:::

กระแสประชาธิปไตย วันจันทร์ที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕

  • 11 July, 2022
กระแสประชาธิปไตย
กระแสประชาธิปไตย
กระแสประชาธิปไตย
กระแสประชาธิปไตย
กระแสประชาธิปไตย
กระแสประชาธิปไตย
กระแสประชาธิปไตย
กระแสประชาธิปไตย

๑. ไต้หวันร่วมอาลัยอดีตผู้นำญี่ปุ่นถูกลอบสังหาร อาคารไทเป 101 แลนด์มาร์คไต้หวันร่วมอาลัยมิตรแท้ของไต้หวัน 

             ข่าวสะเทือนขวัญทั่วโลกเมื่อก่อนสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสะเทือนขวัญและสร้างความเศร้าโศกเสียใจให้แก่ชาวไต้หวันจำนวนไม่น้อย นั่นก็คือการถูกลอบสังหารของอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ขณะที่เขากำลังปราศรัยหาเสียงให้แก่ลูกพรรคของตนที่เมืองนารา เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่ผ่านมา ล้มฟุบจมกองเลือด แม้จะถูกนำส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วนแต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตของอดีตผู้นำญี่ปุ่น ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น 2 สมัย และนานที่สุดของญี่ปุ่น ซึ่งท่านมีกำหนดการที่จะเยือนไต้หวันในช่วงกลางเดือน ก.ค. ที่จะถึงนี้ แต่มาถูกลอบสังหารถึงแก่ชีวิตเสียก่อน 

ปธน. ไช่อิงเหวิน (ซ้าย) นายซินโซ อาเบะ (ขวา) อดีตนายกรัฐมนตรี ญี่ปุ่น

          ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ผู้นำไต้หวัน ได้โพสต์ข้อความไว้อาลัยการสูญเสียมิตรแท้ของไต้หวันผู้นี้ผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว ว่า ตนรู้สึกเสียใจและเศร้าใจเป็นอย่างยิ่งต่อการจากไปของมิตรแท้ของไต้หวัน และตนได้รู้จักกับท่านอาเบะเมื่อสิบกว่าปีก่อน เป็นมิตรแท้ที่มั่นคงของไต้หวัน 

          ผู้นำไต้หวันระบุว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไต้หวันกับญี่ปุ่นจับมือกันเผชิญหน้ากับความท้าทายต่าง ๆ นานา สร้างมิตรภาพอันลึกล้ำระหว่างกัน ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากท่านอาเบะ และเราก็ยังจำได้ว่า ตอนที่เกิดแผ่นดินไหวที่ฮัวเหลียน ท่านอาเบะก็ได้ส่งกำลังใจให้แก่ไต้หวัน โดยการเขียนด้วยลายมือลงบนกระดาษว่า “ไต้หวัน สู้ สู้” “台灣加油”  และเมื่อไต้หวันต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่จีนสั่งห้ามนำเข้าสัปปะรดจากไต้หวัน ท่านอาเบะก็ได้ช่วยเหลือประชาสัมพันธ์สัปปะรดไต้หวันให้แก่ประเทศต่าง ๆ และชาวญี่ปุ่นด้วย 

           นอกจากนี้ ท่านอาเบะยังแสดงความเป็นห่วงเป็นใยต่อความปลอดภัยของไต้หวันมาโดยตลอด ซึ่งเมื่อ มี.ค. ที่ผ่านมา ตนได้พูดคุยในระบบออนไลน์กับท่านอาเบะ ซึ่งท่านได้กล่าวว่า “หากไต้หวันเกิดเหตุขึ้นก็เท่ากับญี่ปุ่นก็เกิดเหตุด้วย” เป็นคำพูดที่ทำให้ตนประทับใจมาก 

          ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า นอกจากตนที่รู้สึกเสียใจและเสียดายที่ต้องสูญเสียมิตรแท้เก่าแก่แล้ว ชาวไต้หวันจำนวนมากก็มีความรู้สึกเช่นนี้ที่มีต่อมิตรแท้และสนับสนุนไต้หวันอย่างแข็งขันมาโดยตลอด 

          ในตอนท้าย ผู้นำไต้หวันได้ขอบคุณอดีตผู้นำญี่ปุ่นผู้นี้ที่ได้อุทิศคุณูปการให้แก่ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับญี่ปุ่น ประคับประคองซึ่งกันและกัน เป็นการยืนยันต่อประชาคมโลกว่า “การหมุนเวียนของความดี” ไม่เคยเกรงกลัวความรุนแรง และจะไม่มีวันตายด้วย 

