close
Rti Thaiดาวน์โหลด Rti App
Open
:::

กระแสประชาธิปไตย วันจันทร์ที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๖

  • 28 August, 2023
กระแสประชาธิปไตย
กระแสประชาธิปไตย
กระแสประชาธิปไตย
กระแสประชาธิปไตย
กระแสประชาธิปไตย
นายกัวไถหมิง โชว์ภาพตอนเป็นทหารที่จินเหมิน
กระแสประชาธิปไตย
กระแสประชาธิปไตย
ปธน. ไช่ฯ ให้กำลังญาติทหารหาญที่เสียชีวิตในเหตุการณ์สงครามปืนใหญ่ 823 ที่จินเหมิน

รำลึกเหตุการณ์สงครามปืนใหญ่ 823 ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวัน 2024 แสดงวิสัยทัศน์ 

      เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน แห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เดินทางไปเข้าร่วมงานรำลึกครบรอบ 65 ปี เหตุการณ์สงครามปืนใหญ่ 823 หรือ 23 ส.ค. ที่สุสานไท่อู่ซาน บนเกาะจินเหมิน โดยวางพวงมาลาเพื่อแสดงความเคารพและรำลึกถึงทหารผู้พลีชีพเพื่อชาติ 

     หลังจากนั้น ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินได้แสดงความเคารพต่อเจ้าหน้าที่ทหารที่เข้าร่วมพิธีและตัวแทนครอบครัวทหารผู้พลีชีพในเหตุการณ์ครั้งนั้น  โดยในงาน มีทหารที่เคยร่วมรบในสงครามปืนใหญ่ 23 ส.ค. ซึ่งปัจจุบันอายุร้อยปีแล้ว เข้าร่วมพิธีรำลึกด้วย ผู้นำไต้หวันได้กล่าวชื่นชมทหารนายนั้นว่ามีสุขภาพร่างกายแข็งแรงเช่นเคย พร้อมทั้งกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า เป็นแบบอย่างที่ดีในการดูแลสุขภาพที่ตนต้องเรียนรู้ นอกจากนี้ ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินยังได้ให้กำลังใจนายทหารอีกนายที่อายุ 93 ปี นั่งรถเข็นมาเข้าร่วมพิธี ให้มีสุขภาพแข็งแรง หลังเสร็จพิธี ตัวแทนครอบครัวทหารผู้พลีชีพตะโกนพร้อมกันว่า “สาธารณรัฐจีนสู้ๆ” ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินชูมือขึ้นและตะโกน “สู้ๆ”

      เหตุการณ์สงครามปืนใหญ่ 23 สิงหาคม (八二三砲戰 ) เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 1958 เมืองจินเหมิน เกาะรอบนอกของไต้หวันถูกโจมตีด้วยปืนใหญ่จากจีนคอมมิวนิสต์ซึ่งยิงถล่มต่อเนื่อง 44 วัน แต่ฝ่ายไต้หวันสามารถต้านทานการรุกรานและรักษาดินแดนเกาะจินเหมินไว้ได้

ปธน. ไช่ฯ วางพวงหรีดหน้าอนุสาวรีย์ไท่อู่ซาน จินเหมินในโอกาสรำลึก 65 ปี เหตุการณ์สงครามปืนใหญ่ 823 

      เหตุการณ์สงครามปืนใหญ่ 823 เป็นเหตุการณ์สำคัญที่นักการเมืองทั้่งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะเปรียบเสมือนเหตุการณ์ที่ชี้ชะตาความอยู่รอดของสาธารณรัฐจีนจากเงื้อมมือของพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวัน 2024 ก็ต้องแสดงวิสัยทัศน์ในเรื่องนี้เหมือนกัน เรามาเริ่มต้นกันที่ รองประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ในฐานะผู้สมัครของพรรค DPP กันก่อนครับ

