๑. สหรัฐฯ ผ่านกฎหมายนโยบายไต้หวัน กระชับสัมพันธ์แน่นแฟ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน
คณะกรรมาธิการ วุฒิสภา ของสหรัฐฯ มีมติเห็นด้วยอย่างท่วมท้นถึง 17:5 รับรองร่างกฎหมายนโยบายไต้หวัน หรือTaiwan Policy Act ซึ่งเป็นกฎหมายที่จะให้การสนับสนุนในการป้องกันการรุกรานจากจีน และยกระดับฐานะทางการทูตของไต้หวันในประชาคมโลก ซึ่งถูกจับตามองจากฝ่ายต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีนที่ได้ขู่ไว้ก่อนหน้านี้ว่า กฎหมายนี้เป็นความพยายามของพรรคดีพีพีที่พยายามดึงสหรัฐฯ เข้ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหาไต้หวัน พร้อมย้ำว่า ปัญหาไต้หวันเป็นปัญหาการเมืองภายในของจีน ความพยายามในการแยกไต้หวันเป็นเอกราชจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ ส่วน สว. สหรัฐฯ ก็ระบุว่า การผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐฯ แต่เป็นการแสดงจุดยืนอย่างแข็งขันที่ให้การสนับสนุนไต้หวันอย่างเต็มที่
สาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ประกอบไปด้วย การให้เงินช่วยเหลือเพื่อจัดซื้ออาวุธแก่ไต้หวัน มูลค่า 4500 ล้านดอลลาร์ ในช่วงระยะเวลา 4 ปีข้างหน้า การคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีน การรับรองสถานะพันธมิตรนอกนาโต้ เรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศประสานงานเพื่อเปลี่ยนชื่อสำนักงานไต้หวันในสหรัฐฯ เป็นสำนักงานผู้แทนไต้หวัน การรับรองกฎหมายฉบับนี้ถูกมองว่าเป็นกฎหมายเพื่อการปฏิรูปนโยบายต่อไต้หวันของสหรัฐฯ ครั้งสำคัญที่สุดนับตั้งแต่ปี 1979 เป็นต้นมา ซึ่งรวมถึงนโยบายด้านการทหาร การทูต เพื่อเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
"กฎหมายนโยบายไต้หวัน 2022" หรือ Taiwan Policy Act 2022 ฉบับนี้เสนอโดยวุฒิสมาชิก Bob Menendez ประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศ วุฒิสภา สหรัฐฯ ร่วมกับนาย Lindsey Graham วุฒิสมาชิก ใช้เวลาในการพิจารณานานกว่า 2 ชม. ในที่สุดก็ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมาธิการทั้ง 22 ท่าน จากสองพรรคการเมืองสำคัญ
นาย Bob Menendez ระบุว่า ร่างกฎหมายที่ผ่านการรับรองมีการแก้ไขเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สาระสำคัญในลักษณะสัญลักษณ์ประกอบไปด้วย การเปลี่ยนชื่อสำนักงานผู้แทนไต้หวัน การยกระดับ ผอญ. เอไอที ต้องผ่านการอนุมัติจากวุฒิสภา ให้เป็นไปในลักษณะของข้อเสนอแนะ แต่เนื้อหาหลักยังคงเดิม นาย Bob Menendez ได้เยือนไต้หวันเมื่อ เม.ย.ที่ผ่นมา และเสนอกฎหมายนี้หลังกลับจากการเยือนไต้หวัน
นายชิวฉุยเจิ้ง รองประธานคณะกรรมการกิจการจีนแผ่นดินใหญ่หรือ MAC ไต้หวัน ในฐานะโฆษกได้แสดงความยินดีที่สหรัฐฯ ผ่านกฎหมายดังกล่าว ชี้ชัดถึงจุดยืนอันแน่วแน่แข็งแกร่งในการสนับสนุนไต้หวันของสหรัฐฯ ซึ่งไต้หวันได้พยายามอย่างเต็มที่ในการรักษาเสถียรภาพและสันติภาพบนช่องแคบไต้หวันมาโดยตลอด พร้อมทั้งเรียกร้องให้จีนอย่าได้ประเมิณสถานการณ์และตัดสินใจผิดพลาด อ้างเหตุต่างๆ ยั่วยุและคุกคามไต้หวัน
นาย Bob Menendez (ซ้าย) และนาย Lindsey Graham (ขวา) สอง สว. สหรัฐฯ ที่ร่วมกันเสนอกฎหมาย TAIWAN POLICY 2022 (ภาพจาก CNA)
๒. IPAC ออกแถลงการณ์ร่วมย้ำจุดยืนปกป้องเสถียรภาพและสันติภาพบนช่องแคบไต้หวัน ผ่านเครือข่ายรัฐสภาของแต่ละประเทศสมาชิก
Inter-Parliamentary Alliance on China หรือ IPAC ซึ่งประกอบขึ้นจากการรวมตัวของสมาชิกรัฐสภาประเทศต่าง ๆ ใน 5 ทวีป และรัฐสภายุโรป ได้จัดการประชุมใหญ่ที่กรุงวอชิงตันในสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และได้ออกแถลงการณ์ร่วมประกาศจุดยืนอาศัยเครือข่ายรัฐสภาของแต่ละประเทศสมาชิก ร่วมกันปกป้องเสถียรภาพ สันติภาพ และความปลอดภัยด้านการค้าและเศรษฐกิจของไต้หวัน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้แสดงความขอบคุณจากใจและยินดีที่สนับสนุนไต้หวัน
ในแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวได้ประณามการซ้อมรบและการคุกคามด้วยกำลังอาวุธต่อไต้หวันของจีน ในช่วงที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่อาจมองข้ามหรือละเลยภัยคุกคามดังกล่าวได้ ไต้หวันเป็นประเทศประชาธิปไตยที่รักในสันติภาพ เต็มไปด้วยเสรีภาพ สิทธิมนุษยชนและคุณค่าแห่งระบอบนิติรัฐ โดย IPAC จะสามัคคีกับไต้หวันเพื่อต่อต้านภัยคุกคามจากจีนและปกป้องสันติภาพ คัดค้านการใช้กำลังทหารเปลี่ยนแปลงสถานะปัจจุบันบนช่องแคบไต้หวันโดยพลการ พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ คัดค้านการคุกคามทางทหารและเศรษฐกิจการค้า นอกจากนี้ ยังจะร่วมกันผลักดันให้สมาชิกรัฐสภาของประเทศต่าง ๆ เยือนไต้หวัน ยกระดับฐานะสำนักงานไต้หวันที่ประจำในต่างประเทศ ตลอดจนให้ความช่วยเหลือไต้หวันเข้าร่วมกิจกรรมขององค์กรระหว่างประเทศอย่างมีความหมาย อาทิ องค์การอนามัยโลก (WHO)องค์การการบินพลเรือนสากล (ICAO) ตำรวจสากล (INTERPOL) และอนุสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ส่งสัญญานให้จีนเข้าใจว่า การรุกรานทางทหารตอไต้หวันจะต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างสาสมและจะพิจารณาเสริมการคว่ำบาตรเพื่อรับมือกับการคุกคามทางทหาร อาศัยกลไกของรัฐบาลบีบบังคับทางเศรษฐกิจเพื่อเป็นหลักประกันให้แก่ความสัมพันธ์กับไต้หวัน สนับสนุนการจัดทำความตกลงเพื่อการพัฒนาการค้าและการลงทุน
IPAC ประกอบไปด้วยสมาชิกรัฐสภาจาก 29 ประเทศ ได้แก่ รัฐสภายุโรป และสหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี เช็ก อิตาลี ออสเตรเลีย เบลเยี่ยม แคนาดา อินเดีย อิตาลี ญี่ปุ่น และลิทัวเนีย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างสมาชิกรัฐสภาของประเทศที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย อาศัยกลไกการออกกฎหมายของรัฐสภาของแต่ละประเทศ เพื่อเรียกร้องให้ทางการจีนเคารพกฎระเบียบประชาคมโลก ความปลอดภัยทั่วโลก และสิทธิมนุษยชนโลก ซึ่งจะส่งผลต่อนานาชาติอย่างลึกซึ้ง นับตั้งแต่ที่ IPAC ก่อตั้งขึ้นเมื่อ มิ.ย. ปี 2020 ได้แสดงท่าทีสนับสนุนไต้หวันมาโดยตลอดหลายครั้งหลายหน ซึ่งรวมถึงสนับสนุนลิทัวเนียพัฒนาความสัมพันธ์กับไต้หวัน เรียกร้องให้WHO รับไต้หวันเข้าร่วมประชุม WHA ตลอดจนเขาร่วมการประชุม กลไก และกิจกรรมทุกอย่างของ WHO นอกจากนี้ IPAC ยังได้เชิญนายอู๋เจาเซี่ย รมว. กต. ไต้หวัน เข้าร่วมประชุมออนไลน์ประจำปีเป็นครั้งแรกด้วย เรียกร้องให้แนวร่วมพันธมิตรประชาธิปไตยทั่วโลกร่วมกันปกป้องเสรีภาพและประชาธิปไตย กระทรวงการต่างประเทศ ไต้หวันระบุว่า ไต้หวันจะร่วมมือกับ IPAC และหุ้นส่วนในประชาคมที่มีอุดมการณ์ใกล้เคียงกัน ปกป้องเสถียรภาพและสันติภาพบนช่องแคบไต้หวันและภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ปกป้องหัวใจแห่งคุณค่าร่วมกันของแนวร่วมประชาธิปไตยโลก
สมาชิกรัฐสภาทั่วโลก IPAC ประชุดสุดยอดที่กรุงวอชิงตันยืนหยัดสนับสนุนไต้หวัน
(ภาพจาก สำนักข่าว LTN)
๓. สองรัฐมนตรีกลาโหมย้ำความสำคัญเสถียรภาพและสันติภาพบนช่องแคบไต้หวัน
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นาย Hamada Yasukazu รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ญี่ปุ่นได้ร่วมประชุมกับนาย Lloyd Austinรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สหรัฐฯ ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ซึ่งทั้งสองได้มีความเห็นย้ำอีกครั้งเกี่ยวกับความสำคัญของเสถียรภาพและสันติภาพบนช่องแคบไต้หวัน และต่างมีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันเกี่ยวกับการแก้ปัญหาความขัดแย้งบนช่องแคบไต้หวันให้อาศัยสันติวิธีเท่านั้น
กระทรวงกลาโหม ญี่ปุ่นได้ออกแถลงข่าวเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า นาย Hamada Yasukazu รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ญี่ปุ่น ได้พบหารือเป็นครั้งแรกกับรัฐมนตรีกลาโหม สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา นานประมาณ 95 นาที
แถลงข่าวของกลาโหม ญี่ปุ่นระบุว่า ทั้งสองรัฐมนตรีได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักประกันในความปลอดภัยบริเวณโดยรอบของพันธมิตรความปลอดภัยระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ในสภาพเขม็งเกลียวยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการซ้อมยิงขีปนาวุธของจีนที่ยิงตกลงในเขตน่านน้ำเศรษฐกิจของญี่ปุ่น หรือ EEZ ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องว่าเป็นปัญหาสำคัญต่อหลักประกันในความปลอดภัยแห่งชาติและความปลอดภัยของประชาชนชาวญี่ปุ่นด้วย ซึ่งสมควรที่จะต้องถูกประณาม
นอกจากนี้ รัฐมนตรีกลาโหมของทั้งสองประเทศต่างยืนยันความสำคัญของเสถียรภาพและสันติภาพบนช่องแคบไต้หวันอีกครั้ง และแสดงความคาดหวังว่า ประเด็นช่องแคบไต้หวันจะอาศัยสันติวิธีมาแก้ปัญหาความไม่ลงรอยระหว่างกัน และเห็นว่าจะไม่ยอมให้มีการใช้กำลังอาวุธมาเปลี่ยนแปลงสถานะปัจจุบันในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกโดยพลการ และเห็นว่า สหรัฐฯ กับญี่ปุ่นควรร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดไร้รอยต่อ
การประชุมร่วมรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ - ญี่ปุ่น
(ภาพจากสำนักข่าว LTN)