
เมื่อวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา สถาบันวิจัยเศรษฐกิจไต้หวัน (Taiwan Institute of Economic Research,TIER) เผยแพร่รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2566 โดยนายจางเจี้ยนอี (張建一) ผู้อำนวยการ TIER เปิดเผยว่า อุปสงค์ในตลาดโลกที่ถดถอยลงจะส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศและการส่งออกอย่างรุนแรง เศรษฐกิจไต้หวันในปีนี้จะอาศัยโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานขนาดใหญ่ที่ใช้งบประมาณมหาศาลและการเปิดประเทศที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการบริโภคในภาคเอกชน อย่างไรก็ตามเนื่องจากรัฐบาลมีมาตรการสกัดนักลงทุนและการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ต้นทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่คึกคัก คาดการณ์ว่าปี 2566 อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะลดลงเหลือ 2.58%
รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจของ TIER ยังระบุว่า ผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 สงครามรัสเซีย-ยูเครน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลให้อุตสาหกรรมการผลิตของทุกประเทศชะลอการผลิตลงต่อเนื่องมาจนถึงปี 2566 เศรษฐกิจของยุโรปและสหรัฐฯจะยังคงถดถอย ความต้องการสินค้าในต่างประเทศลดลงซึ่งจะกระทบต่อการค้าต่างประเทศของไต้หวันอย่างรุนแรง นอกจากนี้อุปสงค์ในต่างประเทศที่ลดลงส่งผลให้การส่งออกของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อยู่ในช่วงขาลง ดังนั้นในปีนี้ต้องอาศัยการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคของรัฐบาลและการบริโภคของภาคเอกชนมาช่วยค้ำจุนเศรษฐกิจไต้หวันไม่ให้ทรุดตัวลง
นายซุนหมิงเต๋อ (孫明德) หัวหน้าศูนย์พยากรณ์ภาวะเศรษฐกิจมหภาค TIER กล่าวว่า อุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีต้องรอการปรับปริมาณสินค้าคงคลังและกำลังซื้อของผู้บริโภคในยุโรปและสหรัฐฯซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของไต้หวัน ในทางตรงกันข้ามอุตสาหกรรมดั้งเดิมมีแนวโน้มดีขึ้นอันเนื่องมาจากการเปิดประเทศของจีน เพราะจีนเป็นแหล่งวัตถุดิบที่หลายประเทศต้องการนำเข้า ในขณะเดียวกันหลังจีนเปิดประเทศทำให้ความต้องการเครื่องจักรกลซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไต้หวันเพิ่มขึ้นอย่างพรวดพราด แต่ต้องระวังเพราะมักเป็นความต้องการระยะสั้น ดังนั้นต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป