๑. ผู้นำไต้หวันสั่งเร่งแก้ปัญหา ATK ขาดแคลน หลังชาวบ้านบ่นกันระงมหาซื้อยาก
ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา หลังจากที่สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในไต้หวัน รุนแรงขึ้นเป็นลำดับ ผู้ติดเชื้อทะลุหลักหลายหมื่นคนต่อวัน ทำให้ผู้คนวิตกกังวลว่าตัวเองติดเชื้อหรือไม่ จึงต้องหาซื้อ ATK มาสำรองไว้ที่บ้าน ซึ่งรัฐบาลได้เริ่มมาตรการจำหน่าย ATK ในระบบยืนยันตัวตน โดยใช้บัตรประกันสุขภาพขอซื้อได้ตามร้านขายยาที่เป็นตัวแทนจำหน่ายของกรมประกันสุขภาพ แต่โควต้าที่แต่ละร้านได้มาก็ไม่พอขาย โดยให้โควต้าวันละเพียง 78 กล่อง/ร้าน
เหตุดังกล่าวทำให้ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ต้องสั่งการด้วยตนเองกลางที่ประชุมคณะกรรมการกลางบริหารของพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าหรือ ดีพีพี พรรครัฐบาลให้ฝ่ายบริหารเร่งแก้ปัญหานี้โดยด่วน พร้อมกับระบุว่า ในเมื่อตอนนี้ ในประเทศมีชุดตรวจโควิดจำนวนที่เพียงพอต่อความต้องการ จึงควรพิจารณาขยายช่องทางให้เข้าถึงมือประชาชนอย่างรวดเร็ว ขยายช่องทางการจำหน่ายให้แก่ประชาชนให้หลากหลายมากขึ้น อำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนให้สามารถซื้อหาได้อย่างเสรี นอกจากนี้ ประธานาธิบดีไช่ฯ ยังได้ขอให้ตัวแทนจากฝ่ายบริหารที่เข้าร่วมประชุมในวันนั้น นำความคิดเห็นนี้ไปพิจารณาในฝ่ายบริหารเพื่อหาทางแก้ไขโดยเร่งด่วน
ระบบการขอซื้อชุดตรวจเอทีเคแบบยืนยันตัวตนเริ่มใช้มาตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา แต่ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยต่างบ่นกันระงมว่าหาซื้อยากมาก ซึ่งนายเฉินสือจง ผู้อำนวยการศูนย์บัญชาการควบคุมโรคระบาดไต้หวันก็บอกว่า การจำหน่ายชุดตรวจเอทีเครอบ 2 จะเริ่มขึ้นในวันที่ 15 พ.ค. ในขณะที่หลายเมืองเริ่มขาดแคลนไม่มีเอทีเคไว้ตรวจคัดกรองแล้ว ซึ่งศูนย์บัญชาการฯ ระบุว่า ได้เร่งดำเนินการจัดส่งในไทเปและนิวไทเปแล้ว อย่างไทเปและนิวไทเปก็ได้ส่งให้แล้วเกินกว่า 2 แสนชุด
ข้อมูลของศูนย์บัญชาการฯ ระบุว่า ได้กระจายชุดตรวจเอทีเคออกไปแล้วถึงกว่า 3 ล้านชุด ซึ่งกองอนามัยในส่วนท้องถิ่นจะต้องเป็นผู้แจกชุดตรวจให้แก่ผู้ที่ถูกสั่งให้กักตัวที่บ้าน ตั้งแต่ผู้ติดเชื้อและผู้สัมผัสด้วย เมื่อกองอนามัยได้สำรวจแล้ว ศูนย์บัญชาการฯ ก็จะจัดส่งไปให้ตามจำนวนที่ต้องการ
ชุดตรวจ ATK ที่จำหน่ายในไต้หวันในระบบยืนยันตัวตนจากบัตรประกันสุขภาพ (ภาพจาก Liberty Times)
๒. ไต้หวันอยู่แนวหน้าสุดของการรับมือกับข่าวปลอม+การโจมตีไซเบอร์ จากจีน
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายแอนโทนี่ บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐฯ ได้ระบุว่า ทางการปักกิ่งได้อาศัยการปล่อยข่าวปลอมและสงครามไซเบอร์บิดเบือนสถานการณ์ของสื่อและกระบวนการประชาธิปไตยของไต้หวัน ทำให้ไต้หวันต้องอยู่แนวหน้าสุดแห่งการทำสงครามแบบชุลมุนกับจีน หรือ hybrid Warfare และตอนนี้ สหรัฐฯ กำลังเร่งดำเนินการในการประสานงานร่วมมือกับทั้งรัฐบาล และภาคีเอกชนอื่น ๆ ในไต้หวัน สนับสนุนให้สื่อทำงานอย่างเป็นอิสระ ช่วยเหลือไต้หวันรับมือกับการโจมตีจากข่าวปลอมและสงครามไซเบอร์จากจีน เสริมความเข้มแข็งให้แก่ไต้หวันที่จะรับมือกับพฤติกรรมเช่นนี้ของปักกิ่ง
