close
Rti Thaiดาวน์โหลด Rti App
Open
:::

ไขปัญหาแรงงาน วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566

  • 22 February, 2023
ไขปัญหาแรงงาน
ในไต้หวันผู้ป่วยโรคเอดส์ที่เป็นชาวต่างชาติ 1,549 ราย (Credit : allwellhealthcare.com)

1. กระทรวงแรงงานไต้หวัน สนับสนุนให้แรงงานต่างชาติตรวจเชื้อ HIV หรือโรคเอดส์เป็นประจำ แต่เป็นการตรวจในลักษณะสมัครใจ ห้ามนายจ้างหรือบริษัทจัดหางานบังคับ

          ไต้หวันตรวจพบผู้ติดเชื้อ HIV ซึ่งเป็นสาเหตุนำไปสู่โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือโรคเอดส์รายแรกเมื่อปี พ.ศ. 2527 จนกระทั่งถึงสิ้นเดือนมกราคม 2566 ในไต้หวันมีผู้ติดเชื้อ HIV และป่วยเป็นโรคเอดส์ ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ระหว่างรักษาและที่เสียชีวิตแล้ว รวมสะสม 44,940 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยโรคเอดส์ที่เป็นชาวไต้หวัน 43,391 ราย หรือ 96.55% ผู้ป่วยโรคเอดส์ที่เป็นชาวต่างชาติ 1,549 ราย ครองสัดส่วน 3.45% แม้ว่าตัวผู้ติดเชื้อจะลดลงต่อเนื่อง แต่กรมควบคุมโรคเตือนว่า เนื่องจากเป็นโรคติดต่อชนิดร้ายแรง ก่อให้เกิดปัญหาทางสุขภาพหลายอย่างตามมา แถมตัวผู้ป่วยที่เป็นโรคเอดส์ยังเป็นที่รังเกียจของสังคม ก่อให้เกิดความทุกข์ใจแก่ผู้ป่วยไม่น้อย จึงชะล่าใจไม่ได้ ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคเอดส์อย่างเคร่งครัด

ไต้หวันสนับสนุนให้แรงงานต่างชาติตรวจเชื้อ HIV หรือโรคเอดส์เป็นประจำ แต่เป็นการตรวจในลักษณะสมัครใจ ห้ามนายจ้างหรือบริษัทจัดหางานบังคับ (Credit : helloyishi.com.tw)

          สำหรับแรงงานต่างชาตินั้น ไต้หวันได้แก้กฎหมายยกเลิกรายการตรวจเชื้อ HIV ก่อนการเดินทางมาทำงานที่ไต้หวันและอนุญาตให้ผู้ติดเชื้อ HIV สามารถเดินทางเข้าไต้หวันได้ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2558 และห้ามนายจ้างบังคับให้แรงงานต่างชาติต้องตรวจหรือแสดงหลักฐานการตรวจเชื้อ HIV ยกเว้นตัวแรงงานต่างชาติต้องการตรวจการติดเชื้อของตนเอง

          อย่างไรก็ตาม กรมควบคุมโรคกล่าวว่า เนื่องจากยังมีการติดเชื้อประปราย โดยเฉพาะผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ จึงขอให้กระทรวงแรงงานแจ้งนายจ้างและบริษัทจัดหางาน ช่วยประชาสัมพันธ์ให้แรงงานต่างชาติทราบว่า แม้จะห้ามนายจ้างหรือ บจง. บังคับ แต่รัฐบาลส่งเสริมให้แรงงานต่างชาติไปตรวจการติดเชื้อ HIV ด้วยตนเองเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์

ในไต้หวันผู้ป่วยโรคเอดส์ที่เป็นชาวต่างชาติ 1,549 ราย (Credit : allwellhealthcare.com)

          นอกจากนี้ เนื่องจากค่ารักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ในไต้หวัน เฉลี่ยตกประมาณ 200,000 เหรียญต่อคนต่อปี และไต้หวันไม่ออกค่าใช้จ่ายในการตรวจและรักษาโรคเอดส์ให้กับบุคคลที่ไม่ใช่ชาวไต้หวัน จึงแนะนำให้ชาวต่างชาติควรตรวจเชื้อ HIV ในประเทศของตนก่อนการเดินทางมาไต้หวัน หากติดเชื้อ HIV ให้รักษาก่อนการเดินทาง และควรซื้อประกันการรักษาพยาบาลล่วงหน้า เพื่อป้องกันภาระที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง ชาวต่างชาติเมื่อเดินทางเข้ามาไต้หวันแล้ว สามารถขอตรวจ HIV ได้จากโรงพยาบาลด้วยตนเอง หรือติดต่อสอบถามได้ที่ศูนย์บริการให้คำปรึกษาโรคติดต่อ 0800-001922

