EP.2 : ลาก่อน "เจ้าโคล่า" – สุนัขชิบะแห่งโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นอันซี นครนิวไทเป
แปลและรายงานโดย มนภรณ์ ไชยวุฒิ
【บทนำ】
สวัสดีทุกคน พวกเราคือทีมงานค้นหาสมบัติจาก “The Reporter” พวกเรามีความเชี่ยวชาญในการช่วยทุกท่านสืบค้นหา “ขุมสมบัติ” อันน่ามหัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่ในสถานศึกษา ทำให้สมบัติหลากหลายประเภทที่ซุกซ่อนอยู่ตามซอกมุมของโรงเรียน “ปรากฏ” ขึ้น พร้อมกับบอกเล่าเรื่องราวของสิ่งเหล่านั้นผ่านนักเรียนและคุณครูซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับพวกมันตลอดเวลา เพื่อจะนำพาทุกท่านเข้าไปสัมผัสวิถีชีวิตของพวกมันภายในรั้วโรงเรียน
ครั้งนี้พวกเราพาทุกคนมาที่โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นอันซี (Ansi Junior High School) นครนิวไทเป เพื่อมาทำความรู้จักกับ “นักเรียนที่จบการศึกษา” ไปแล้ว ซึ่งเป็นที่รักและคิดถึงของคุณครูกับนักเรียน ซึ่งก็คือ สุนัขพันธุ์ชิบะชื่อว่า “โคล่า”
สมุดประจำตัวของโปเกมอน
ชื่อสกุล:โคล่า
ประเภท:สุนัขพันธุ์ชิบะ จากประเทศญี่ปุ่น
เพศ:หญิง
น้ำหนัก:16 กิโลกรัม
อายุ:ประมาณ 15 ปี
คุณสมบัติ:รอยยิ้ม
นิสัย:ร่าเริง、ไร้เดียงสา
ความชอบ:สัมผัสใกล้ชิดกับครูนักเรียน วิ่งไล่ไก่ ว่ายน้ำ
ที่อยู่อาศัย:โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นอันซี นครนิวไทเป
【เนื้อหา】
สวัสดีทุกคน ฉันชื่อ “โคล่า” (可樂) ตอนที่พวกคุณได้อ่านบทความเรื่องนี้เกี่ยวกับฉัน ฉันได้กลายเป็นสุนัขนางฟ้าขึ้นไปอยู่บนสวรรค์แล้ว แต่ฉันรู้ว่า คุณครูและนักเรียนในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นอันซี ไม่มีวันไหนไม่คิดถึงฉัน ฉันก็คิดถึงทุกคน และจะไม่มีวันลืมทุกวันทุกเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ในอันซีตลอดไป
*ฉันเป็น “เนตไอดอล” ที่ได้รับรางวัลมากมาย
ฉันจำได้ว่าเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ.2010 ฉันวิ่งไปยังโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นอันซีในฐานะ “นักเรียนใหม่” จนกระทั่งถึงวันที่ 16 กรกฎาคม ค.ศ.2022 ฉันทนอาการเจ็บป่วยจากโรคที่รุมเร้าไม่ไหวจริงๆ จึงถูกบังคับให้ต้อง “จบการศึกษา” และจากทุกคนไป ช่วงเวลา 12 ปีที่ใช้ชีวิตในโรงเรียนมัธยมอันซี คุณครูและนักเรียนทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ผู้ปกครอง ล้วนก็รักฉันมาก และปฏิบัติกับฉันเหมือนสมาชิกในครอบครัว มันจึงป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของฉัน ตอนนี้ถึงฉันขึ้นไปอยู่บนสวรรค์แล้ว แต่ก็ยังจะปกป้องคุ้มครอบทุกคนที่รักฉันตลอดไป
จริงแล้ว ฉันก็เป็น “เนตไอดอล” ที่มีแฟนคลับติดตามจำนวนมากอยู่นะ ฉันจำได้ว่าเมื่อปี ค.ศ.2016 เป็นครั้งแรกที่คณะกรรมการการเกษตรไต้หวันจัดกิจกรรมประกวดสุนัขประจำโรงเรียน ฉันได้รับรางวัล “สุนัขโรงเรียนดีเด่น” และกลายเป็นที่รู้จักขึ้นมาทันที นักเรียนกับคุณครูยังช่วยฉันสร้างเฟซบุ๊กแฟนเพจขึ้นมาชื่อว่า “โคล่า-สุนัขแห่งโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นอันซี” มีแฟนคลับทำชุดรักเรียนมาให้ฉัน และยังเกิดเป็นกระแสนิยมของการเลี้ยงสุนัขไว้ในโรงเรียนด้วย ไม่เพียงแต่เป็นที่รู้จักภายในโรงเรียน ชื่อเสียงของฉันยังโด่งดังไปถึงนอกโรงเรียน เพราะฉันมักจะชอบติดตามคุณครูเจียงต้าหรู (姜大如) ซึ่งเป็นผู้เลี้ยงดูฉันไปบรรยายตามโรงเรียนต่างๆ เขาเป็นคุณครูท่านหนึ่งที่ “อุทิศชีวิตเพื่อการศึกษา” อย่างแท้จริง
ฉันยังได้รับรางวัลอีกมากมาย อาทิ รางวัลจากเครือข่าย Taiwan Animal Protection Monitor network และรางวัลยอดเยี่ยมจากการประกวดสุนัขโรงเรียนของสมาคม World Dog Alliance ด้วย แม้แต่หลังจากที่ฉันเสียชีวิตไปแล้วในปี ค.ศ.2022 ก็ยังมีหน่วยงานมอบรางวัล “ต้นแบบแห่งความรัก” ให้กับฉันด้วย ซึ่งเมื่อพูดมาถึงตรงนี้ คุณสงสัยหรือไม่ว่า ฉันจากที่เคยเป็นสุนัขจรจัด กลายมาเป็นสุนัขโรงเรียนที่ทุกคนรักได้อย่างไร?
*โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นอันซีทำให้ “สุนัขจรจัด” กลายเป็น “เจ้าหญิง”
เดิมที่ฉันเป็น “สุนัขจรจัด” ไร้บ้าน ทุกวันก็จะเดินเตร็ดเตร่ไปตามท้องถนน มีกินบ้าง ไม่มีกินบ้าง มีอยู่วันหนึ่งฉันที่รู้สึกทั้งเหนื่อยและหิว ก็ได้เดินไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าประตูโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นอันซี วันนั้นหนาวมาก พอตกกลางคืนฉันจึงตัดสินแอบเข้าไปหลบซ่อนในโรงเรียน วิ่งไปจนถึงข้างๆ หอพักของคุณครูใหญ่เพื่อให้ร่างกายได้รับความอบอุ่น โดยหวังเพียงคืนนี้จะได้นอนหลับฝันดี
แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น!
เมื่อมีนักเรียนและโค้ชของทีมแบดมินตันโรงเรียนที่เพิ่งซ้อมเสร็จเดินผ่านมาพบว่าฉันนอนหนาวสั่นอยู่ พวกเขาจึงพาฉันเข้าไปในหอพัก พวกเขาไม่เพียงหาอาหารเลิศรสมาให้ฉันรับประทานจนอิ่มท้อง แต่ยังช่วยฉันอาบน้ำล้างตัว ล้างสิ่งสกปรกและกลิ่นเหม็นจากการร่อนเร่พเนจรในช่วงนั้นด้วย
ต่อมาคุณครูเจียงต้าหรู ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายวิชาการและอดีตเคยเป็นครูสอนพลศึกษา ก็ได้เข้ามารับผิดชอบหน้าที่ช่วยเหลือฉันตามหาเจ้าของ แต่หาไปหามาก็พบกับความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะแต่ละคนไม่ใช่เจ้าของฉันจริงๆ แม้ว่าจะหาเจ้าของเก่าฉันไม่เจอ แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกผิดหวัง ฉับแอบกระซิบบอกพวกเธอนะ ว่าที่จริงตอนนั้นฉันรู้สึกชอบคุณครูกับนักเรียนในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นอันซีมากเลย พวกเขายอมรับฉันให้ “เข้าเรียน” อย่างเป็นทางการ และทำให้ฉันกลายเป็นสุนัขประจำโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นอันซี
ตอนเช้าฉันไปเข้าเรียนด้วยกันกับเพื่อนๆ ตอนเย็นก็จะกลับบ้านพร้อมกับคุณครูเจียงต้าหรู การมีชีวิตที่สุขสบายเกินไป ทำให้ในช่วงเวลา 12 ปีที่ผ่านมา ฉันอ้วนขึ้น จากน้ำหนักตัว 9.8 กิโลกรัม พุ่งขึ้นมาเรื่อยๆ ถึง 16 กิโลกรัม
เพื่อให้ฉันเจริญเติบโต ครูและนักเรียนจึงต้องเพียรพยายามกันอย่างหนัก เนื่องจากฉันอาจจะมี “โรคเจ้าหญิง” อยู่นิดหน่อย ก็คือตอนที่ครูและนักเรียนเอาน่องไก่มาให้ฉันกิน แต่เอามาทั้งน่อง ฉันก็ไม่รู้ว่าจะกินยังไง จึงได้แต่มองไม่ได้กิน พวกเขาก็เลยฉีกเนื้อน่องไก่ออกมาเป็นชิ้นๆ และป้อนให้ฉันกินเป็นคำๆ กินได้เรื่อยๆ ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจมากที่พวกเขาเข้าอกเข้าใจฉันและเลี้ยงดูฉันเป็นอย่างดี
*นักเรียนที่ดื้อซนเกเรล้วนถูกฉันทำให้ใจละลาย
ฉันยังมีวันเกิดเป็นของตัวเองที่ครูกับนักเรียนตั้งให้คือ 17 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่ฉันมาอาศัยอยู่ที่โรงเรียน โดยเมื่อถึงปี ค.ศ.2014 ทางโรงเรียนก็ได้มอบ “บัตรนักเรียน” ให้ฉันเป็นของขวัญวันเกิด ซึ่งบนบัตรมีบาร์โค้ดเฉพาะที่สามารถยืมหนังสือในห้องสมุดได้จริงๆ เพียงแต่ฉันไม่เคยไปยืมหนังสือเลย
ครูเจียงต้าหรูปฏิบัติต่อฉันเหมือนนักเรียนทั่วไป สิ่งที่คุณครูอยากบอกแก่นักเรียนมากที่สุดคือ “ทักษะที่สามารถนำเอาไปใช้ได้จริง” ดังนั้นฉันจึงยอมรับการฝึกว่ายน้ำ “แบบมืออาชีพ” โดยบริเวณใกล้กับซานเสียมีแม่น้ำลำธารอยู่หลายแห่ง พอถึงช่วงวันหยุดคุณครูจึงพาฉันไป “ฝึกพิเศษ” ตามที่ต่างๆ ซึ่งจริงๆ แล้วก็คือพาไปเล่นน้ำนั่นแหละ จนทำให้ฉันกลายเป็นนักว่ายน้ำที่เก่งจริงๆ
