close
Rti Thaiดาวน์โหลด Rti App
Open
:::

สารานุกรมสุขภาพประจำวันที่ 20 มีนาคม 2566

  • 20 March, 2023
สารานุกรมสุขภาพ
สารานุกรมสุขภาพประจำวันที่ 20 มีนาคม 2566

     คุณหมอ หลี่ซือเสี่ยน (李思賢) แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวไต้หวันท่านหนึ่งออกมาแนะนำให้ชาวไต้หวันรับประทานหอมหัวใหญ๋และมันเทศ เนื่องจากเป็นพืชที่มีคุณประโยชน์มากมายต่อร่างกาย จะมีประโยชน์อะไรบ้างกดฟังรายการได้ที่นี่ครับ 

     หัวหอมนั้นถูกใช้เป็นสมุนไพรรักษาโรคมาแต่ช้านาน มนุษย์รู้จักกินหอมหัวใหญ่มานานกว่า 5,000 ปีแล้ว ย้อนกลับไปตั้งแต่ยุคบาบิโลเนียน ในเปอร์เซีย จีน และอินเดีย มีการพบหลักฐานสำคัญจากหลุมศพของฟาโรห์และชนชั้นสูงยุคอียิปต์โบราณ ซึ่งนิยมฝังหอมหัวใหญ่ในหลุมศพ เพื่อให้ผู้ล่วงลับได้พกไปกินโลกหน้า พอมาถึงยุคกรีกและโรมัน หอมหัวใหญ่ก็อยู่ในอาหารแทบทุกจาน นักรบชาวโรมันใช้หอมหัวใหญ่รักษาอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อ คนสมัยนั้นใช้หัวหอมเป็นทั้งอาหารและยา เช่น ใช้รักษาโรคผมร่วง กินแก้หวัด แก้เจ็บคอ ตลอดจนรักษาโรคระบบทางเดินหายใจเป็นต้น

     หอมหัวใหญ่เป็นพืชที่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ ลดอาการกระตุกของกล้ามเนื้อ แถมยังมีฤทธิ์ในการขับสารพิษทั้งที่เป็นโลหะหนักและพยาธิด้วย เป็นผักตระกูลหัวที่อัดแน่นไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก โดยเฉพาะวิตามินซี ที่มีสรรพคุณช่วยต้านอนุมูลอิสระ บำรุงเซลล์ให้แข็งแรง ป้องกันไม่ให้เซลล์อักเสบหรือถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ หอมหัวใหญ่ยังมีวิตามินเอ วิตามินบี ไฟเบอร์ โฟเลต โปรตีน และแร่ธาตุสำคัญ ๆ อย่าง แคลเซียม ธาตุเหล็ก กรดอะมิโน สารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่ม Flavonoid และ Quercetin มากไปกว่านั้น หอมใหญ่ ยังจัดว่าเป็นผักที่ไม่มีไขมัน โซเดียมต่ำ และเป็นหนึ่งในอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ เหมาะสำหรับการควบคุมอาหารด้วย

จากการศึกษาวิจัยพบว่า หัวหอมนั้นมีคุณสมบัติในการป้องกันโรคร้ายต่างๆมากมาย ซึ่งโรคที่หัวหอมสามารถป้องกันได้ก็มีดังต่อไปนี้

 1. ต้านการอักเสบและอาจมีผลช่วยลดอัตราการเกิดโรคมะเร็ง

     หอมใหญ่ เป็นผักที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มของFlavonoidและเควอซิทิน Quercetin ซึ่งมีฤทธิ์ป้องกันการอักเสบของเซลล์ รวมถึงช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย

2. มีส่วนช่วยในการป้องกันและบรรเทาโรคเกี่ยวกับหัวใจ

     นอกจาก (Quercetin ในหัวหอมจะสามารถป้องกันการอักเสบได้แล้ว ยังมีส่วนช่วยลดไตรกลีเซอไรด์และลดคอเลสเตอรอล ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหัวใจได้อีกด้วย นอกจากนี้ในหัวหอมยังมีสารไซโคลอัลลิอิน ที่สามารถละลายลิ่มเลือดที่จับตัวอุดขวางทางเดินเลือดได้

3. ลดอาการภูมิแพ้และหอบหืด

     หอมหัวใหญ่มีคุณสมบัติในการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไลพอกซีจีเนสและไซโคลออกซีจีเนส ซึ่งมีหน้าที่ในการสร้างสารพรอสตาแกลนดินและทรอมบ็อกเซนซึ่งเป็นสารก่อการอักเสบ  มีการทดลองให้หนูตะเภากินสารสกัดแอลกอฮอล์ของหอมหัวใหญ่ 1 มิลลิลิตร จากผลการทดลองพบว่าสามารถลดอาการหอบหืดจากการทดลองสูดดมสารก่อภูมิแพ้ได้ 

 

