๑. ผู้นำสหรัฐฯ & ผู้นำจีน คุยโทรศัพท์ทำความเข้าใจระหว่างกัน
เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได่ยกหูโทรศัพท์คุยกับผู้นำจีน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง คุยกันนานกว่า 2 ชั่วโมง กับอีก 17 นาที ซึ่งได้มีการกล่าวถึงประเด็นไต้หวันที่จีนพยายามอ้างความเป็นเจ้าของและเป็นหัวใจสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เรียกร้องให้สหรัฐฯ ยึดมั่นในหลักการจีนเดียว และแถลงการณ์ร่วม 3 ฉบับที่สหรัฐฯ ทำไว้กับจีน ตลอดจนเรียกร้องให้มีการทำความเข้าใจกันให้มากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่ผิดพลาด จนกลายเป็นมหันตภัย ส่วนประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้สวนกลับว่า สหรัฐฯ ยังคงยึดมั่นในหลักการจีนเดียวไม่เปลี่ยนแปลง นโยบายต่อไต้หวันของตนก็ยังคงเหมือนเดิม รวมทั้งไม่สนับสนุนการแยกไต้หวันเป็นเอกราช ในขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของไต้หวัน ได้แสดงจุดยืนขอบคุณสหรัฐฯ ที่ประกาศหลายครั้งหลายหนว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯ แข็งแกร่งดุจหินผา สนับสนุนไต้หวันอย่างแข็งขันมาโดยตลอด และหลังการพูดคุยทางโทรศัพท์ สหรัฐฯ ได้บรรยายสรุปเกี่ยวกับการพูดคุยทางโทรศัพท์ให้ไต้หวันได้รับทราบในโอกาสแรกแล้ว
สำหรับประเด็นที่ผู้นำทั้งสองพูดคุยกันก็เป็นที่จับตามองของทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่เกี่ยวข้องกับไต้หวัน และในช่วงหลังจากที่ประธานาธิบดีไบเดน ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ เป็นต้นมา ได้โทรศัพท์ฮอตไลน์กับผู้นำจีนรวมครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 5 โดยครั้งแรกคุยเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2021 โดยผู้นำสหรัฐฯ ได้แสดงความวิตกต่อการที่ปักกิ่งมีท่าทีต่อไต้หวันที่แข็งกร้าวมากยิ่งขึ้น ส่วนผู้นำจีนได้กล่าวถึง ประเด็นไต้หวันเป็นปัญหาบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยของจีน สหรัฐฯ ควรเคารพหัวใจแห่งผลประโยชน์ของจีน ครั้งที่ 2 คุยกันเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2021 คุยกันนานประมาณ 1 ช.ม. ครึ่ง ซึ่งประธานาธิบดีไบเดนย้ำว่า สหรัฐฯ ไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายจีนเดียว ส่วนครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2021 ไบเดนย้ำนโยบายจีนเดียวที่อยู่ภายใต้กรอบกฎหมายว่าด้วยความสัมพันธ์ไต้หวัน แถลงการณ์ร่วม 3 ฉบับที่สหรัฐฯ ทำกับจีน ตลอดจนคำมั่นสัญญา 6 ประการที่สหรัฐฯ ให้ไว้กับไต้หวัน ส่วนจีนระบุว่า ไบเดนได้ย้ำว่าไม่สนับสนุนการแยกไต้หวันเป็นเอกราช ส่วน สีจิ้นผิง ก็ย้ำหลักการจีนเดียวและแถลงการณ์ร่วม 3 ฉบับ เป็นรากฐานการเมืองแห่งความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ หากกลุ่มแยกไต้หวันเป็นเอกราชก้าวล้ำเส้นแดง จีนก็จะใช้ปฏิบัติการอย่างเด็ดขาด ส่วนการคุยโทรศัพท์ระหว่างสองผู้นำครั้งที่ 4 ไบเดน เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2022 ย้ำนโยบายต่อไต้หวันของสหรัฐฯ ไม่เปลี่ยนแปลง คัดค้านการเปลี่ยนแปลงสถานะปัจจุบันของทุกฝ่าย ส่วนจีนบอกว่า ไบเดนย้ำจะไม่สนับสนุนการแยกไต้หวันเป็นเอกราช สีจิ้นผิง ย้ำว่าประเด็นไต้หวันหากจัดการไม่ดี ก็จะส่งผลกระทบแบบพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินให้แก่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศทีเดียว
ส่วนการพูดคุยทางโทรศัพท์ในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา ผู้นำสหรัฐฯ ย้ำนโยบายต่อไต้หวันไม่เปลี่ยนแปลง และยืนหยัดในจุดยืนคัดค้านการเปลี่ยนแปลงสถานะปัจจุบันของช่องแคบไต้หวันโดยพลการ หรือสร้างความเสียหายให้แก่เสถียรภาพและสันติภาพบนช่องแคบไต้หวัน ส่วนผู้นำจีนได้ขู่ว่า อย่าเล่นกับไฟ และหวังว่าสหรัฐฯ จะเข้าใจในจุดนี้อย่างแจ่มชัด สหรัฐฯ ควรทำตามคำมั่นที่ให้ไว้ ยึดมั่นในหลักการจีนเดียว
สองผู้นำโลกคุยโทรศัพท์ทำความเข้าใจกัน
๒. ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เยือนไต้หวัน? หลังจีนฮึ่ม ๆ ส่วนกองทัพสหรัฐฯ ย้ำคุ้มครองความปลอดภัยประธานสภาฯ เต็มความสามารถ
หลังจากที่ไฟแนนเชียล ไทม์ส ในอังกฤษ รายงานว่า นางแนนซี่ เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร สหรัฐฯ ซึ่งมีฐานะเป็นบุคคลสำคัญลำดับที่ 2 ของสหรัฐฯ รองจากประธานาธิบดี กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ซึ่งจีนมีปฏิกิริยารุนแรงขึ้นเป็นลำดับ ทั้งขู่ทั้งปราม อาทิ ขู่ว่า สหรัฐฯ ต้องรับผิดชอบผลที่จะตามมา และมีข่าวลือว่า จีนอาจประกาศให้เขตน่านฟ้าไต้หวันเป็นเขตห้ามบิน หรือใช้กำลังทหารตอบโต้สหรัฐฯ ส่วนไต้หวันยังคงวางเฉยเนื่องจากนางเพโลซี่ ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะเยือนไต้หวันในราวเดือน ส.ค. นี้ ส่วนกองทัพสหรัฐฯ โดยเสนาธิการทหารสูงสุด สหรัฐฯ ได้ประกาศย้ำว่า หากประธานสภาผู้แทนราษฎร สหรัฐฯ เยือนไต้หวันจริง กองทัพสหรัฐฯ ได้ประกาศกร้าวว่า จะใช้สรรพกำลังทุกอย่างปกป้องรักษาความปลอดภัยให้กับการเยือนไต้หวันของนางเพโลซี่ โดยการใช้เครื่องบินรบ เรือรบ และเครื่องบินสอดแนม ประสานกันเป็นเครือข่ายการให้การคุ้มกันนางเพโลซี
ส่วนทางด้านทำเนียบขาว สหรัฐฯ ได้ระบุว่า นางเพโลซี จะเยือนไต้หวันหรือไม่ เป็นการตัดสินใจของนางเอง แต่ประธานสภาฯ เป็นบุคคลสำคัญลำดับ 2 ของสหรัฐฯ การเยือนต่างประเทศเกี่ยวข้องกับความมั่นคงแห่งชาติ ด้วยเหตุนี้ ฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติจะต้องให้ความร่วมมือรายงานข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องรวมไปถึงข้อมูลด้านความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อช่วยเหลือนางฯ ตัดสินใจได้ดีที่สุด
นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวระบุวา่ นางแนนซี่ เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร สหรัฐฯ ได้ชวนสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ อีกหล่ายท่านจากทั้งสองพรรคการเมืองสำคัญให้ร่วมเดินทางมาเยือนไต้หวัน ผู้นำพรรคการเมืองในรัฐสภาระบุว่า ผู้นำรัฐสภาสูงสุดไม่ยอมสยบให้แก่คำขู่ของจีนมีความสำคัญมาก นอกจากจะต้องไปเยือนไต้หวันแล้ว ยังจะนำผู้นำพรรคการเมืองในรัฐสภาของสหรัฐฯ ไปเยือนด้วย แหล่งข่าวระบุว่า ตอนนี้ นางเพโลซี ได้เชิญผู้นำพรรคการเมืองต่าง ๆ ในสภาฯ ร่วมคณะมาเยือนไต้หวันด้วย
นางแนนซี่ เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร สหรัฐฯ
นาย Kevin McCarthy ผู้นำพรรครีพับลิกัน มีความเห็นว่า นางเพโลซี่ฯ ไม่ควรถอยในตอนนี้ แต่ควรทำให้การเยือนในครั้งนี้เป็นการเยือนของสมาชิกรัฐสภาจากพรรคการเมืองต่าง ๆ ส่วนนาย Mitch McConnell ผู้นำพรรครีพับลิกัน วุฒิสภา สหรัฐฯ ระบุว่า หากนางเพโลซี ฯ ยอมถอย ก็จะกลายเป็นชัยชนะของจีน
รายงานล่าสุดระบุว่า เพื่อให้การคุ้มกันการมาเยือนไต้หวันของนางแนนซี เพโลซี กองทัพสหรัฐฯ เตรียมส่งเครื่องบินรบ F22 และเรือบรรทุกเครื่องบินรบ คุ้มกันการเดินทางเยือนไต้หวันของนางเพโลซี่ ซึ่งนางฯ ได้ออกเดินทางเยือนเอเชียแล้ว ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย ส่วนกำหนดการเยือนไต้หวันยังคงอยู่ในรูปของ "รอยืนยัน"
ส่วนความเคลื่อนไหวของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ของจีน โดยกรมกิจการมหาสมุทรของจีน ได้ประกาศเตือนว่าให้หลีกเลี่ยงบริเวณน่านน้ำผิงถานกับฉีอวี่ เนื่องจากจะมีการซ้อมยิงกระสุนจริง บริเวณที่จะซ้อมยิงกระสุนจริงครอบคลุมพื้นที่ A:25°25′27〃N/119°48′15〃E」、「B:25°21′55〃N/119°44′35〃E」、「C:25°14′45〃N/119°48′17〃E」、「D:25°22′10〃N/119°53′27〃E」ซึ่งเป็นบริเวณที่ใกล้กับเขตซินจู่ของไต้หวันมากที่สุด ห่างเพียง 68 ไมล์ หรือ 125 กม. เท่านั้น
กระทรวงกลาโหม ไต้หวันระบุว่า ความเคลื่อนไหวของกองทัพจีนอยู่ในสายตาของกองทัพตลอดเวลา และย้ำว่า กองทัพยึดหลักสอดแนมความเคลื่อนไหวกองทัพจีนด้วยความระมัดระวัง และได้มีการเตรียมการรับมือในทุกรูปแบบไว้พร้อมแล้ว