ชีวิตของสุนัขประจำโรงเรียนช่างมีสีสันมาก ฉันเป็น “แสงอาทิตย์ที่งดงาม” ในหัวใจของทุกคน เพราะเมื่อฉันยิ้ม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนนักเรียนที่เกเร ขี้อาย หรือแม้กระทั่งคุณครู ล้วนถูกฉันทำให้ใจละลายไปหมด นี่จึงเป็นทักษะความสามารถที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉัน
มีอีกเรื่องที่จำเป็นต้องพูดถึงก็คือ หลังจากที่ครูเจียงต้าหรูเลี้ยงดูให้ฉันอยู่ในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นอันซีมาแล้ว 5 ปี จึงได้มีการก่อตั้ง “ชมรมพิทักษ์คุ้มครองสัตว์” ขึ้นมา ซึ่งด้วยเสน่ห์ความน่ารักของฉัน ส่งผลให้มีนักเรียนแย่งกันสมัครเข้ามาอยู่ในชมรมจนเต็มจำนวนโควต้าภายในเวลาไม่กี่วินาที ฉันมีความสุขมากที่ได้นักเรียนทุกคนชื่นชอบการมีปฏิสัมพันธ์กับฉัน ขณะเดียวก็ยังทำให้ครูกับนักเรียนมีประเด็นมาพูดคุยร่วมกัน ซึ่งช่วยลดช่องว่างระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ และมนุษย์กับสัตว์ ให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น แน่นอนว่า คุณครูยังสอนให้นักเรียนรู้จักวิธีการดูแลสัตว์เลี้ยง และเรียนรู้กระบวนการอื่นๆ ที่ช่วยให้เข้าใจถึงการอาศัยอยู่ร่วมกันกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น รวมถึงสนับสนุนแนวคิด “การรับเลี้ยงหมาแมวจรแทนการสั่งซื้อจากต่างประเทศ” เนื่องจากมีฉันอยู่ในโรงเรียน จึงทำให้นักเรียนรู้จักรักและคุ้มครองสัตว์ภายใต้สถานการณ์จริง
*การบอกลาเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย แต่สิ่งที่ทำใจได้ยากยิ่งกว่า ก็คือการทำให้ครูกับนักเรียนต้องโศกเศร้าเสียใจ
เมื่อเดือนเมษายน ปี ค.ศ.2022 ฉันเกิดล้มป่วยกะทันหัน เพราะแก้มซ้ายของฉันยุบเข้ามาใกล้กับกกหู ดังนั้นในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม คุณครูจึงต้องพาฉันตระเวนไปตรวจรักษาในหลายโรงพยาบาล ฉันรู้ดีว่าครูและนักเรียนมีความลำบากใจมาก พวกเขาต้องคิดว่าการที่ให้ฉันมีชีวิตอยู่ต่อไปจะเป็นการทรมานฉันหรือไม่ ถึงกระนั้นเมื่อฉันรู้ดีว่าพวกเขายังไม่อยากที่จะยอมแพ้ ดังนั้นฉันไม่อยากทำให้พวกเขาต้องกังวลใจ ไม่ว่าจะไปหาหมอหรือเจ็บปวดแค่ไหน ฉันจึงไม่เคยส่งเสียงร้องหรือเสียงคร่ำครวญใดๆ ฉันหวังว่าตนเองจะต้องเข้มแข็งให้มากที่สุด เพื่อให้ฉันคนเดิมยังคงอยู่กับทุกคน และในที่สุดฉันก็จากไปอย่างเงียบสงบ ตลอดเวลา 15 ปีที่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ การได้รับความรักจากคุณครูและนักเรียนของโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นอันซีคือช่วงเวลาที่ดีที่สุด
ในช่วงเวลา 100 กว่าวันของการเจ็บป่วย ฉันรู้สึกขอบคุณทุกคนมากๆ ที่ดูแลฉันเป็นอย่างดี เด็กนักเรียนทุกคนไม่รังเกียจที่จะจัดการเศษอ้วกของฉันซึ่งกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ และยังเป็นห่วงว่าฉันจะไม่ได้กินข้าว ด้วยเหตุนี้ฉันจึงเลือกที่จะจากโลกใบนี้ไปในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน เพื่อหวังว่าจะลดจำนวนคุณครูและนักเรียนที่ต้องมาโศกเศร้าเสียใจกับการจากไปของฉัน เพราะนี่เป็นวิธีการเดียวที่ฉันจะตอบแทนความรักของพวกเขาได้
ฉันอยู่บนสวรรค์มีความสุขมากๆ และแม้ว่าฉันจะจากไปแล้ว แต่ชมรมพิทักษ์คุ้มครองสัตว์ก็ยังคงอยู่ อย่างเช่น หวังผิ่นฉุน (王品淳) นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก็ได้นำเอาแมวพันธุ์ British Shorthair อายุ 10 เดือน ที่มีชื่อว่า “ซาลาเปา” ซึ่งชื่อที่ตั้งก็สมกับเป็น “ชื่อแมวจริงๆ” มาเลี้ยงในโรงเรียน โดยนิสัยที่อบอุ่นและน่ารัก ดึงดูดให้นักเรียนที่เมื่อมาถึงโรงเรียนแล้วต้องรีบวิ่งเข้ามากอดมันอย่างอบอุ่น
ขณะที่พันก้วนจวิน (潘冠鈞) นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 อีกคน ก็ได้นำสุนัขอายุ 1 ปี ชื่อว่า “ตูตู” เข้ามาเลี้ยงในโรงเรียนเช่นกัน แม้ว่าตูตูจะมีนิสัยร่าเริงและมีความอยากเล่นกับซาลาเปามาก แต่ซาลาเปากลับมีอาการกลัวอย่างเห็นได้ชัด ฉันเห็นว่าพันก้วนจวินพยายามจะดึงสุนัขไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ตีกัน ขณะที่เด็กนักเรียนคนอื่นๆ ก็พยายามหาวิธีการพาเจ้าซาลาเปากลับเข้าไปในที่อยู่อาศัยเฉพาะของมัน ซึ่งนั่นทำให้ฉันรู้สึกปลาบปลื้มใจมาก เพราะนักเรียนทุกคนที่อยู่ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว เมื่อทราบว่ามี “ปัญหา” เกิดขึ้น ก็รู้ว่าควรจะต้องร่วมกันจัดการและแก้ไขปัญหา
ช่วงเวลาที่ฉันจากโลกนี้ไป ฉันเห็นบรรดาคุณครูกับนักเรียนจำนวนมากแอบร้องไห้เสียใจให้ฉัน ฉันก็รู้สึกเสียดายที่ต้องจากทุกคนไป แต่พอฉันได้เห็นครูกับนักเรียนจัดกิจกรรมชื่อว่า “ส่งต่อความรักสู่ฝากฟ้า” ที่สนับสนุนให้ทุกคนออกมาพูดความในใจกับคนรอบข้าง เพื่อให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ฉันก็ได้เห็นเพื่อนๆ นักเรียนเขียนข้อความลงบนกระดาษว่า :
「รู้สึกขอบคุณคุณครูสอนคณิตศาสตร์มากๆ เพราะไม่ว่านักเรียนจะมีปัญหาอะไร คุณครูก็ตอบคำถามเหล่านั้นด้วยความอดทน」
「ฉันรู้สึกขอบคุณเพื่อนนักเรียนที่แสนดีของฉัน เพราะไม่ว่าเขาจะทำอะไรอยู่ พอฉันเรียกหา เขาก็จะตอบกลับฉันมาทันที」
「ขอบคุณเธอ ที่เข้ามาช่วยเหลือฉันในช่วงเวลาที่ฉันต้องการ」
「เพื่อนๆ ของฉันจะอยู่เคียงข้างฉันในช่วงเวลาที่เต็มด้วยความวุ่นวาย รู้สึกขอบคุณพวกเธอที่ทำให้ชีวิตในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาของฉันเต็มไปด้วยความทรงจำที่สวยงาม」
การที่ได้เห็นครูหรือนักเรียนแสดงความรู้สึกความขอบคุณและยกย่องชื่นชมอีกฝ่ายด้วยความจริงใจ ก็ทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันสามารถนำพาทุกคน ไปเรียนรู้ถึงการได้รับความรักและการแสดงความรักออกมา นับว่าการเดินทางของฉันถือเป็นสิ่งที่คุ้มค่าแล้วจริงๆ ฉันจะอยู่บนสวรรค์คอยปกป้องคุ้มครองทุกคนตลอดไป และจะเฝ้ารอให้มีสัตว์เลี้ยงตัวใหม่เข้ามาอาศัยอยู่ในครอบครัวของโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นอันซี
【กล่องที่ 1:ชั้นเรียนพิทักษ์คุ้มครองสัตว์ของคุณครูเจียงต้าหรู】
นักเรียนเข้าเรียนได้แล้ว!ฉันคือคุณครูเจียงต้าหรูแห่งโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นอันซี คุณครูเจียงต้าหรูเองก็ไม่เคยเลี้ยงสัตว์มากก่อน แต่เพราะโชคชะตาจึงทำให้พวกเรากับโคล่าได้มาเจอกัน จนถึงวันนี้ความรักที่เรามีให้กับโคล่าก็ยังคงอยู่ และก็จะสานต่อความรักกับความทรงจำให้งดงามยิ่งขึ้น