          ทั้งนี้ โรคเอดส์แม้จะเป็นโรคร้ายแรงที่ยังไม่มียารักษาให้หายขาดได้ แต่เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ เพียงแต่เราทำความเข้าใจที่ถูกต้อง และมีหลักปฏิบัติดังต่อไปนี้

          - ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์

          - มีคู่นอนเพียงคนเดียว

          - ก่อนแต่งงาน หรือมีบุตร ควรมีการตรวจร่างกาย และตรวจเลือด

          - งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจนำไปสู่พฤติกรรมเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ และงดใช้สารเสพติดทุกชนิด โดยเฉพาะการใช้เข็ดฉีดยาร่วมกับผู้อื่น

การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี เป็น 1 ในช่องทางติดโรคเอดส์ เนื่องจากเชื้อเอชไอวีอยู่ในเข็มฉีดยาที่ใช้แล้วได้นานถึง 42 วัน หากมีอุณหภูมิและปัจจัยอื่น ๆ ที่เหมาะสม

2. แรงงานไทยผิดกฎหมายอดมื้อกินมื้อเข้ามอบตัวขอกลับบ้าน โชคดีเป็นวันแรกที่เริ่มโครงการลดหย่อนโทษ เมื่อรู้ว่าเสียค่าปรับเพียง 2,000 เหรียญ ดีใจยกมือไหว้ตำรวจ

          นายสมชาย (นามสมมุติ) แรงงานไทยอายุ 40 ปี เดินทางมาทำงานที่เมืองอี๋หลานเมื่อเดือนตุลาคม 2565 เนื่องจากมีปัญหาสุขภาพ ประกอบกับไม่เคยทำงานโรงงานมาก่อน ทนต่อแรงกดดันไม่ไหว ทำงานได้ไม่ถึงเดือน เชื่อฟังคำชักชวนเพื่อนหลบหนีไปทำงานอย่างผิดกฎหมายที่นครเกาสง แต่งานไม่แน่นอน มีบ้างไม่มีบ้าง แม้แต่เลี้ยงตัวเองยังมีปัญหา จึงคิดกลับบ้านดีกว่า แต่เนื่องจากหลบหนีเกิน 91 วัน นอกจากค่าตั๋วเครื่องบินแล้ว ยังต้องเสียค่าปรับ 10,000 เหรียญ ขอยืมเงินจากเพื่อนที่รู้จัก ได้แค่ค่าตั๋ว แต่ยังไม่มีเงินค่าปรับ

คนไทยที่เป็นเจ้าของร้านอาหารในเกาสง (ขวามือ) ช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติ พานายสมชาย แรงงานไทยผิดกฎหมาย (คนกลาง) ไปรายงานตัวต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เกาสง

          ขณะที่กำลังเครียดจัดกับค่าปรับ โชคดีไปที่ร้านอาหารไทย คุยกับเจ้าของร้านซึ่งเป็นคนไทยที่มาตั้งถิ่นฐานในไต้หวัน ทราบว่ามีโครงการลดหย่อนโทษ เจ้าตัวยังไม่ปักใจเชื่อ เจ้าของร้านใจดีบอกจะช่วยออกค่าปรับและพาไปรายงานตัวที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเกาสง เมื่อทราบว่า เสียค่าปรับเพียง 2,000 เหรียญจริง ไม่ถูกกักกันและไม่ถูกแบล็กลิสต์เข้าไต้หวัน รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่จะได้กลับบ้านพบหน้าลูกเมีย ยกมือไหว้ตำรวจและเจ้าของร้านอาหารไทยที่ให้ความช่วยเหลือ ยังบอกกับตำรวจว่า กลับไทยแล้ว จะตั้งใจทำงานหาเงินสร้างฐานะ หากมีโอกาสจะพาลูกเมียมาเที่ยวไต้หวันอีก

เมื่อทราบว่า เสียค่าปรับเพียง 2,000 เหรียญจริง และยังไม่ถูกกักกัน ไม่ถูกแบล็กลิสต์เข้าไต้หวัน แรงงานไทยรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่จะได้กลับบ้านพบหน้าลูกเมีย

3. คู่รักชาวอินโดนีเซีย ฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ เข้ารายงานตัวขอกลับบ้าน แต่เกรงถูกญาติพี่น้องดุด่า ตำรวจช่วยติดต่อมูลนิธิอิสลามจัดงานแต่งตามหลักศาสนาก่อนเดินทางกลับ