      รองประธานาธิบดีไล่ฯ ระบุว่า เหตุการณ์ 823 มีความหมายอย่างใหญ่หลวงต่อไต้หวัน สาธารณรัฐจีน การรักษาสันติภาพในปัจจุบันของช่องแคบไต้หวันเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของช่องแคบไต้หวัน และยิ่งเป็นความหวังร่วมกันของประเทศประชาธิปไตยทั่วโลก นอกจากนี้ รองประธานาธิบดีไล่ฯ ยังย้ำว่า ยินดีที่จะพูดคุยกับจีนบนพื้นฐานของการอำนวยประโยชน์ซึ่งกันและกัน เคารพและเสมอภาค โดยไม่มีการวางเงื่อนไขใด ๆ ไว้ล่วงหน้า ตนจะอาศัยเสาหลักแห่งประชาธิปไตยและสันติภาพ 4 เสาหลัก ผลักดันให้ทั่วโลกได้เห็นว่า ไต้หวันได้มีความเด็ดเดี่ยวที่จะผลักดันและรักษาสถานะปัจจุบันและแสวงหาสันติภาพบนช่องแคบไต้หวัน

      ส่วนนายโหวโหย่วอี๋ ผู้สมัครของพรรคก๊กมินตั๋ง พรรคฝ่ายค้าน ซึ่งได้เดินทางไปเข้าร่วมพิธีรำลึกครบรอบ 65 ปี เหตุการณ์สงครามปืนใหญ่ 823 ที่เกาะจินเหมิน ก็ไเสนอนโยบายเชื่อมต่อจินเหมินกับจีนด้วยสะพานจินเหมิน-เซี่ยเหมิน  

      ส่วนนายเคอเหวินเจ๋อ อดีตผู้ว่าการกรุงไทเป หัวหน้าพรรคและผู้สมัครของพรรคประชาชนไต้หวัน หรือพรรค TPP ก็แสดงทัศนะเกี่ยวกับเหตุการณ์ 823 ว่า การที่เขาไม่ได้เดินทางไปร่วมงานรำลึกครบรอบ 65 ปี เหตุการณ์สงครามปืนใหญ่ 823 เช่นเดียวกับคู่แข่งอย่างนายโหวฯ กับนายกัวฯ ก็เพราะไม่ต้องการทำให้พิธีรำลึกกลายเป็นสนามหาเสียงเลือกตั้ง จุดโฟกัสของเหตุการณ์ก็จะถูกทำให้บิดเบี้ยวไป นอกจากนี้ เขายังเสนอแนวทางในการลดการเป็นปฏิปักษ์ระหว่างช่องแคบไต้หวัน และเห็นว่าจินเหมินจะเป็นดินแดนที่ดีที่สุดในการสาธิตสันติภาพระหว่างช่องแคบไต้หวันด้วย 

     นายเคอฯ ให้สัมภาษณ์ที่อนุสาวรีย์วีรชน ในกรุงไทเปย้ำว่า “พูดจริง ๆ นี้ เกาะจินเหมินเป็นดินแดนที่ดีที่สุดในการเป็นจุดทดลองหรือสาธิตความสัมพันธ์ระหว่างช่องแคบไต้หวัน เพราะอยู่ใกล้จีนมาก และก็ไม่กระทบอะไรกับผู้คนมากนัก ซึ่งตนได้กล่าวอยู่ตลอดเวลว่า ไม่ว่าจะเป็นระบอบการเมืองหรือระบอบสังคม ก็ต้องมีจุดทดลอง จินเหมินจึงเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการทดสอบสันติภาพระหว่างช่องแคบไต้หวัน” 

     ส่วนนายกัวไถหมิง เจ้าของฟอกซ์คอน์น มหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของไต้หวัน ที่ประสงค์จะลงสมัครในนามผู้สมัครอิสระ ก็ได้เดินทางไปร่วมงานที่เกาะจินเหมิน โดยมีนายเฉินฝูไฮ่ ผู้ว่าการจินเหมิน นายหงหยวิ่นเตี่ยน ประธานสภาเมืองจินเหมินให้การต้อนรับขณะเข้ากราบไหว้ศาลเจ้าซานเซวียนกง ทั้ง 3 ประสานมือจุดธูปบูชากราบไหว้ศาลเจ้า โดยนายเฉินฝูไฮ่ ระบุว่า การที่นายกัวฯ เสนอแผนสันติภาพจินเหมิน เชื่อว่า จีนจะเห็นถึงการแสดงความเป็นมิตรของนายกัวฯ ส่วนนายเคอฯ ก็ระบุชัดว่าจะแก้ปัญหาจินเหมิน ส่วนนายโหวฯ ก็เสนอแนวคิดสร้างสะพานเชื่อมต่อระหว่างจินเหมินกับเซี่ยเหมินเพื่อแก้ปัญหาระหว่างช่องแคบไต้หวัน 

     ส่วนคะแนนนิยมล่าสุดของผู้ที่เตรียมลงสมัครรับเลือกตั้งผู้นำไต้หวัน 2024 โดย “เหม่ยลี่ต่าวเตี้ยนจื่อเป้า” ปรากฎว่า รองประธานาธิบดีไล่ฯ นำโด่ง 41.7% ตามมาด้วยนายเคอเหวินเจ๋อ 21.3% นายโหวโหย่วอี๋ 17.7% และหากรวมนายกัวฯ เข้าไปด้วย พบว่า รองประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อยังคงนำโด่ง อยู่ที่ 39.1% ตามด้วยนายเคอเหวินเจ๋อ 17.7% นายโหวโหย่วอี๋ 16.3% ส่วนนายกัวฯ ยังคงอยู่ที่ 12.2%

ไต้หวันเสริมเขี้ยวเล็บทางอากาศ เตรียมติดตั้งระบบติดตามอินฟาเรดบนเครื่องบินรบ F-16V 

      เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหม สหรัฐฯ ได้ประกาศการอนุมัติจำหน่ายอาวุธล็อตใหม่ให้แก่ไต้หวัน โดยเป็นการจำหน่ายระบบติดตามอินฟาเรดติดตั้งบนเครื่องบินรบ F-16V มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.5 หมื่นล้านเหรียญไต้หวัน ซึ่งนับเป็นการอนุมัติการจำหน่ายอาวุธให้ไต้หวันในยุคของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เป็นครั้่งที่ 11 แล้ว โดยจะแจ้งให้รัฐสภาสหรัฐฯ รับทราบ ทำให้แผนจำหน่ายอาวุธในคราวนี้มีผลบังคับใช้ในอีก 1 เดือนข้างหน้า 

     ระบบติดตามอินฟาเรดหรือ IRST ดังกล่าว มีมูลค่าประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ แต่ไม่รวมอยู่ใน “อุปกรณ์กลาโหมสำคัญ” หรือ Major Defense. Equipment (MDE)  ของสหรัฐฯ 

     ทางด้านนายซุนลี่ฟัง โฆษกกระทรวงกลาโหม ไต้หวัน ได้ยืนยันข่าวดังกล่าวว่า แผนการจำหน่ายอาวุธดังกล่าวได้แจ้งให้รัฐสภา สหรัฐฯ รับทราบแล้ว คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในอีก 1 เดือน ซึ่งระบบดังกล่าวจะเสริมสมรรถนะใน  การติดตามความเคลื่อนไหวของเครื่องบินรบฝ่ายตรงข้ามในระยะไกลได้อย่างแม่นยำ เสริมศักยภาพการสู้รบของกองทัพไต้หวันได้เป็นอย่างดี  

      นายซุนฯ ระบุเพิ่มเติมอีกว่า ไต้หวันต้องเผชิญหน้ากับการก่อกวนทางอากาศจากเครื่องบินรบจีนมากขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรุกล้ำเขตแสดงตนหรือ ADIZ ของไต้หวัน กระทบต่อการเคลื่อไหวอย่างเสรีบนน่านฟ้าไต้หวัน รวมทั้งเป็นภัยคุกคามทางทหารอย่างร้ายแรงต่อไต้หวัน ซึ่งสหรัฐฯ ได้พิจารณาในเรื่องนี้บนพื้นฐานของ “กฎหมายว่าด้วยความสัมพันธ์ไต้หวัน” และ “คำมั่น 6 ประการ” ที่สหรัฐฯ ให้ไว้กับไต้หวัน โดยการสนองอาวุธในลักษณะป้องกันตนเองให้แก่ไต้หวันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการรักษาเสถียรภาพและสันติภาพบนช่องแคบไต้หวัน กระทรวงกลาโหมไต้หวันจึงต้องขอขอบคุณฝ่ายสหรัฐฯ ด้วย 

     ส่วนทางด้านทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวัน ก็ได้แสดงความขอบคุณที่สหรัฐฯ ยึดมั่นใน “กฏหมายว่าด้วยความสัมพันธ์ไต้หวัน” และ “คำมั่น 6 ประการ” ที่สหรัฐฯ ให้ไว้กับไต้หวัน

 

ผู้จัดรายการ

ความคิดเห็นที่เกี่ยวข้อง