ครบรอบ 7 ปี ผู้นำไต้หวัน สาธารณรัฐจีน ย้ำกำหนดฐานะใหม่ของไต้หวัน ให้ทั่วโลกมองเห็นไต้หวัน
วันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบ 7 ปี แห่งการขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวัน สาธารณรัฐจีน ของประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำไต้หวัน ซึ่งประธานาธิบดีไช่ฯ ได้กล่าวสุนทรพจน์ในโอกาสดังกล่าว ย้ำถึงผลงานในช่วง 7 ปีที่ผ่านมาว่า ทีมงานของรัฐบาลได้แสดงบทบาทในฐานะ “ผู้ปกป้อง” เสรีภาพและประชาธิไตยต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ และยังแสดงบทบาทในฐานะ “ผู้สร้างความสุข” ให้แก่การดำรงชีวิตของชาวไต้หวัน ทำให้ประชาชนมีความสุขมากยิ่งขึ้น ประเทศชาติก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง
ผู้นำไต้หวันระบุว่า วันนี้เป็นวันแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวัน สาธารณรัฐจีน เป็นปีที่ 8 ของตน 7 ปีก่อน เราเต็มไปด้วยอุดมการณ์ที่จะนำพาประเทศชาติให้ก้าวสู่หนทางแห่งการปฏิรูป และเราก็ก้าวไปทีละก้าว ๆ จนถึงวันนี้ ได้ก้าวสู่หนทางแห่งการปฏิรูปมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เราทำให้โฉมหน้าของไต้หวันเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับเมื่อ 7 ปีที่แล้ว
สิ่งที่แตกต่างเป็นอย่างมากจากเมื่อ 7 ปีก่อนก็คือ “ความเป็นตัวของตัวเองด้านกลาโหม” ไม่ใช่เป็นเพียงความฝันลม ๆ แล้ง ๆ อีกต่อไป วันชาติปีที่แล้ว เราได้เห็นเครื่องบินรบฝึกซ้อม “อิงหย่ง” ได้แสดงแสนยานุภาพเหนือทำเนียบประธานาธิบดีในโอกาสฉลองวันชาติ ส่วนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เรือดำน้ำที่ไต้หวันสร้างเองลำแรก IDS ก็จะถูกส่งลงน้ำเพื่อทดสอบสมรรถภาพ หลังจากที่ต้องใช้ความพยายามจากผู้คนเป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวในการพึ่งตนเองด้านกลาโหมของไต้หวัน
ส่วนความแตกต่างอีกประการหนึ่งก็คือ เมื่อไต้หวันต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์การเผชิญหน้าทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และการระบาดไปทั่วโลกของโควิด-19 ที่รุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปี เศรษฐกิจไต้หวันก็สามารถฝ่าวงล้อมทวนกระแสออกมาได้อย่างงดงาม โดยสามารถสร้างผลงานให้เกิดอุปสงส์ภายในได้อย่างยอดเยี่ยมผ่าน “โครงการพัฒนาพื้นฐานเพื่ออนาคต” และ “ยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมหัวใจ 6 ประการ” ซึ่งส่งผลให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับสูงของไต้หวันมีฐานะสำคัญในห่วงโซ่อุปทานโลกที่ไม่อาจมีใครเข้าแทนที่ได้
ในส่วนของนโยบาย “มุ่งใต้ใหม่” หรือ “นิวเซาท์บาวด์” ของรัฐบาล ผู้นำไต้หวันได้ กล่าวย้ำว่า เมื่อ 7 ปีก่อนที่เราเริ่มผลักดันนโยบาย “มุ่งใต้ใหม่” ทำให้การส่งออกไปยังประเทศเป้าหมายมุ่งใต้ใหม่ของไต้หวัน มีมูลค่าสูงถึง 96,900 ล้านดอลลาร์ นอกจากการกระจายตลาดของไต้หวันแล้ว ยังต้อนรับการลงทุนจำนวนมหาศาลจากประเทศเหล่านี้ และทุนไต้หวันกลับมาลงทุนในไต้หวัน ยอดรวมทั้งสิ้นถึง 2.4 ล้านล้านเหรียญไต้หวัน ซึ่งในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ทุนต่างชาติก็ขยายการลงทุนในไต้หวัน มูลค่ารวมเกินกว่า 2 ล้านล้านเหรียญไต้หวัน เป็นสัญญลักษณ์ชี้ว่า ทุนต่างชาติยังคงมีความมั่นใจต่อไต้หวัน และสะท้อนให้เห็นว่า ได้แปรเปลี่ยนสถานการณ์ที่ทุนไต้หวันไปลงทุนทางฝั่งตะวันตกคือจีน
