญ่หรือสถานการณ์การแพร่ระบาด จะต้องยึดถือข้อมูลตามประกาศของหน่วยงานรัฐบาลที่มีอำนาจเกี่ยวข้องเป็นสำคัญ

(2)การรายงานข่าวเกี่ยวกับการแพทย์จะต้องปกป้องความลับส่วนบุคคลของผู้ป่วยและครอบครัว หากมิใช่ข้อมูลที่ประกาศโดยหน่วยงานรัฐบาลที่มีอำนาจเกี่ยวข้องแล้ว ถ้ามิได้รับความเห็นชอบจากเจ้าตัว ห้ามเปิดเผยประวัติการรักษาพยาบาล หรือประวัติทางการแพทย์ใด ๆ

(3)การรายงานข่าวเกี่ยวกับการแพทย์จะต้องระวังความเหมาะสมของเนื้อหา ห้ามโฆษณาสถานพยาบาลแห่งหนึ่งแห่งใด หรือพฤติกรรมทางการแพทย์ใด ๆ

(4)การรายงานข่าวเกี่ยวกับการแพทย์ต้องปฏิบัติตามระเบียบใน “กฎหมายว่าด้วยกิจการยา”  ให้แนะนำโดยใช้ชื่อทั่วไป หลีกเลี่ยงการใช้ชื่อยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือชื่อผู้ประกอบการ ห้ามบอกเป็นนัยหรือบอกใบ้เกี่ยวกับสรรพคุณทางการแพทย์ หากเป็นอาหารเสริมซึ่งไม่ใช่ยา ในการรายงานข่าว ห้ามบอกเป็นนัยถึงสรรพคุณในการรักษาใดๆ

6.ข่าวเศรษฐกิจและการบริโภคภาคประชาชน

(1)ในการรายงานข่าวด้านเศรษฐกิจการเงิน เช่น ตลาดหุ้น ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อัตราการว่างงาน ดัชนีราคาผู้บริโภค สถิติการนำเข้าส่งออกของกรมศุลกากร ต้องมีความถูกต้องแม่นยำ

(2)การรายงานข่าวเกี่ยวกับการบริโภคภาคประชาชน เนื้อหาต้องไม่มีแนวโน้มเป็นการโฆษณาหรือทำขึ้นเพื่อสินค้าหรือผู้ประกอบการรายใดเป็นการเฉพาะ ควรใช้คำรวมๆ ในการแนะนำ หลีกเลี่ยงการเปิดเผยชื่อบริษัทหรือชื่อสินค้า ห้ามรับค่าตอบแทนจากผู้ประกอบการ

(3)ผู้สื่อข่าวด้านเศรษฐกิจการเงินควรยึดหลักหลีกเลี่ยงผลประโยชน์ทับซ้อน ห้ามนำข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์ หรือ การผลิตข่าวและการส่งกระจายเสียง มาใช้ในการซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้ข้อมูลภายใน

(4)ห้ามผลิตและรายงานข่าวเกี่ยวกับการโฆษณาสุราและบุหรี่ หากในเนื้อหามีการพาดพิงถึงสุราและบุหรี่ จะต้องใส่ข้อความเตือนไว้ที่ท้ายบทความด้วย

(5)การรายงานข่าวที่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทในการบริโภค จะต้องยึดหลักความสมดุล ห้ามเอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง

7.ข่าวเกี่ยวกับอัตวินิบาตกรรม

ในการรายงานข่าวเกี่ยวกับอัตวินิบาตกรรมจะต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตามหลักการขององค์การอนามัยโลกเกี่ยวกับข่าวด้านอัตวินิบาตกรรมว่าด้วย “6 ไม่ และ 6 ต้อง” :

◎6 ไม่

(1)ไม่นำข่าวเกี่ยวกับอัตวินิบาตกรรมไปใช้ในการพาดหัวข่าว หรือวางไว้ในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจน โดยจำนวนครั้งในการรายงานต้องไม่มากเกินไป และอย่ารายงานซ้ำไปมา

(2)อย่าใช้คำหรือวิธีการรายงานที่เร้าใจ อย่าใช้คำที่ทำให้รู้สึกสมเหตุสมผล หรือทำให้รู้สึกว่าการอัตวินิบาตกรรมเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีอีกทางหนึ่ง

