เมื่อค่ำวันที่ 29 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ) ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินร่วมงานเลี้ยงต้อนรับกับชาวจีนโพ้นทะเลในนิวยอร์กเกือบ 700 คน ท่ามกลางบรรยากาศอันอบอุ่น โดยฟิล เมอร์ฟี (Phil Murphy) ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์ และลอรา โรเซนเบอร์เกอร์ (Laura Rosenberger) ประธานสถาบันอเมริกันประจำไต้หวัน (American Institute in Taiwan, AIT) ได้รับเชิญเข้าร่วมงานในครั้งนี้ด้วย คำปราศรัยที่ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินกล่าวกับชาวจีนโพ้นทะเลในนิวยอร์กมีเนื้อความว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ไต้หวันมีความก้าวหน้าและการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอยู่หลายประการ ประการแรกคือการเสริมสร้างไต้หวันให้แข็งแกร่งขึ้นเป็นลำดับ นอกจากเศรษฐกิจไต้หวันจะเติบโตสวนทางกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกแล้ว ยังมีการพัฒนาสวัสดิการสังคมให้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนมีการพัฒนาขีดความสามารถในการป้องกันตนเองผ่านความร่วมมือระหว่างกระทรวงกลาโหมและประชาชนชาวไต้หวัน นอกจากนี้ รัฐบาลไต้หวันจะให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตลอดจนแจกจ่ายเงิน 6,000 เหรียญไต้หวันให้แก่ประชาชนเพื่อลดภาระค่าครองชีพอันเป็นผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ
การเปลี่ยนแปลงประการที่สองได้แก่ การที่ไต้หวันได้รับความสนใจจากทั่วโลกและมีบทบาทสำคัญต่อโลกมากยิ่งขึ้น นอกจากไต้หวันได้สร้าง “วัฏจักรแห่งความดี”เพื่อต่อสู้กับโรคระบาดแล้ว หลายประเทศยังให้ความร่วมมือกับไต้หวันอย่างแข็งขันในกับรับมือกับปัจจัยที่ไม่แน่นอนต่างๆ อาทิสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน และสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน
การเปลี่ยนแปลงประการที่สามได้แก่ ความก้าวหน้าทางการทูตของไต้หวัน ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ความร่วมมือระหว่างไต้หวัน-สหรัฐฯมีความก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นในด้านการแลกเปลี่ยน ด้านเศรษฐกิจการค้า ตลอดจนในด้านความมั่นคง บุคคลสำคัญจากหลายภาคส่วนของสหรัฐฯเดินทางเยือนไต้หวันเพื่อแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านการศึกษา เศรษฐกิจการค้า และความมั่นคงของประเทศ ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินขอขอบคุณรัฐบาล โจ ไบเดน (Joe Biden) เป็นพิเศษที่ประกาศขายอาวุธให้ไต้หวันถึง 9 ครั้งตั้งแต่ขึ้นดำรงตำแหน่ง พร้อมให้สัญญาว่าไต้หวันจะร่วมมือกับสหรัฐฯและประเทศหุ้นส่วนอื่นๆในการปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค