๑. ฉลงตรุษจีน ผู้นำไต้หวันกล่าวอวยพรตรุษจีน (มีคลิปคำอวยพร)
ในโอกาสเทศกาลตรุษจีนประจำปี 2566 ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำไต้หวัน ได้กล่าวอวยพรตรุษจีนให้แก่ชาวไต้หวันและมิตรทั่วโลก สุขสันต์ตรุษจีน ราบรื่น ปีเถาะปีแห่งความโชคดี
ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน อวยพรว่า ปีนี้ยังคงเ้ป็นปีแห่งความท้าทาย รัฐบาลจะทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ รับมือกับสถานการณ์โควิด ภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกและการบูรณาการห่วงโซ่อุปทาน และจะยืนหยัดปกป้องเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาคและช่องแคบไต้หวัน รัฐบาลจะผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ปกป้องอธิปไตย รักษาสันติภาพ ขอให้ทุกภาคส่วนมุมานะพยายามร่วมกัน ทำให้ไต้หวันดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ผู้นำไต้หวันได้ระบุว่า เมื่อเราต้องเผชิญหน้ากับการก่อกวนจากเครื่องบินรบและเรือรบของจีนอย่างต่อเนื่องและถี่ยิบ ตลอดจนการซ้อมรบรอบ ๆ ไต้หวันของกองทัพจีน รัฐบาลจะยืนหยัดในการปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพบนช่องแคบไต้หวันและภูมิภาค ซึ่งตนต้องขอขอบคุณพี่น้องทหารหาญที่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับภารกิจต่าง ๆ เหล่านี้ ปกป้องกความปลอดภัยของชาติ ร่วมกันปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเรา และยังต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยบรรเทาสาธารณภัย แพทย์ พยาบาล ที่ต้องเตรียมพร้อมปฏิบัติงานในช่วงวันเทศกาลเช่นนี้ ทุกท่านต้องเหน็ดเหนื่อยกับภารกิจรับใช้ประชาชน
ผู้นำไต้หวันย้ำว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ต้องขอขอบคุณประชาชนทุกผู้ทุกนามที่สามัคคีเป็นหนึ่งเดียว ส่วนปีใหม่นี้ รัฐบาลก็จะพยายามผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ปกป้องอธิปไตย รักษาสันติภาพ ก็ต้องอาศัยความสามัคคีของประชาชนทั่วประเทศด้วย ร่วมกันสร้างไต้หวันที่เจริญรุ่งเรืองและดียิ่ง ๆ ขึ้น
ขออวยพรให้ทุกท่าน ปีเถาะโชคดีมีสุข Happy Lunar New Year!
๒. นายกฯ ลาออก ปรับ ครม. ช่วงตรุษจีน หลังตรุษจีน ครม. ชุดใหม่พร้อมบริหารประเทศต่อเนื่อง
นายกรัฐมนตรีซูเจินชาง ได้ยื่นใบลาออกและได้รับอนุมัติจากประธานาธิบดีไช่อิงเหวินแล้วเมื่อวันที่ 19 ม.ค. ทำให้ ครม. ทั้งคณะต้องพ้นหน้าที่ ซึ่งนายจางตุนหาน โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวัน สาธารณรัฐจีน เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีไช่ฯ ได้แสดงความขอบคุณนายกฯ ซูฯ ด้วยความจริงใจ ส่วนการปรับ ครม. จะดำเนินการในช่วงตรุษจีน เมื่อทุกอย่างลงตัวก็จะรายงานให้ประชาชนทราบ และจะพยายามให้ ครม. ชุดใหม่ เข้ารับหน้าที่และเริ่มทำงานอย่างเต็มสตรีมได้หลังตรุษจีน
การลาออกของนายกรัฐมนตรีซูเจินชางทำให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะต้องพ้นจากตำแหน่งและรักษาการจนกว่าจะมี ครม. ชุดใหม่มารับหน้าที่ต่อ
นายกรัฐมนตรีซูฯ บริหารราชการแผ่นดินมานานกว่า 4 ปี ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นนายกรัฐมนตรีไต้หวัน สาธารณรัฐจีน ที่นานที่สุดในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งนายกฯ ซูฯ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับผลงานในรอบ 4 ปีที่ผ่านมาของตนด้วย
นายกรัฐมนตรีซูเจินชาง (หน้ากากสีส้ม) เข้าพบเพื่อลาออกต่อประธานาธิบดีไช่ฯ
นายจางตุนหาน โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวันระบุว่า ท่านนายกฯ ซูฯ ได้แสดงความจำนงค์ขอลาออกจากตำแหน่งทันทีหลังการเลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อปลายเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว แต่ผู้นำไต้หวันได้ยับยั้งการลาออก และหลังปิดประชุมสมัยวิสามัญสภานิติบัญญัติเมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมา ก็ได้แสดงความขอบคุณต่อสภาฯ และกลับไปยังสภาบริหาร หลังจากนั้นก็เข้าพบประธานาธิบดีไช่ฯ ขอลาออกอีกครั้ง ซึ่งทั้งสองได้สนทนาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนานกว่า 80 นาที จากนั้นจึงได้ประกาศผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงผลงานในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาของตน ส่วนทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวันก็แถลงผ่านแถลงข่าวประกาศการอนุมัติการลาออกของนายกรัฐมนตรีซูฯ
ประธานาธิบดีไช่ฯ ได้กล่าวชื่นชมท่านนายกฯ ซูฯ ว่า ในช่วง 4 ปีที่อยู่ในตำแหน่ง นานถึง 3 ปีเศษที่ไต้หวันต้องถูกปกคลุมด้วยโควิดที่ไม่เคยมีมาก่อนในรอบร้อยปี ทั่วโลกก็ต้องเผชิญกับเศรษฐกิจตกต่ำอย่างไม่เคยมีมากอ่นเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังต้องเผชิญกับภาวะภัยแล้งที่รุนแรงที่สุดในรอบร้อยปีด้วย แต่ทุกครั้งที่ต้องประสบกับภาวะวิกฤตเหล่านี้ ท่านนายกฯ ซูฯ ก็สามารถนำพารัฐนาวาให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี นำพาคณะรัฐมนตรีแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยความทุ่มเท
นายจางฯ ระบุว่า หลังจากนี้เป็นต้นไป ก็จะเริ่มกระบวนการสรรหาบุคคผู้เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีต่อไปในช่วงตรุษจีน หากทุกอย่างลงตัวก็จะรายงานให้ประชาชนทราบโดยด่วน เพื่อให้การบริหารงานเป็นไปโดยราบรื่นและต่อเนื่อง
นายจางตุนหาน โฆษกทำเนียบประธานาธิบดี ไต้หวัน สาธารณรัฐจีน
๓. พรรค DPP ได้ผู้นำคนใหม่แล้ว รองประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ย้ำ ไม่จำเป็นต้องประกาศเอกราชไต้หวัน เดินแนวนโยบายช่องแคบไต้หวัน 4 ยืนหยัดของผู้นำไต้หวันต่อไป
หลังจากที่รองประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นเกินกว่า 99% จากสมาชิกพรรคให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค DPP คนใหม่เมื่อ 15 ม.ค. ซึ่งได้เข้าตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยผู้นำพรรค DPP คนใหม่ได้ประกาศย้ำประเด็นที่ผู้คนให้ความสนใจคือการที่เขาเคยประกาศเมื่อหลายปีก่อนว่า “ตนเป็นผู้มีแนวความคิดแยกไต้หวันเป็นเอกราชในทางปฏิบัติ” โดยได้กล่าวย้ำว่า “ไม่จำเป็นต้องประกาศเอกราชไต้หวัน” แต่จะสามารถขจัดข้อวิตกหรือข้อกังขาของจีนและของสหรัฐฯ ได้หรือไม่ ยังคงมีเครื่องหมายคำถามอยู่ไม่น้อย
อย่างไรก็ดี ในพิธีรับมอบตำแหน่งผู้นำพรรค รองประธานาธิบดีไล่ฯ ได้ย้ำว่า “จะต้องยืนหยัดให้ 4 ยืนหยัดให้มั่นคง พัฒนาเศรษฐกิจเป็นเป้าหมายอันดับแรก” และย้ำว่า พรรค DPP จะต้องยืนหยัดใน “4 ยืนหยัด” ให้มั่น อาศัยความพยายามอย่างแรงกล้าของตนอย่างเต็มที่รักษาเสถียรภาพและสันติภาพ รวมทั้งสถานะปัจจุบันในภูมิภาค โดยนำเสนอ 1 ภารกิจ ได้แก่ ปกป้องไต้หวัน ส่งเสริมประชาธิปไตย สันติภาพและความเจริญารุ่งเรือง พัฒนาเศรษฐกิจ ปกป้องประชาธิปไตย เสริมความเข้มแข็งกำลังป้องกันประเทศ ปกป้องสันติภาพ โดยมีการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นภารกิจหลักของตน ส่วน 2 หน้าที่ ประกอบไปด้วย สามัคคีและต่อสู้เพื่อไต้หวัน สามัคคีฝ่ายต่าง ๆ ภายในพรรคให้เข้มแข็ง สร้างวัฒนธรรมของพรรคที่มุ่งเพื่อผลประโยชน์ของชาติ เสนอโรดแมพการพัมนาชาติ เร่งจัดทำแผนพัฒนาไต้หวัน และปฏิรูปพรรค 4 ประการ ได้แก่ สกัดแก๊งมาเฟีย แก้ปัญหาการลอกวิทยานิพนธ์ สรรหาบุคลากรบนหลักการประชาธิปไตย ดึงดูดพลังจากทุกภาคส่วนให้สนับสนุนพรรค DPP ตอบสนองข้อเรียกร้องของคนรุ่นใหม่อย่างกระตือรือร้น
รอง ปธน. ไล่ ชิงเต๋อ เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค DPP เมื่อ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา เกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2502 จบการศึกษาระดับปริญญาตรีแพทย์ศาสตร์กายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน ปริญญาตรีแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติเฉิงกง ปริญญาโทสาธารณสุข มหาวิทยาลัย Harvard University
ส่วนชีวิตการเมืองก็มีประสบการณ์บนเวทีการเมืองอย่างโชกโชนทีเดียว ได้แก่ ปัจจุบัน หัวหน้าพรรค DPP ซึ่งอาจกลายเป็นตัวแทนของพรรคฯ ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวันในปีหน้า ซึ่งคาดว่าพรรค DPP จะต้องเสนอชื่อผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ นอกจากนี้ รอง ปธน. ไล่ฯ ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 29 ผู้ว่าการนครไถหนาน 2 สมัย ผู้ว่าการไถหนาน ก่อนได้รับการยกฐานะเป็นนครโดยการรวมกับจังหวัดไถหนาน
กล่าวได้ว่า รองประธานาธิบดีไล่ฯ เป็นนักการเมืองติดดิน เกิดในครอบครัวกรรมกรเหมืองที่ไถหนาน หลังจบการศึกษาเริ่มก้าวสู่วงการการเมืองในฐานะประธานกลุ่มแพทย์สนับสนุนผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าการมณฑลไต้หวัน ของพรรค DPP แล้วลงสมัครรับเลือกตั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสมัชชาผู้แทน ซึ่งปัจจุบันได้ยุบไปแล้ว เหลือเพียงสภานิติบัญญัติหรือ ส.ส. เท่านั้น นอกจากนี้ รองประธานาธิบดีไล่ฯ ยังเคยดำรงตำแหน่ง ส.ส. หลายสมัย ได้รับเลือกตั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าการนครไถหนาน 2 สมัย พอมาถึงกลางสมัยที่ 2 ของตำแหน่งผู้ว่าการนครไถหนาน ปธน. ไช่ฯ ก็ได้เชิญให้เขามาดำรงตำแหน่ง นรม. ในปี 2017 แต่ต้องลาออกจากตำแหน่งเนื่องจากพรรค DPP แพ้เลือกตั้งท้องถิ่นในปี 2018 หลังดำรงตำแหน่ง นรม. ได้เพียงปีเศษ จากนั้น ก็เริ่มกลายเป็นคู่แข่งของประธานาธิบดีไช่ฯ อย่างชัดเจนหลังการเลือกตั้งท้องถิ่นปี 2018 โดยขอเป็นตัวแทนพรรคDPP สมัครรับเลือกตั้ง ปธน. ในปี 2020 แข่งกับ ปธน. ไช่ฯ ที่ขอลงสมัครต่ออีก 1 สมัย แต่แพ้ให้แก่ ปธน. ไช่ฯ ต่อมา ปธน. ไช่ฯ จึงเชิญมาลงสมัครร่วมกันในฐานะผู้สมัครรอง ปธน. ร่วมกับ ปธน. ไช่ฯ กลายเป็นรอง ปธน. ไต้หวันสมัยแรกในปี 2020 และกลายเป็นหัวหน้าพรรค DPP คนใหม่ หลัง ปธน. ไช่ฯ ลาออกเพื่อรับผิดชอบความพ่ายแพ้การเลือกตั้งท้องถิ่นปี 2022 จนเกิดการเลือกตั้งซ่อมหัวหน้าพรรคขึ้น จนรองประธานาธิบดีไล่ฯ ก้าวสู่ตำแหน่งสูงสุดในพรรคฯ และถูกมองว่าจะเป็นตัวแทนของพรรคฯ ลงชิงชัยตำแหน่งผู้นำไต้หวันในปี 2024 แต่มิใช่ว่า หนทางจะโรยด้วยดอกกุหลาบ อุปสรรคสำคัญที่อาจทำให้นายไล่ฯ ไม่อาจกลายเป็น ปธน. ไต้หวันในปี 2024 คือจุดยืนที่เขาเคยประกาศว่า เขาเป็นบุคคลที่มีแนวคิดแยกไต้หวันเป็นเอกราชในภาคปฏิบัติ ที่อาจถูกจีน ฝ่ายค้านไต้หวันและ สรอ. ไม่ยอมรับหรือตั้งแง่ ทำให้ในช่วงต่อไปเขาจะต้องพยายามอธิบายชี้แจงจุดยืนของตนให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นกว่าที่จะบอกเพียง “ไม่จำเป็นต้องประกาศเอกราชไต้หวัน”
รอง ปธน. ไล่ชิงเต๋อ (ซ้าย) รับมอบตราประทับประจำตำแหน่งหัวหน้าพรรค DPP จากนายเฉินฉีม่า (ขวา) รักษาการหัวหน้าพรรคฯ