(3)อย่าบรรยายรายละเอียดในการทำอัตวินิบาตกรรมอย่างละเอียด

(4)อย่าระบุถึงสถานที่ที่เกิดเหตุอัตวินิบาตกรรม

(5)อย่าพาดหัวเรื่องหวือหวา

(6)อย่าลงภาพถ่าย วีดิทัศน์ หรือลิงก์ของโซเชียลมีเดีย

◎6 ต้อง

(1)ต้องแจ้งรายละเอียดของข้อมูลติดต่อเพื่อขอความช่วยเหลืออย่างชัดเจน

(2)ต้องแจ้งให้ประชาชนทราบถึงวิธีการป้องกันการอัตวินิบาตกรรม และไม่เผยแพร่ความเชื่อผิดๆ

(3)ต้องรายงานข่าวในเชิงบวกว่า จะรับมือกับแรงกดดันในชีวิตหรือหากมีความคิดจะทำอัตวินิบาตกรรมได้อย่างไร จะสามารถขอความช่วยเหลือได้อย่างไร

(4)ต้องรายงานข่าวการอัตวินิบาตกรรมของคนดังอย่างระมัดระวัง

(5)ต้องระมัดระวังในการสัมภาษณ์ครอบครัวหรือเพื่อนของผู้ทำอัตวินิบาตกรรม

(6)ต้องระมัดระวังว่า ผู้ที่ทำงานด้านสื่อสารมวลชนก็อาจได้รับอิทธิพลจากข่าวการอัตวินิบาตกรรมได้เช่นกัน

8.ข่าวทางอินเทอร์เน็ต

(1)ก่อนจะนำข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตหรือโซเชียลมีเดียมาใช้ ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและความถูกต้องก่อนทุกครั้ง โดยให้สังเกตชื่อของผู้ปล่อยข่าว ที่มา ภูมิหลังและแรงจูงใจ เพื่อหลีกเลี่ยงการรายงานข่าวเท็จหรือติดกับดักของสงครามด้านการรับรู้

(2)ในการนำข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตหรือโซเชียลมีเดียมาใช้ ควรคำนึงถึงสาธารณประโยชน์เป็นสำคัญ ควรต้องหลีกเลี่ยงการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลหรือทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง

(3)หากต้องนำวีดิทัศน์หรือภาพจากอินเทอร์เน็ตมาใช้งาน จะต้องได้รับความยินยอมและได้รับการมอบอำนาจจากเจ้าของวีดิทัศน์หรือภาพเสียก่อน ตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเนื้อหาซึ่งได้มาจากแหล่งที่มาของข้อมูลและภาพหรือวีดิทัศน์ เป็นไปตามข้อบังคับด้านลิขสิทธิ์ ไม่มีเนื้อที่ฝ่าฝืนกฎหมาย พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ของภาพบุคคลหรือสิทธิความเป็นส่วนตัว

(4)การใช้ภาพจากอินเทอร์เน็ตจะต้องระบุแหล่งที่มา วีดิทัศน์จะต้องมีข้อความระบุแหล่งที่มาตลอดทั้งเรื่อง และต้องเป็นไปตามระเบียบที่ระบุไว้ใน “กฎหมายลิขสิทธิ์” ยกเว้นในกรณีที่ผู้ถือลิขสิทธิ์ไม่ประสงค์ให้ระบุแหล่งที่มา

9.ข่าวที่เกี่ยวข้องกับ Rti

(1)ข่าวที่เกี่ยวข้องกับ Rti  หมายถึง ข่าวที่มีความเกี่ยวข้องกับคณะกรรมการบริหาร Rti  และบุคลากรของ Rti

(2)ในการรายงานข่าวที่เกี่ยวข้องกับ Rti  ควรประกาศให้ทราบว่าเป็นข่าวที่มีความเกี่ยวข้องกับ Rti  ด้วย