          หนุ่มสาวแรงงานอินโดนีเซียคู่หนึ่ง อายุประมาณ 40 ปี ทั้งสองเดินทางมาทำงานที่ไต้หวันนานหลายปีแล้ว เนื่องจากทนต่องานหนักไม่ไหว หลบหนีไปทำงานอย่างผิดกฎหมาย แต่ไม่สมหวังเพราะหางานทำประจำไม่ได้ อย่างไรก็ตามระหว่างนั้น ทั้งคู่ได้เจอและอยู่กินกัน จนฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ เมื่อทราบว่าสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีโครงการลดหย่อนโทษสำหรับแรงงานต่างชาติผิดกฎหมายและชาวต่างชาติที่อยู่เลยกำหนดวีซ่า จึงชวนกันไปรายงานตัวเพื่อขอเดินทางกลับบ้าน

คู่รักชาวอินโดนีเซีย ฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ เข้ารายงานตัวขอกลับบ้าน แต่เกรงถูกญาติพี่น้องดุด่า ตำรวจช่วยติดต่อมูลนิธิอิสลามจัดงานแต่งตามหลักศาสนาก่อนเดินทางกลับ

          เมื่อทำเรื่องรายงานตัวเสร็จ แทนที่จะสบายใจ แต่ทั้งคู่ยังมีสีหน้าที่เศร้าหมองกังวล หลังตำรวจสอบถามและทราบว่า กลัวเรื่องมีบุตรนอกสมรส ซึ่งขัดต่อหลักศาสนา เกรงว่ากลับบ้านไปแล้ว จะถูกญาติพี่น้องด่าและเหยียดหยาม ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่อี๋หลาน จึงประสานมูลนิธิอิสลาม ช่วยจัดพิธีแต่งงานตามหลักศาสนา และออกใบรับรองสถานภาพสมรสให้ทั้งคู่ ทำให้หนุ่มสาวอินโดนีเซียคู่นี้ปลื้มใจเป็นอย่างมาก สามารถเดินทางกลับบ้านโดยไม่ต้องหวั่นเกรงสายตาที่ดูถูกจากเรื่องท้องก่อนแต่งของญาติพี่น้องอีกต่อไป

4. แรงงานอินโดนีเซียผิดกฎหมายที่ซินจู๋พาเมียหอบลูก 2 และในท้องอีก 1 เข้ารายงานตัวกลับบ้านทั้งครอบครัว

          นายอามู่ (นามแฝง) หนุ่มแรงงานอินโดนีเซียที่เดินทางมาทำงานในไต้หวัน แต่หลบหนีนายจ้างออกไปหางานทำอย่างผิดกฎหมายมานานหลายปีแล้ว จนตั้งครอบครัวกับสาวชาติเดียวกันที่หลบหนีนายจ้างเช่นกัน ทั้งสองมีลูกชายคนโตอายุ 5 ขวบ ลูกสาว 3 ขวบ ในท้องภรรยายังมีอีกหนึ่ง โดยตั้งครรภ์ได้ 5 เดือนแล้ว

นายอามู่ (คนซ้ายมือ) แรงงานอินโดนีเซียผิดกฎหมายที่ซินจู๋จูงมือภรรยาและลูก 2 ในท้องอีก 1 เข้ารายงานตัวกลับบ้านทั้งครอบครัว

          นายอามู่หนักใจกับปัญหาการเลี้ยงดูครอบครัวอย่างมาก รวมทั้งการศึกษาของลูก เพราะแรงงานผิดกฎหมายไม่มีงานทำที่แน่นอน ลูกก็โตขึ้นทุกวัน ได้เวลาต้องเข้าโรงเรียน แต่เนื่องจากเป็นพ่อแม่เป็นแรงงานผิดกฎหมาย ไม่สามารถให้ลูกเข้าเรียนได้ เมื่อได้ยินว่าสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีโครงการลดหย่อนโทษแก่แรงงานต่างชาติผิดกฎหมาย ระหว่าง 1 ก.พ.-30 มิ.ย. 66 จึงตัดสินพาภรรยาและลูกทั้งสองเข้ารายงานตัว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหลบหนีมานาน หนังสือเดินทางของนายอามู่และภรรยาหมดอายุแล้ว อีกทั้งลูกไม่มีหลักฐานใด ๆ ตำรวจจึงช่วยประสานงานกับสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าอินโดนีเซีย ไทเป ช่วยจัดทำสูติบัตรของลูกและเอกสารการเดินทาง คาดจะเสร็จและสามารถเดินทางพาสมาชิกครอบครัวกลับบ้านได้ในเร็ว ๆ นี้

ผู้จัดรายการ

ความคิดเห็นที่เกี่ยวข้อง