     ฤดูมันเทศจะอยู่ในช่วงเดือนธันวาคมถึงมีนาคมของทุกปี ในช่วงนี้คุณผู้ฟังจะสามารถหามันเทศอร่อยๆรับประทานได้ตามทุกพื้นที่ของไต้หวัน ซึ่งนอกจากมันเทศจะเป็นของอร่อยแล้ว ยังเป็นสิ่งที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย แต่ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการที่เราจะนำมันเทศไปบริโภคด้วยนะครับ คุณหมอแนะนำว่า ให้ใช้วิธีต้มหรือลวก แทนการทอดหรือการนำมันเทศไปแปลรูปอย่างเช่นบัวลอยมันเทศ ขนมไข่นกกระทาก็จะช่วยให้เราได้รับคุณค่าทางอาหารจากมันเทศได้มากที่สุด 

     มันเทศ เป็นพืชที่มีหัวอยู่ใต้ดิน มีรสหวาน มีเนื้อในหลากสีสันตามสายพันธุ์เป็นพืชที่อุดมไปด้วย คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม โพแทสเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเบต้าแคโรทีน ทั้งยังมีเอนไซม์ที่สามารถเปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาลได้ โดยมันเทศจะมีรสหวานยิ่งขึ้นเมื่อเก็บไว้เป็นเวลานานหรือนำไปปรุงอาหาร  

ซึ่งประโยชน์ของการรับประทานมันเทศมีดังต่อไปนี้

1. ช่วยลดความดันโลหิต

     เนื่องจากมันเทศเป็นอีกหนึ่งอาหารที่อุดมไปด้วยสารโพแทสเซียม เพียงมันเทศอบแค่หนึ่งถ้วย ก็สามารถให้สารโพแทสเซียมมากถึง 950 มิลลิกรัม และโพแทสเซียมนี้ มีส่วนช่วยในการขยายหลอดเลือด และกำจัดเอาโซเดียมกับของเหลวส่วนเกินออกจากร่างกาย ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงของการเกิดความดันโลหิตสูงได้

2.ป้องกันอาการท้องผูกและช่วยในการดูดซึมอาหาร

     มันเทศประกอบด้วยไฟเบอร์ทั้ง 2 ชนิด ได้แก่ ไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ และไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำไม่ได้ โดยไฟเบอร์แบบละลายน้ำได้จะเข้าไปดูดซับน้ำในระบบทางเดินอาหาร ป้องกันอาการท้องผูก และเมื่อไฟเบอร์ทั้ง 2 ชนิด ได้เจอกับกลุ่มแบคทีเรียชั้นดีในลำไส้ ก็จะไปช่วยกระตุ้นให้เกิดการผลิตสารประกอบชนิดกรดไขมันสายสั้น เพื่อเป็นพลังงานในลำไส้ ทำให้ลำไส้แข็งแรง ย่อยอาหาร และดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น จากงานวิจัยที่ให้ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวลูคีเมียบริโภคมันเทศในระหว่างเข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัดเป็นครั้งแรก ผลการทดลองพบว่ามันเทศช่วยป้องกันอาการท้องผูกในผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้ 

3. ช่วยควบคุมน้ำหนัก

     เนื่องจากมันเทศเป็นพืชที่มีคาร์โบไฮเดรตและไฟเบอร์สูง ดังนั้นเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะทำให้รู้สึกอิ่มท้อง สามารถนำมาเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตทดแทนข้าวสวย หรือบะหมี่ได้ จึงจัดเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อว่ามีส่วนในการส่งเสริมการลดน้ำหนักได้ดีด้วย 

4. ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

    แม้ว่ามันเทศอาจจะเป็นอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต แต่ก็เป็นอาหารที่มีเส้นใยอาหารมาก ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะทำให้การเผาผลาญแป้งได้ช้าลง เมื่อคาร์โบไฮเดรตเผาผลาญได้ช้าลง ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดก็จะลดลงไปด้วย การกินมันเทศจึงมีส่วนช่วยป้องกันความเสี่ยงของระดับน้ำตาลในเลือดสูงได้ มีงานค้นคว้าในด้านนี้และพบว่า จากการทดลองให้สารสกัดจากมันเทศเนื้อสีขาวในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ทั้งก่อนและหลังการให้ยาอินซูลิน ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยลดลง จึงอาจเป็นไปได้ว่า สารสกัดสีขาวจากมันเทศเป็นประโยชน์ในการรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยการทำให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้น

5.ช่วยบำรุงสายตา

     เนื่องจากมันเทศมีสารเบตาแคโรทีน ซึ่งเป็นกลุ่มสารต้านอนุมูลอิสระที่พบได้ในผักและผลไม้ที่มีสีเหลือง เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว สารเบตาแคโรทีนจะแปรเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยบำรุงสายตา กระตุ้นการทำงานของตัวรับแสงในดวงตา และยังมีแอนโทไซยานิน ที่ช่วยลดความเสียหายของเซลล์ที่ดวงตาอีกด้วยครับ 

 

ผู้จัดรายการ

ความคิดเห็นที่เกี่ยวข้อง