(3)ในการรายงานข่าวที่เกี่ยวข้องกับ Rti  ให้ยึดถือสาธารณประโยชน์เป็นสำคัญ หากเมื่อใดที่ข่าวซึ่งเกี่ยวข้องกับ Rti  กลายเป็นประเด็นสาธารณะ ในการแถลงตอบต่อภายนอก ให้ถือปฏิบัติตาม “ข้อปฏิบัติสำคัญในการออกถ้อยแถลงต่อภายนอกและการประกาศข่าว” ของ Rti

(4)การรายงานข่าวที่เกี่ยวข้องกับ Rti ให้ถือปฏิบัติตามอนุสัญญาการผลิตข่าวและการส่งกระจายเสียงฉบับนี้ และสอดคล้องกับจิตวิญญาณในการควบคุมตนเองของสื่อมวลชนต่างๆ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ได้แสดงความคิดเห็น

(5)การรายงานข่าวที่เกี่ยวข้องกับ Rti ต้องระบุข้อความว่าเป็น “ข่าวที่เกี่ยวข้องกับ Rti” เพื่อให้ผู้อ่านสามารถแยกแยะได้

III. กลไกกำกับดูแลกันเองในการรายงานข่าว

เพื่อให้เป็นไปตามหลักการกำกับดูแลกันเองและควบคุมคุณภาพการผลิตข่าวและออกกระจายเสียง ควรมีการก่อตั้ง “การประชุมปรึกษาด้านการกำกับดูแลกันเองในการรายงานข่าว” เพื่อดำเนินการสำหรับกรณีต่อไปนี้

(1)พิจารณาหารือเกี่ยวกับการดำเนินการต่อกรณีร้องเรียนจากผู้อ่านหรือผู้ฟัง

(2)ให้ความช่วยเหลือในการปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการกำกับดูแลกันเองในการรายงานข่าวตามที่ผู้เข้าร่วมการประชุมเสนอขึ้นมา

(3)ดำเนินการหารือในวงกว้าง พร้อมเสนอแนะเกี่ยวกับกระบวนการผลิตและเนื้อหาข่าว เพื่อให้แผนกข่าวนำไปใช้อ้างอิง

(4)รายละเอียดการหารือในที่ประชุมและการแก้ไขข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง จะต้องจัดทำเป็นบันทึกการประชุมเพื่อประกาศให้พนักงานทุกคนได้รับทราบ

(5)หลักเกณฑ์และรายละเอียด “การประชุมปรึกษาด้านการกำกับดูแลกันเองในการรายงานข่าว” ให้กำหนดขึ้นต่างหาก

IV. ภาคผนวก

อนุสัญญาฉบับนี้ ร่างขึ้นโดยรวมถึงแต่ไม่จำกัดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้ :

(1)กฎหมายวิทยุโทรทัศน์

(2)กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

(3)กฎหมายคุ้มครองความลับทางราชการ

(4)กฎหมายคุ้มครองสวัสดิภาพและสิทธิเด็กและเยาวชน

(5)กฎหมายป้องกันการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็กและเยาวชน

(6)กฎหมายการจัดการคดีเด็กและเยาวชน

(7)กฎหมายป้องกันอาชญากรรมทางเพศ

(8)กฎหมายป้องกันการค้ามนุษย์

(9)กฎหมายป้องกันการทำอัตวินิบาตกรรม

(10)กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของผู้ทุพพลภาพ

(11)กฎหมายสุขภาพจิต

(12)กฎหมายคนเข้าเมือง

(13)กฎหมายยา

(14)กฎหมายควบคุมโรคติดต่อ

(15)กฎหมายควบคุมอันตรายจากบุหรี่

(16)กฎหมายการเลือกตั้งและการถอดถอนประธานาธิบดี รองประธานาธิบดี

(17)กฎหมายการเลือกตั้งและการถอดถอนข้าราชการการเมือง

(18)กฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ

(19)กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

(20)กฎหมายลิขสิทธิ์

V. การดำเนินการและแก้ไข

อนุสัญญาการผลิตข่าวและการส่งกระจายเสียงฉบับนี้ จะประกาศและดำเนินการหลังจากได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการแล้ว สำหรับการแก้ไขก็เช่นเดียวกัน

ไล่ ซิ่วหรู

ประธานและผู้อำนวยการ Radio Taiwan International (Rti)