โคล่ามาเพื่อสอนพวกเราจริงๆ โดยช่วงแรกที่โรงเรียนรับเลี้ยงโคล่า ก็จะมี 1 คือหน้าที่ความรับผิดชอบ และ 2 คือหวังว่าจะช่วยมันตามหาเจ้าของเดิมได้ แต่คิดไม่ถึงว่าตลอดระยะเวลา 100 วัน ที่กำลังพยายามตามหาเจ้าของ พวกเราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในทางดีขึ้นเกิดกับนักเรียน โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่อยากเลิกเรียนกลางคันหรือไม่ชอบมาโรงเรียน นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งคุณครูทุกคนรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนั้น
สำหรับเด็กนักเรียน โคล่าเป็นเพื่อนรักและเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด คุณครูอู๋จวินหรุ่ย (吳俊叡) หัวหน้าฝ่ายแนะแนวบอกกับเราว่า เมื่อเทียบกันแล้วโคล่าน่าจะมีประโยชน์มากกว่าครูแนะแนวเสียอีก เพราะเขาพบว่าเวลาที่มีนักเรียนสอบได้ไม่ดีหรืออารมณ์ไม่ดี ก็มักจะพูดว่า “ฉันจะต้องไปหาโคล่า”
ไม่เว้นแม้แต่นักเรียนซึ่งอยู่ในความดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษของคุณครูอู๋จวินหรุ่ย ที่เมื่อมาถึงโรงเรียนแล้วก็อยากรีบไปหาเจ้าโคล่าเช่นกัน ปกติแล้วนักเรียนเหล่านี้จะมีผลการเรียนไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก อยู่ในโรงเรียนก็จะไม่ค่อยแสดงตัวและไม่รู้สึกว่าตนเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียน อันที่จริงๆ แล้ว พวกเขาแทบไม่อยากจะมาโรงเรียนด้วยซ้ำ โดยเมื่อพวกเขามาถึงห้องเรียนก็มักจะพูดจาไม่ดีด่าทอเพื่อนๆ นักเรียนกับคุณครู จึงทำให้นักเรียนส่วนใหญ่ไม่ชอบที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับพวกเขา ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกเกลียดการมาโรงเรียนมากขึ้นไปอีก จนกลายเป็นวงจรปัญหาที่น่ากังวลอย่างยิ่ง
แต่การเฝ้าสังเกตของคุณครูอู๋จวินหรุ่ยพบว่า เมื่อเด็กนักเรียนกลุ่มนี้ได้เข้าไปดูแลและจูงเจ้าโคล่าไปเดินเล่น สิ่งนั้นกลับทำให้พวกเขารู้สึกว่าตนเองกำลังเป็นที่ต้องการและเติมเต็มความรู้สึกที่ขาดหายไปได้
หมายเหตุ : นักเรียนที่อยู่ความดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ
คือนักเรียนที่ขาดเรียนมากกว่า 3 วัน โดยไม่ได้แจ้งขอลาหยุด ซึ่งนั่นถือว่าเป็นการเลิกเรียนกลางคัน;นักเรียนที่อยู่ความดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษคือนักเรียนที่กำลังจะต้องดรอปเรียน และขาดเรียนบ่อยครั้ง
ด้วยเหตุนี้ ครูอู๋จวินหรุ่ยกับฉันจึงหารือกันกับคุณครูเจียงต้าหรูว่า ในทุกๆ 1-2 วัน หากนักเรียนกลุ่มนี้มาถึงโรงเรียนแต่เช้าหรือไม่มาเรียนสาย พวกเราก็จะให้เขาช่วยจูงเจ้าโคล่าไปวิ่งเล่นรอบโรงเรียนหรือให้เจ้าโคล่าเข้าเรียนเป็นเพื่อนเขา 1 วิชา ขณะเดียวกันตอนที่พวกเขากำลังเรียนหนังสืออยู่ คุณครูเจียงต้าหรูก็จงใจจูงเจ้าโคล่าเดินผ่านห้องเรียนของพวกเขา ให้พวกเขาเห็นว่าเจ้าโคล่ามีความเป็นห่วงเป็นใยพวกเขาเช่นกัน เรายังขอให้พวกเขาไม่ด่าว่าคุณครูกับเพื่อนนักเรียนด้วย ถึงจะมีสิทธิ์จูงเจ้าโคล่าไปเดินเล่น ซึ่งพวกเขาก็ได้ฝึกฝนความอดทนตรงนี้เพื่อเจ้าโคล่า
เจ้าโคล่าทำให้โรงเรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยแม้ว่าารก่อตั้งชมรมพิทักษ์คุ้มครองสัตว์จะมีขึ้นมาในภายหลัง เพื่อหวังส่งต่อแนวคิดการพิทักษ์คุ้มครองสัตว์ให้กับนักเรียน แต่อิทธิพลของเจ้าโคล่ากลับไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แต่เฉพาะในชมรมเท่านั้น อย่างเช่น เริ่มแรกที่ผู้ปกครองทราบว่ามีสุนัขในโรงเรียน ก็รู้สึกเกิดความสงสัยว่านักเรียนเมื่อเห็นสุนัขแล้วจะหวาดกลัวหรือไม่ ซึ่งทั้งคุณครูและนักเรียนล้วนศึกษาเรียนรู้วิธีการเข้าหาเจ้าโคล่ากันโดยอัตโนมัติ
ยกตัวอย่าง นักเรียนที่กลัวสุนัขก็จะวิ่งเมื่อเจอสุนัข และโดยสัญชาตญาณของเจ้าโคล่ามันก็จะวิ่งไล่ตาม ตอนนั้นเราเห็นว่าพวกคุณครูและนักเรียนบอกให้นักเรียนที่กลัวสุนัขหยุดวิ่งและยืนนิ่งๆ ก่อน จากนั้นลองพยายามาทักทายกับเจ้าโคล่า และบอกกับทุกคนว่าเพียงเราศึกษาเรียนรู้วิธีการรับมือกับมัน สัตว์เลี้ยงเหล่านี้ก็คือเพื่อนที่แสนดีและเป็นมิตรกับเรา
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่เจ้าโคล่านำพามาให้กับทุกคนก็คือ “การแลกเปลี่ยนบทบาท” เพราะเราไม่เข้าใจภาษาของสุนัข แต่เรากลับหวังให้สุนัขเข้าใจและฟังคำสั่งของเรา ซึ่งตอนนั้นคุณครูเจียงต้าหรูบอกกับนักเรียนว่า เราต้องการจะเข้าใจมันมากกว่านี้ใช่หรือไม่ เพราะฉะนั้นการเอาใจใส่และเห็นอกเห็นใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ
เด็กหนึ่งคนเปรียบเสมือนตัวแทนของหนึ่งครอบครัว หากมีคนไม่กลัวสุนัข ก็จะส่งผลให้คนในครอบครัวไม่กลัวสุนัขตามไปด้วย แต่หากมีสมาชิกในครอบครัว 1 คนกลัวสุนัข ก็จะทำให้ทั้งครอบครัวกลัวสุนัขเช่นกัน เราจึงรู้สึกว่าเด็กที่กลัวสุนัขเหล่านี้ถูกผูกมัดไว้ด้วยเงื่อนไขบางอย่าง และมีพฤติกรรมความเคยชิน คือเมื่อเจอสุนัขก็จะร้องไห้ ด้วยเหตุนี้การสอนของเราจึงทำให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในหลากหลายมิติ
จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาที่เจ้าโคล่าได้จากโลกใบนี้ไป พวกเราจึงได้ผลักดันให้นักเรียนที่มีความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจหันมาพูดคุยกับคุณครูหรือเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ ให้มากขึ้น บอกเล่าความรู้สึกนึกคิดในใจออกมา แน่นอนว่ามีคนจำนวนมากแนะนำให้เราเลี้ยงสุนัขโรงเรียนรุ่นที่ 2 แต่ทุกคนก็มีฉันทามติร่วมกันว่า แม้ในอนาคตจะมีสุนัขโรงเรียนตัวใหม่ แต่ก็ไม่สามารถแทนที่เจ้าโคล่าได้ เพราะมันคือเอกลักษณ์เฉพาะตัว พวกเราพยายามจัดการกับความรู้สึกและเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม เมื่อเวลาที่โชคชะตามาถึง ทุกคนก็จะยินดีที่รับมันไว้ด้วยความเต็มใจ
หลังจากเจ้าโคล่าไม่อยู่แล้ว เราก็ได้สนับสนุนให้นักเรียนใช้เวลาของชมรมพิทักษ์คุ้มครองสัตว์ พาสัตว์เลี้ยงของครอบครัวออกมาให้ทกคนได้มีปฏิสัมพันธ์ ซึ่งนั่นก็ยังแสดงให้เห็นว่าพวกเขาให้การดูแลเอาใจสัตว์เลี้ยงในบ้านเป็นอย่างดี โดยหวังให้ทุกคนได้เข้าใจและเรียนรู้ว่า เมื่อสัตว์เลี้ยงมาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แปลกประหลาดไม่คุ้นชิน เราควรจัดการและดูแลอย่างไร
เราคิดว่า การได้สัมผัสจริงกับการดูภาพยนตร์คุ้มครองสัตว์มีความแตกต่างกัน การสัมผัสจริงจะให้ความรู้สึกของสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหว เข้าใจว่าปฏิกิริยาการตอบโต้เป็นอย่างไร ได้ฝึกฝนความอดทนในการดูแลสัตว์ ขณะเดียวกันเมื่อพบว่าตนเองมีรอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้า นั่นแหละคือความรู้สึกที่แท้จริง
