
วันที่ 20 มีนาคม 2566 หลินอวี้ฉาน (林聿禪) โฆษกประจำทำเนียบประธานาธิบดีสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ยืนยันแผนการเยือนจีนเพื่อทำพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษของอดีตประธานาธิบดีหม่าอิงจิ่ว (馬英九) พร้อมเคารพการตัดสินใจในการเยือนจีนของหม่าอิงจิ่วครั้งนี้ หลังครบกำหนดการควบคุมห้ามไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศ โดยหลังทราบกำหนดการที่แน่นอนแล้ว ทำเนียบประธานาธิบดีจะสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือและอารักขาความปลอดภัยตามความจำเป็น หลินอวี้ฉานกล่าวว่า ระยะนี้อยู่ในช่วงเวลาที่อ่อนไหว ประชาคมโลกกำลังให้ความสนใจกับการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ตลอดจนการขยายกำลังทางทหารอย่างต่อเนื่องของจีนในช่องแคบไต้หวันและภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก จึงหวังว่าในฐานะอดีตผู้นำประเทศ หม่าอิงจิ่วจะแสดงให้จีนรวมถึงทั่วโลกได้เห็นว่า การเดินทางเยือนจีนครั้งนี้ สอดคล้องกับผลประโยชน์ของชาติและความรู้สึกของคนในประเทศ แสดงออกถึงค่านิยมในเสรีภาพและประชาธิปไตยของชาวไต้หวัน ตลอดจนแสดงจุดยืนในการแลกเปลี่ยนระหว่างสองฝั่งช่องแคบที่ดำเนินภายใต้หลักความเสมอภาคและการเคารพซึ่งกันและกัน
ทั้งนี้การเดินทางเยือนจีนของหม่าอิงจิ่วครั้งนี้ จะเป็นการเยือนจีนครั้งแรกของอดีตประธานาธิบดีไต้หวันตั้งแต่สองฝั่งช่องไต้หวันแบ่งแยกการปกครองมาเป็นเวลา 74 ปี โดยคาดว่าจะเดินทางเยือนเมืองต่างๆอาทิ หนานจิง อู่ฮั่น ฉางซา ฉงชิ่ง และเซี่ยงไฮ้ ในระหว่างวันที่ 27 มีนาคม - 7 เมษายน (2566) นอกจากจะทำพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษแล้ว หม่าอิงจิ่วยังมีแผนนำคณะเยาวชนจาก “ต้าจิ่วเสวียถัง” (大九學堂) ที่จัดตั้งโดยมูลนิธิหม่าอิงจิ่ว (Ma Ying-jeou Foundation) จำนวน 30 คนเดินทางไปแลกเปลี่ยนความรู้กับนักศึกษามหาวิทยาลัย Fudan University , Wuhan University และ Hunan University ของจีน รวมถึงเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติซินไฮ่ (Xinhai Revolution) และสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่น ( Chinese People's War of Resistance against Japanese Aggression) ทั้งนี้ก็เพื่อให้เยาวชนเข้าใจในประวัติศาสตร์สงครามและหวงแหนในสันติภาพที่แลกมาด้วยความยากลำบาก
ด้านเซียวซวี่เฉิน (蕭旭岑) ประธานบริหารมูลนิธิหม่าอิงจิ่วเปิดเผยว่า มูลนิธิได้นำส่งเอกสารถึงทำเนียบประธานาธิบดีแล้ว พร้อมเน้นย้ำว่า ปักกิ่งไม่ได้อยู่ในแผนการเยือนครั้งนี้ อย่างไรก็ตามไม่กี่ปีมานี้ความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวันคุกรุ่น สถานการณ์ระหว่างประเทศก็มีความซับซ้อนมากขึ้น หม่าอิงจิ่วหวังว่าทั้งสองฝั่งช่องแคบจะแสดงความปรารถนาดีต่อกันผ่านการแลกเปลี่ยนและการเจรจากันอย่างประนีประนอม ทั้งนี้ฝ่ายจีนจะให้การต้อนรับและดูแลด้านความปลอดภัยแก่อดีตปธน.หม่าอิงจิ่ว ภายใต้หลักการให้ความเคารพในฐานะอาคันตุกะ
เนื่องจากประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน (蔡英文) มีแผนเยือนทวีปอเมริกากลางในปลายเดือนมีนาคมนี้ (2566) และมีแผนแวะเยือนสหรัฐฯด้วย การเยือนจีนของอดีตประธานาธิบดีหม่าอิงจิ่วในช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกัน ทำให้หลายฝ่ายอดคิดไม่ได้ว่ามีประเด็นทางการเมืองเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ จากกรณีดังกล่าวเซียวซวี่เฉินชี้แจงว่า รัฐบาลประธานาธิบดีไช่อิงเหวินได้มีการขยายระยะเวลาการควบคุมการออกนอกประเทศของอดีตประธานาธิบดีหม่าอิงจิ่วออกไปจนถึงปี พ.ศ. 2564 หลังจากนั้นทั่วโลกก็ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ดังนั้นแผนการเยือนจีนจึงจำต้องล่าช้าออกไป ปีนี้หลังจากสถานการณ์โรคระบาดชะลอตัว ขณะเดียวกันจีนก็ประกาศเปิดพรมแดนด้วย หม่าอิงจิ่วจึงตัดสินใจเดินทางไปเยือนจีนเพื่อเซ่นไหว้บรรพบุรุษในโอกาสที่อายุครบ 73 ปี แผนการเยือนครั้งนี้ได้วางแผนก่อนช่วงเทศกาลตรุษจีนแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับการเยือนต่างประเทศของประธานาธิบดีไช่อิงเหวินแต่อย่างใด