           นอกจากผู้นำไต้หวันแสดงความไว้อาลัยต่ออดีตผู้นำญี่ปุ่นแล้ว อาคารไทเป 101 ยังได้ขึ้นข้อความไว้อาลัยอดีตผู้นำญี่ปุ่นท่านนี้ตลอดค่ำวันเสียชีวิตของท่าน ทั้งภาษาจีนและภาษาญี่ปุ่น ด้วยข้อความ “อาลัยท่านนายกฯ อาเบะ” “มิตรตลอดกาลของไต้หวัน” “มิตรภาพและสนับสนุนไต้หวัน” พร้อมธงชาติไต้หวันและธงชาติญี่ปุ่น 

อาคารไทเป 101 ขึ้นข้อความไว้อาลัยอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ

           เมื่อกล่าวถึงมิตรภาพล้ำลึกระหว่างท่านอดีตนายกฯ อาเบะกับไต้หวันแล้ว นอกจากที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว ธ.ค. ปีที่แล้ว เขายังได้เตือนผู้นำจีนว่า อย่าได้ตัดสินใจผิดพลาด จนทำให้จีนไม่พอใจอย่างรุนแรง โจมตีท่านอาเบะว่า พูดจาเลอะเทอะ แทรกแซงเรื่องไต้หวัน แทรกแซงการเมืองภายในของจีน และได้ประท้วงต่อทูตญี่ปุ่นประจำปักกิ่ง ต่อมาเดือน ก.พ. ปีนี้ ท่านอาเบะได้เรียกร้องให้วอชิงตันเปลี่ยนแปลงนโยบายไต้หวัน จากนโยบายคลุมเครือเป็นนโยบายที่แจ่มชัดมากยิ่งขึ้น แสดงจุดยืนให้ชัดเจนว่า หากจีนใช้กำลังทหารรุกรานไต้หวัน สหรัฐฯ จะให้ความช่วยเหลือปกป้องไต้หวัน ซึ่งก็ทำให้จีนเดือดอีกครั้ง ย้ำปัญหาไต้หวันเป็นปัญหาภายในของจีน ไม่เกี่ยวกับญี่ปุ่น และล่าสุดก่อนถูกลอบสังหาร เดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ท่านอาเบะยังได้เขียนบทความตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์แอลเอไทม์สว่า สหรัฐฯ ควรเก็บรับบทเรียนจากสงครามยูเครน ที่ถูกรัสเซียรุกราน เปลี่ยนแปลงนโยบายไต้หวันที่เป็นนโยบายคลุมเครือ เพราะนโยบายนี้ทำให้จีนมองข้ามความเด็ดเดียวของสหรัฐฯ ทำให้ไต้หวันอยู่ในภาวะวิตกกังวล จนกลายเป็นความระส่ำระสายในอินโดแปซิฟิก 

อดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ส่งกำลังใจให้ไต้หวัน ช่วงเกิดเหตุแผ่นดินไหวที่ฮัวเหลียน

           อดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะมีคุณูปการต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่ซบเซานานนับสิบปี ภายใต้นโยบาย อาเบะโนมิกส์ ด้วยธนู 3 ดอก ได้แก่  การผ่อนคลายทางการเงินขนานใหญ่, การใช้จ่ายของภาครัฐ และการปฏิรูประบบการทำงาน  อัดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ  ทำให้ภาวะเงินเฟ้ออยู่ที่ 2% ส่งผลให้รัฐบาลญี่ปุ่นถือสินทรัพย์มากที่สุดในโลกร้อยละ 70 ของ GDP เมื่อเทียบกับสหรัฐ และสหภาพยุโรป ส่วนทางด้านนโยบายการคลัง เร่งการใช้จ่ายของรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ  โดยตั้งงบประมาณไว้ถึง 2 แสนล้านดอลลาร์ มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็น อุโมงค์ สะพาน และถนนหนทางที่มีสามารถต้านแผ่นดินไหวรุนแรงได้ ในแง่ของยุทธศาสตร์การเติบโต มุ่งปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจต่างๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศ ไม่วา่จะเป็นการลดภาษีการค้า เปิดเสรีภาคเกษตร ปฏิรูปกฎระเบียบเกี่ยวกับพลังงาน สิ่งแวดล้อม สุขภาพ ปรับปรุงวิธีการลงทุนของรัฐบาล สนับสนุนนวัตกรรมดิจิทัล และสนับสนุนการเลี้ยงดูบุตร สร้างแรงจูงใจทางภาษีเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำงานของสตรี สร้างสังคมที่ยอมรับ และส่งเสริมสถานะของสตรีในสถานที่ทำงาน เพื่อเพิ่มแรงงานวัยทำงานให้สังคม โดยที่สตรีไม่จำเป็นต้องออกจากงานเพื่อไปทำหน้าที่เลี้ยงดูลูกหลานของตนเองอีกต่อไป

อดีต นรม. อาเบะ พรีเซ็นเตอร์กิตติมศักดิ์สัปปะรดไต้หวัน 

๒. ศาลไต้หวันเอาจริง สั่งจำคุกสูงสุด 10 ปี 4 ส.ส./อดีต ส.ส. รับเงินใต้โต๊ะช่วยเอกชนแก้กฎหมาย แต่ยังอุทธรณ์ได้

                เมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว ศาลท้องถิ่นไทเปได้พิพากษาตัดสินจำคุก 4 ส.ส./อดีต ส.ส. ในข้อหาทุจริตคอร์รัปชั่น จำคุก 7 ปี 4 เดือน ถึง 10 ปี ตามจำนวนเงินที่รับใต้โต๊ะ โดยนายซูเจิ้นชิง ส.ส. ผิงตง ถูกจับได้ว่าคอร์รัปชั่นถึง 25.8 ล้านเหรียญไต้หวัน ถูกตัดสินจำคุกสูงสุด 10 ปี โดยคณะผู้พิพากษาลงความเห็นว่า ส.ส. เหล่านี้มีพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชั่นจริง และเห็นว่าคำให้การของ ส.ส. เหล่านี้เ้ต็มไปการตกแต่งคำพูดให้สวยหรู แก้ตัวแบบเอาสีข้างเข้าถู รวมทั้งไม่ให้ความร่วมมือในระหว่างการสอบสวน จึงต้องพิพากษาจำคุกสถานหนัก 

                 นอกจากนายซูเจิ้นชิง สังกัดพรรค DPP ที่ถูกตัดสินจำคุก 10 ปี ตัดสิทธิพลเมือง 5 ปี ยึดทรัพย์ที่ได้มาจากการทุจริตจำนวน 15.8 ล้านเหรียญไต้หวัน แล้ว ยังประกอบไปด้วย นายเลี่ยวกั๋วต้ง ส.ส. พรรคก๊กมินตั๋ง จำคุก 8 ปี 6 เดือน ตัดสิทธิพลเมือง 4 ปี ยึดทรัพย์ที่ได้มาจากการทุจริต 6.2 ล้านเหรียญไต้หวัน นายเฉินชาวหมิง ส.ส. พรรคก๊กมินตั๋ง จำคุก 7 ปี 8 เดือน ตัดสิทธิพลเมือง 3 ปี ยึดทรัพย์ที่ได้มาจากการทุจริต 1 ล้านเหรียญไต้หวัน นายสวีหย่งหมิง อดีต ส.ส. พรรคนิวเพาเวอร์ปาร์ตี้หรือ NPP จำคุก 7 ปี 4 เดือน ตัดสิทธิพลเมือง 3 ปี นายจ้าวเจิ้งอวี่ ส.ส. อิสระ จำคุก 6 เดือน เปรียบเทียบปรับ 1.8 แสนเหรียญไต้หวัน ปรับ 6 หมื่น 

            นอกจาก 4 ส.ส.และอดีต ส.ส. ดังกล่าวข้างต้นที่ถูกพิพากษาจำคุกอย่างหนักแล้ว ยังมีจำเลยที่เป็นผู้จ่ายเงินสินบน อย่าง นายหลี่เหิงหลง อดีตเจ้าของบริษัทแปซิฟิก ภาคเอกชน ซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินสินบนให้แก่ ส.ส. เหล่านี้จำนวน 35.30 ล้าน และสัญญาจะจ่ายอีก 2 ล้าน เปลี่ยนเป็นพยาน ถูกตัดสินจำคุก 1 ปี 2 เดือน รอลงอาญา 5 ปี จ่ายเงินเข้าคลัง 10 ล้าน ตัดสิทธิพลเมือง 3 ปี นายกัวเค่อหมิง ผู้จัดการทั่วไปบริษัทที่ปรึกษา ถูกตัดสินในข้อหาเป็นตัวกลางในการมอบเงินสินบน และยักยอกเงิน 7 ล้าน จำคุก 2 ปี เปรียบเทียบปรับ 8 เดือน รอลงอาญา 5 ปี จ่ายเงินเข้าคลัง 6 ล้าน บำเพ็ญประโยชน์ 200 ชม. ตัดสิทธิพลเมือง 2 ปี นอกจากนี้ ยังมีผู้ช่วย ส.ส. ที่ถูกตัดสินจำคุกเหล่านี้อีก 5 คน ยกฟ้องเพียงรายเดียว ส่วนที่เหลือก็มีความผิดในฐานะสมรู้ร่วมคิด แต่ทั้งหมดรอลงอาญา และตัดสิทธิพลเมือง หรือสั่งให้จ่ายเงินเข้าคลัง ยึดเงินที่ได้มาโดยมิชอบ โดยทั้งหมดยังมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ได้ โดยทุกคนต่างยืนยันความบริสุทธิ์ของตน 

             ส่วนความเป็นมาของคดีดังกล่าว สืบเนื่องจากการแย่งอำนาจบริหารห้างสรรพสินค้าชื่อดัง โซโก้ ในไต้หวัน ต้้งแต่ต้นศตวรรษที่ 21 ที่ทั้งสองฝ่ายต่างอ้างสิทธิในการบริหาร จนมีการฟ้องร้องและมีการอาศัย ส.ส. เหล่านี้ กดดันฝ่ายบริหารให้มีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เป็นผลดีกับตน โดยแต่ละ ส.ส. มีส่วนร่วมในระดับที่แตกต่างกัน ศาลจึงพิพากษาตัดสินจำคุก ตัดสิทธิพลเมือง ยึดทรัพย์ที่ได้มาโดยมิชอบ จ่ายเงินเข้าคลัง สั่งปรับ หรือเปรียบเทียบปรับ ในระดับที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ ก็เพื่อสกัดการใช้อำนาจอย่างผิด ๆ จนกลายเป็นปัญหาเรื้อรังทั้งในส่วนของทางการและภาคธุรกิจด้วย อย่างไรก็ดี คาดว่า คดีนี้จะยังคงยืดเยื้อกันไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากยังสามารถอุทธรณ์และฏีกา แต่ชื่อเสียงของ ส.ส. เหล่านี้ก็คงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปแล้วว่า เป็น ส.ส. ทุจริตคอร์รัปชั่น จนกว่าคดีจะถึงที่สุด 

4 ส.ส. ไต้หวันที่ถูกศาลท้องถิ่นพิพากษาจำคุกตั้งแต่ 7 ปี 4 เดือน ถึง 10 ปี (ภาพจาก Liberty Times)

๓. ไต้หวันหัวกระไดไม่แห้ง ! สว. สหรัฐฯ เยือนไต้หวันเป็นคนที่ 7 ในปีนี้ 

             นาย Rick Scott  สว. สรอ. เยือนไต้หวันระหว่างวันที่ 7-9 ก.ค.) โดยได้รเข้าพบ ปธน. ไช่ฯ และ นรม. ซูฯ ตลอดจนได้รับเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไต้หวัน นายอู๋ จาวเซี่ย เป็นเจ้าภาพ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความปลอดภัยในภูมิภาคและความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯ

           นาย Rick Scott  มีความเป็นมิตรกับไต้หวันอย่างดีเยี่ยม เคยร่วมเป็นผู้เสนอกฎหมายที่เป็นมิตรต่อไต้หวันหลายฉบับ อย่างเช่น เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว ได้ร่วมเสนอกฎหมาย Taiwan Invasion Prevention Act  และเดือน มี.ค. ปีนี้ ก็ได้เสนอกฎหมาย Deterring Communist Chinese Aggression Against Taiwan Through Financial Sanctions Act  

นาย Rick Scott  (ซ้าย) สว. สรอ. ปธน. ไช่อิงเหวิน (ขวา) 

           นอกจากนี้ เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา เขาได้ร่วมลงนามในหนังสือของคณะกรรมาธิการต่างประเทศ วุฒิสภา สหรัฐฯ เรียกร้องให้ ปธน. ไบเดน รวมไต้หวันอยู่ใน “กรอบเศรษฐกิจอินโดแปซิฟิก” หรือ IPEF และยังได้ร่วมลงนามในหนังสือสนับสนุนดการจัดทำความตกลงการค้าทิวภาคี หรือ BTA กับไต้หวัน ถึง 2 ครั้ง พร้อมกันนี้ เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา เขายังได้แวะเยือน สำนักงานผู้แทนไต้หวันประจำลิทัวเนีย กลายเป็นสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ คนแรกที่เยือนสำนักงานผู้แทนไต้หวันในต่างประเทศ .

          นาย Rick Scott เป็น สว. คนที่ 7 ของ สรอ. ที่เยือนไต้หวัน ในปีนี้ (2565) หลังจากที่คณะ สว. ของนาย Lindsey Graham เยือนไต้หวันในเดือน เม.ย. และคณะ สว. ของนาง Tammy Duckworth  เยือนไต้หวันในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา 

 

ผู้จัดรายการ

ความคิดเห็นที่เกี่ยวข้อง