โคล่านำพาพลังงานบวกและความสุขมากมายมาให้กับพวกเรา เราทราบดีว่าครูและนักเรียนในโรงเรียนต้องการเวลาขจัดความเศร้าโศกเสียใจต่อการจากไปของโคล่า อย่างไรก็ตามพวกเราเชื่อว่าโคล่าที่อยู่บนสวรรค์ ก็ไม่อยากเป็นสาเหตุทำให้พวกเราต้องเศร้าใจ เมื่อเราได้พิจารณาทบทวนถึงตรงนี้ก็คิดว่า หากห้ามนักเรียนไม่ให้แสดงความรู้สึกคิดถึงหรือเสียใจกับการจากไปของเจ้าโคล่า ก็คงจะเป็นการกดขี่ข่มเหงจิตใจกันเกินไป แต่เราควรจะใช้วิธีการใดที่ทำให้ทุกคนได้ระบายมันออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็คิดขึ้นมาได้ทันทีว่า ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนที่กลัวสุนัขหรือที่กำลังจะต้องดรอปเรียนกลางคัน เจ้าโคล่าล้วนไม่เคยแบ่งแยกและเป็นเพื่อนที่ดีให้กับทุกคน มันมองแต่ด้านดีๆ ของคนมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นเราจึงอยากให้ตรรกะความคิดที่มีคุณค่าเช่นนี้ถูกถ่ายทอดต่อไป
คนมีทั้งดีและไม่ดี แต่ไม่ว่าจะเป็นใครเจ้าโคล่าก็ไม่เคยปฏิเสธ ซึ่งคิดว่านี่คือสิ่งที่พวกเราทุกคนได้เรียนรู้จากเจ้าโคล่า ดังนั้นคุณครูเจียงต้าหรูกับคุณครูอู๋จวินหรุ่ยจึงได้ริเริ่มกิจกรรมที่มีชื่อว่า “ส่งต่อความรักสู่ฝากฟ้า พวกเราเป็นคนดี──ถ้าได้เรียนรู้การเป็นคนดี” นั่นก็คือพวกเราต้องเห็นถึงความดีในตัวผู้อื่น เฉกเช่นเดียวกันกับที่เจ้าโคล่าเห็นถึงสิ่งนั้นในตัวของพวกเรา เพราะฉะนั้นเราจึงได้เตรียมกระดาษโน้ต เพื่อให้นักเรียนเขียนออกมาว่า “ใครที่ดีกับเรา หรือ เรารู้สึกอยากขอบคุณใครมากที่สุด” แต่ในส่วนของความรู้สึกรักและขอบคุณนั้นต้องให้อีกฝ่ายได้รับรู้ด้วย ดังนั้นอีกฝ่ายจึงต้องเซ็นชื่อลงในกระดาษโน้ต เพื่อให้นักเรียนเข้าใจถึงคุณค่าของตนเองในสายตาของผู้อื่น จากนั้นค่อยหย่อนกระดาษโน้ตลงไปในกล่องจดหมายที่มีรูปภาพของเจ้าโคล่าติดอยู่
นอกจากนี้ เรายังจัดให้คุณครูแนะแนวอีกสองท่านคือคุณครูเหลียงหรงซิน (梁容馨), คุณครูกัวซินฮุ่ย (郭馨蕙) และนักเรียน มาใช้เวลาช่วงกลางวันอ่านกระดาษโน้ตที่พวกนักเรียนเขียนออกอากาศผ่านทางเสียงตามสาย เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสถึงความรักจากเจ้าโคล่า รวมไปถึงความรู้สึกรักและขอบคุณซึ่งปกติเรามักจะเขินอายที่ต้องพูดออกมา ให้ส่งไปถึงทุกคน
【BOX2:คำสารภาพจากใจของนักเรียน】
คำถาม : ทำไมนักเรียนถึงชอบเล่นกับเจ้าโคล่า?
หวงรั่วอวี๋ (黃若瑜) นักเรียนชั้น ม.2:เรารู้สึกว่าเจ้าโคล่ามันน่ารักมากๆ และยังดีต่อใจด้วย ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ก็อยากจะไปหามัน เวลาที่เห็นมันนอนหลับก็รู้สึกว่ามันช่างไร้เดียงสาจริงๆ
จวงเจียเหวย (莊珈維) นักเรียนชั้น ม.2:ทุกครั้งที่เห็นเจ้าโคล่ากลิ้งไปมาบนหญ้า ก็รู้สึกว่ามันน่ารักมากๆ และรับรู้ได้ถึงรอยยิ้มกับการมองโลกในแง่ดีของมัน ดังนั้นเราจึงชอบที่ได้สัมผัสใกล้ชิดกับโคล่ามากๆ รวมถึงช่วงที่เหน็ดเหนื่อยจากการเรียนหนังสือ เมื่อมองไปที่เจ้าโคล่าก็จะรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจขึ้นมาทันที
หวังผิ่นฉุน (王品淳) นักเรียนชั้น ม.2:เจ้าโคล่ามีรอยยิ้มที่หวานมากๆ เวลาทำข้อสอบได้ไม่ดีหรือรู้สึกจิตตกก็จะมาเล่นกับมัน และในบางครั้งที่จูงเจ้าโคล่าไปเดินเล่น แต่มันกลับไม่อยากเดิน เราก็จะต้องมีความอดทนมากๆ เพื่อรอจนกว่ามันจะยอมเดิน นั่นเพราะรอยยิ้มของมันทำให้เราเมินมันไม่ได้จริงๆ
คำถาม : ปกติแล้วทุกคนช่วยกันดูแลเจ้าโคล่าหรือไม่ ?
