นายกรัฐมนตรีเฉินเจี้ยนเหริน ไต้หวัน สาธารณรัฐจีน ได้กล่าวย้ำในวันนี้ว่า จากประสบการณ์ที่เห็นจากนโยบาย “one belt one road”ของจีน จะเห็นได้ว่าประเทศที่รับความช่วยเหลือด้านการเงินจากจีนส่วนใหญ่ประสบความล้มเหลว กลายเป็นวิกฤตการเงินการคลัง และเกิดภาวะเงินเฟ้อรุนแรงในประเทศเหล่านี้ ซึ่งตนหวังว่าฮอนดูรัสจะมองเห็นถึงธาตุแท้ของจีน รักษาสัมพันธ์กับไต้หวันต่อไป อย่าโดนหลอกอีก
นายกฯ เฉินฯ ระบุว่า “เมื่อพิจารณาจากแผนดังกล่าวของจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราก็จะพบว่าประเทศที่รับเงินช่วยเหลือจากจีนส่วนใหญ่จะล้มเหลว กลายเป็นวิกฤตการเงินการคลัง ภาวะเงินเฟ้อ ไต้หวันหวังว่า ฮอนดูรัสจะเข้าใจธาตุแท้ของจีน และหวังว่าจะยังคงรักษาสัมพันธ์กับไต้หวันไว้ต่อไป อย่าได้ถูกหลอกอีก”
นายกฯ เฉินฯ ย้ำเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา ไต้หวันได้พยายามร่วมมือกับฮอนดูรัสอย่างสุดความสามารถของไต้หวัน และพยายามที่จะขยายการพัฒนาและสร้างสรรค์ในฮอนดูรัส ซึ่งไต้หวันมีความจริงใจเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ประธานาธิบดี Xiomara Castro ของฮอนดูรัส ได้ระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า มีแผนการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน ส่วนEnrique Reina รัฐมนตรีต่างประเทศของฮอนดูรัส ก็ระบุว่า สาเหตุสำคัญที่ฮอนดูรัสหันไปสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน เนื่องจากฮอนดูรัสเกือบจะถูกหนี้สินทับถมจนหายใจไม่ออกแล้ว ซึ่งรวมถึงหนี้สินที่ติดค้างไต้หวันอยู่ 600 ล้านดอลลาร์
ทางด้านนายอู๋จาวเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไต้หวันก็ได้ตอบข้อซักถามของ ส.ส. ในสภาฯ ว่า ตอนนี้ กระทรวงการต่างประเทศกำลังพยายามอย่างเต็มที่ และจะพยายามทุกวิถีทางที่มีอยู่ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ไต้หวันมีจุดยืนค่อนข้างชัดเจน นั่นก็คือ ไต้หวันจะไม่เล่นเกมส์ “ใช้เงินเพื่อการทูต” กับจีน และจะปกป้องผลประโยชน์ของชาติอย่างเต็มที่
ส่วนปารากวัยนั้น นายอู๋ฯ ย้ำว่าตอนนี้สัมพันธ์ยังแน่นปึ๊ก และจะติดตามการเลือกตั้งในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งความสัมพันธ์ในทุกมิติระหว่างกันทั้งการเมือง การทูต และการค้า เศรษฐกิจก็กำลังเสริมให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง