๑. กลาโหมไต้หวันปฏิเสธข่าวการขยายกำลังพลรักษาชายฝั่งอีก 5 กองพลใน 3 ปี มิใช่การขยายกำลังทหาร
กระทรวงกลาโหมไต้หวัน สาธารรณรัฐจีน ได้ระบุเกี่ยวกับกรณีที่มีรายงานข่าวว่า กองทัพไต้หวันจะเสริมกำลังพลชายฝั่งอีก 5 กองพลเป็นการขยายกำลังทหารนั้น เป็นเพียงการจัดสรรกำลังพลใหม่จากกำลังพลที่มีอยู่ในปัจจุบัน ให้มีความเหมาะสมตามสถานการณ์ มิใช่เป็นการขยายกำลังพลแต่อย่างใด โดยจะมีการจัดตั้งกองกำลังป้องกันชายฝั่ง 5 กองพลดังกล่าว ภายในปี 2023 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า เพื่อปกป้องชายฝั่งสำคัญบนเกาะไต้หวันรวม 12 จุด โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2564 เป็นต้นไปจะวางกำลังพลป้องกันชายทางภาคเหนือและใต้ 2 กองพล ส่วนที่เหลืออีก 3 กองพลจะทะยอยจัดตั้งประจำการทางเหนือ กลาง และใต้ ภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2023
ภาพข่าวเว็บไซต์ TVBS
๒.พรรคฝ่ายค้านยังไม่โดนใจชาวบ้าน คะแนนนิยมฮวบเหลือไม่ถึง 20%
ในโอกาสส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2564 ที่กำลังจะมาถึง พรรคก๊กมินตั๋ง ได้รายงานผลการสำรวจคะแนนนิยมของพรรคการเมืองต่าง ๆ ในไต้หว้น พบว่า พรรคก๊กมิ่นตั๋ว มีคะแนนนิยมอยู่ที่ 19% ส่วนพรรค DPP พรรครัฐบาลไต้หวันมีคะแนนนิยมอยู่ที่ 22% ห่างกันเพียง 3.6% เท่านั้น ชี้ชัดว่า ทั้งสองพรรคเริ่มีคะแนนนิยมขยับใกล้เข้ามามากยิ่งและเป็นการยุติการเป็นพรรคใหญ่แต่เพียงพรรคเดียวของพรรครัฐบาลที่เป็นมาในช่วงตลอดครึ่งปีแรกของปีนี้
อย่างไรก็ดี พรรค DPP ได้กระแหนะกระแหนว่า ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา คะแนนนิยมของทั้งสองพรรคต่างกันเพิ่มขึ้นจาก 3.1% เป็น 3.6% และคะแนนนิยมของพรรคก๊กมินตั๋งก็ร่วงลงไปต่ำกว่า 20% อีกด้วย ชี้ชัดว่า 5 เดือนที่ผ่านมา พรรคก๊กมินตั๋ง มีผลงานไม่โดนใจประชาชนมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเนื้อหมูที่มีสารแรคโตพามีนจากสหรัฐฯ และการแสดงท่าทีที่ไม่เป็นมิตรต่อพันธมิตรสำคัญของไต้หวัน คือ สหรัฐฯ ที่ สส. ปฏิเสธร่วมงานเลี้ยงของทูตสหรัฐฯ ประจำไต้หวัน (ผอญ. สนง เอไอที" และการตอกหน้าทูตหรัฐฯ ประจำไต้หวัน ของผู้ว่าการนครไทจง ซึ่งถือว่าเป็นการเสียมารยาททางการทูตเป็นอย่างยิ่ง ทังยังมีการเปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่ไม่ตรงความจริงอีกด้วย
แม้รัฐบาลจะอนุญาตนำเข้าเนื้อหมูที่มีสารแรคโตพามีนจากสหรัฐฯ แต่ก็พยายามส่งเสริมเนื้อหมูที่ผลิตในไต้หวัน