หวงรั่วอวี๋ นักเรียนชั้น ม.2:เราช่วยดูแลในช่วงที่มันหลับ และเมื่อเห็นมันเดินอยู่ในโรงเรียนก็จะวิ่งเข้าไปแกล้งและเล่นกับมัน เรายังป้อนอาหารให้มันด้วย แต่ชอบที่สุดก็คือตอนที่ได้จูงเจ้าโคล่าเดินเล่นรอบโรงเรียน
จวงเจียเหวย นักเรียนชั้น ม.2:ช่วงเวลาพักกลางวัน เราจะไปหาเจ้าโคล่า และก็ป้อนอาหารให้มัน มันชอบกินเนื้ออบแห้งและขนมมากๆ
คำถาม : ตอนที่เจ้าโคล่าเจ็บป่วย คุณดูแลช่วยเหลืออย่างไร ?
หวงรั่วอวี๋ นักเรียนชั้น ม.2:ตอนที่มันนอนป่วยอยู่ในกรง เราก็ไปหาคุณครูเพื่อฝึกใช้เข็มฉีดยาป้อนน้ำให้เจ้าโคล่า เหมือนกับแม่ดูแลลูก เราไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องลำบากเลย
จวงเจียเหวย นักเรียนชั้น ม.2:ช่วงที่เจ้าโคล่าป่วยหนัก เราพบว่ามันควบคุมการปัสสาวะไม่ได้ ดังนั้นทุกครั้งที่เห็นเราก็จะนำผ้าปูที่นอนกับผ้าอ้อมไปซัก ซึ่งเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ ก็มาช่วยเหลือด้วยเช่นกัน เรารักมัน ดังนั้นเราเต็มใจที่จะทำเพื่อมัน
คำถาม : คุณแสดงออกอย่างไรเมื่อรู้สึกคิดถึงเจ้าโคล่า ?
หวงรั่วอวี๋ นักเรียนชั้น ม.2:ตอนที่คิดถึงเจ้าโคล่า แม้ว่าจะทำให้รู้สึกเศร้า เพราะเราเห็นเจ้าโคล่าตั้งแต่ตอนที่สดใสร่าเริงไปจนกระทั่งถึงตอนป่วยและไม่สามารถเดินเหินได้ เราไม่สามารถรับได้ที่เห็นมันทุกข์ทรมาน ดังนั้นการจากไปจึงเป็นหนึ่งวิธีที่ช่วยบรรเทาความทุกข์ให้กับมันได้ แต่เราและคุณครูเจียงต้าหรูก็ยังคงพูดคุยถึงเจ้าโคล่าอยู่เรื่อยๆ แม้เวลาจะผ่านมานานแล้ว และเราสามารถปล่อยวางได้ แต่มันก็จะยังคงอยู่ในความทรงจำตลอดไป
จวงเจียเหวย นักเรียนชั้น ม.2:เรามองดูรูปภาพของมัน และไปพูดคุยถึงเจ้าโคล่ากับคุณครูเจียงต้าหรู ว่าเวลาอยู่ในโรงเรียนมันเป็นอย่างไร มีพฤติกรรมอะไรที่น่ารักบ้าง เพราะนั่นทำให้ทุกคนคลายความเศร้าหมอง และมีแต่ความทรงจำดีๆ เกี่ยวมันเข้ามาแทนที่
คำถาม : สิ่งที่มีความหมายสำคัญมากที่เจ้าโคล่ามอบให้กับคุณคืออะไร ?
หวงรั่วอวี๋ นักเรียนชั้น ม.2:มันเข้มแข็งมากๆ ตอนที่ป่วยมันไม่เคยร้องคร่ำครวญเลย นั่นอาจเพราะมันไม่อยากให้พวกเราต้องเป็นห่วง
จวงเจียเหวย นักเรียนชั้น ม.2:เรารู้มาว่าเจ้าโคล่าเฝ้ารอให้คุณครูที่เป็นผู้เลี้ยงดูมันกลับมาถึงบ้านก่อน มันจึงจากโลกนี้ไป มันเอาใส่ใจผู้อื่นจนถึงช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต นี่คือสิ่งทีเราต้องเรียนรู้จากมัน และคิดถึงจิตใจของผู้อื่นให้มากขึ้น เรายังเห็นความเข้มแข็งของมันในการต่อสู้กับอาการเจ็บป่วย และนั่นก็ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า ต่อให้จะเจอเรื่องยากลำบากแค่ไหน ก็ต้องเข้มแข็งและผ่านไปให้ได้
หวังผิ่นฉุน นักเรียนชั้น ม.2:เจ้าโคล่าทำให้เรารู้สึกว่าการใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยงเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก เราเป็นสมาชิกชมรมพิทักษ์คุ้มครองสัตว์ ซึ่งหลังจากที่เจ้าโคล่าจากไปแล้ว เราก็ได้พาแมวของที่บ้านมาที่โรงเรียนด้วย ทำให้เพื่อนๆ นักเรียนรู้สึกสนุกที่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับสัตว์เลี้ยง และแบ่งปันความสุขนี้ให้กันและกัน