วันที่ 3 พ.ค. เป็นวันเสรีภาพข่าว โลก ซึ่งนายแอนโทนี่ฯ ได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อผู้สื่อข่าวต่างประเทศในสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศในกรุงวอชิงตัน แสดงความห่วงใยต่อบรรยากาศการรายงานข่าวของผู้สื่อข่าวที่เต็มไปด้วยอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สื่อข่าวที่ไปติดตามข่าวสงครามในยูเครน จนได้รับบาดเจ็บและล้มตาย ส่วนในเมียนมาก็ถูกจับตัวเรียกค่าไถ่ จนเสียชีวิต และยังมีผู้สื่อข่าวอีกอย่างน้อย 50 ราย ที่ถูกทางการจีนจับกุมคุมขังอยู่ในจีน นายบลิงเคนฯ ย้ำว่า การให้ความช่วยเหลือไต้หวันรับมือกับการทำสงครามแบบผสมจากจีน เป็นภารกิจเร่งด่วนที่สุดที่สหรัฐฯ กำลังดำเนินการอยู่ในตอนนนี้ ซึ่งสหรัฐฯ จะมุมานะพยายามต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
นอกจากนี้ นายบลิงเคนฯ ยังได้วิพากษ์วิจารณ์จีนว่าที่ใช้เทคโนโลยีอย่างพร่ำเพรื่อ สะกดรอยตาม ก่อกวน ข่มขู่ประชาชนจีน ผู้สื่อข่าวที่มีความคิดเห็นแตกต่างกับตน โดยการอาศัยเวทีสื่อในประเทศสังคมเสรีประชาธิปไตยปล่อยข่าวปลอม โฆษณาชวนเชื่อปลุกปั่น และจากรายงานล่าสุดของคณะกรรมการคุ้มครองความปลอดภัยของผู้สื่อข่าวของสหรัฐฯ พบว่า จนถึงวันที่ 1 พ.ย. ปีที่แล้ว มีผู้สื่อข่าวทั่วโลกจำนวน 293 คน ถูกจับกุมคุมขัง และจีนเป็นประเทศที่มีการจับกุมผู้สื่อข่าวมากที่สุด ที่สำคัญก็คือมีจำนวนกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้สื่อข่าวที่ถูกจับกุมขัง เป็นผู้สื่อข่าวชาวอุยกูร์
นายแอนโทนี่ บลิงเคน รมว. กต. สหรัฐฯ
๓. วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เรียกร้องรัฐบาลขายอาวุธในลักษณะโจมตีให้แก่ไต้หวัน พร้อมเสนอแก้กฎหมายว่าด้วยความสัมพันธ์ไต้หวันเพื่อปกป้องมิให้เกิดสงครามในไต้หวัน
ในช่วงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวคราวเกี่ยวกับการเลื่อนการส่งมอบอาวุธที่ไต้หวันสั่งซื้อจากสหรัฐฯ เนื่องจากสงครามยูเครนที่สหรัฐฯ ต้องส่งอาวุธไปให้ความช่วยเหลือยูเครนต่อต้านการรุกรานจากรัสเซีย เป็นข่าวครึกโครมและสร้างความวิตกให้แก่ฝ่ายทหารของไต้หวัน และสมาชิกวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ที่ห่วงใยต่อสถานการณ์บนช่องแคบไต้หวัน หากไต้หวันไม่มีกำลังทหารเพียงพอที่จะ “ขู่” มิให้ศัตรูเกรงกลัวหรือต้องคิดแล้วคิดอีกก่อนที่จะบุ่มบ่ามส่งทหารเข้ามารุกรานไต้หวัน จึงได้ร่วมกันเสนอแก้ไขกฎหมายว่าด้วยความสัมพันธ์ไต้หวัน หรือ TRA ที่ใช้มานานหลายทศวรรษ โดยจะขอแก้ไขข้อความเดิมในกฎหมายที่ระบุว่า “อาวุธเพื่อการป้องกันตนเอง” มาเป็น “อาวุธที่มีสมรรถนะเพียงพอที่จะขู่มิให้กองทัพจีนรุกรานไต้หวัน” ทั้งนี้ เพื่อให้รัฐบาลสหรัฐฯ มีสิทธิที่จะจำหน่ายอาวุธในลักษณะโจมตีให้แก่ไต้หวันได้
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ จะยังคงยึดถือหลักการต่าง ๆ ในกฎหมายว่าด้วยความสัมพันธ์ไต้หวันขายอาวุธในลักษณะป้องกันตนเองให้แก่ไต้หวันต่อไป
นาย Marco Antonio Rubio วุฒิสมาชิก สหรัฐฯ สังกัดพรรครีพับลิกัน ได้ยื่นญัตติเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ เร่งจำหน่ายอาวุธให้แก่ไต้หวัน ทั้งอาวุธในลักษณะป้องกันตนเองและลักษณะโจมตี เพื่อให้เพียงพอที่จะ “ขู่” มิให้จีนบุ่มบ่ามรุกรานไต้หวันด้วยกำลังอาวุธ นอกจากนี้ ในญัตติดังกล่าว เขายังได้ขอแก้ไขข้อความในกฎหมายว่าด้วยความสัมพันธ์ไต้หวันด้วย โดยเปลี่ยนจากข้อความเดิมที่จำกัดเฉพาะการจำหน่ายอาวุธในลักษณะป้องกันตนเองเป็นจำหน่ายอาวุธที่มีสมรรถนะในการข่มขู่มิให้จีนรุกรานไต้หวันด้วยกำลังทหาร ซึ่งหมายถึงอาวุธในลักษณะโจมตี
นาย Marco Antonio Rubio วุฒิสมาชิก สหรัฐฯ