ส่วนทางด้านการพัฒนาพลังงานเขียว ผู้นำไต้หวันระบุว่า การพัฒนาพลังงานเขียวของไต้หวันเพิ่งเริ่มต้นเมื่อ 7 ปีก่อน แต่เมื่อปีที่แล้ว พลังงานรีไซเคิลในไต้หวัน สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ในปริมาณที่แซงหน้ากระแสไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานนิวเคลียร์เป็นครั้งแรก และจนถึงเมื่อปลายปีที่แล้ว อุตสาหกรรมพลังงานเขียว ได้ดึงดูดทุนจากทั้งทุนต่างชาติและทุนไต้หวันรวมเกินกว่า 1 ล้านล้านเหรียญไต้หวัน และยังได้ชักนำผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ระดับโลกและสถาบันการเงินเข้ามาไต้หวัน ทำให้ไต้หวันเชื่อมต่อโลกอีกก้าวใหญ่
ผู้นำไต้หวันระบุอีกว่า เมื่อหลายวันก่อน ตนได้เป็นประธานในพิธีเปิดโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานนอกชายฝั่งที่เหมียวลี่ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวัน เมื่อเราผ่านเส้นทางเลียบชายฝั่งเหมียวลี่หมายเลข 61 ก็จะเห็นกังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้านอกชายฝั่งเป็นวิวทิวทัศน์ที่งามตระการตายิ่ง ซึ่งเท่ากับว่า เรามองเห็นอนาคตที่จะทำให้ไต้หวันปล่อยก๊าซคาร์บอนเหลือ 0 ในปี 2050
ส่วนเมื่อวานนี้ (19 พ.ค.) ไต้หวันกับสหรัฐฯ ก็ได้ประกาศเกี่ยวกับสาระ “ความตกลงการค้าศตวรรษ 21” ส่วนแรกร่วมกัน ตั้งแต่การปฏิรูปการค้าให้มีความสะดวกมากขึ้น ไปจนถึงการสร้างงานวิสาหกิจขนาดกลางและเล็ก ตลอดจนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และประเด็นการค้าและเศรษฐกิจของประเทศเกิดใหม่ทั่วโลกด้วย โดยไต้หวันกับสหรัฐฯ จะลงนามในความตกลงการค้าที่ครอบคลุมทุกมิติมากที่สุดฉบับแรก นับตั้งแต่ปี 1979 เป็นต้นมา
นี่ไม่เพียงเป็นการทำให้ความสัมพันธ์เศรษฐกิจและการค้าระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯ ก้าวสู่ศักราชใหม่เท่านั้น หากยังเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ประเทศคู่ค้าสำคัญของไต้หวันเจรจาจัดทำความตกลงการค้ากับไต้หวัน
ส่วนการเผชิญหน้ากับการข่มขู่คุกคามทั้งวาจาและอาวุธจากจีน ประชาชนไต้หวันเผชิญหน้าด้วยความสุขุมรอบคอบไม่บุ่มบ่าม มีเหตุมีผล ไม่ยั่วยุ ชาวไต้หวันแสดงออกถึงความเด็ดเดี่ยวอย่างไม่เคยมีมาก่อนที่มีต่อเสรีภาพและประชาธิปไตย ไม่เพียงแต่แสดงให้ชาวโลกเห็นถึงความทรหดของไต้หวัน และทำให้ประชาคมโลกสนับสนุนความสามัคคีอันเข้มแข็งที่ไม่เคยมีมาก่อนของพลังประชาธิปไตยของไต้หวัน
ผู้นำไต้หวันระบุอีกว่า แน่นอนว่า ความพยายามในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ปรากฏผลงานต่าง ๆ มากมาย ไม่เพียงที่ระบุข้างต้นเท่านั้น ตนต้องขอขอบคุณเป็นพิเศษต่อผู้ร่วมงานทุกท่านในทุกหน่วยงานที่ยืนหยัดในตำแหน่งหน้าที่การงานของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความทุ่มเทของทหารหาญ ตำรวจ และหน่วยยามฝั่งที่อยู่ที่แนวหน้า ที่สำคัญยิ่งกว่านี้ก็คือชาวไต้หวัน 23 ล้านคน สามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างมั่นคง
7 ปีที่ผ่านมา มีทั้งที่ประสบความสำเร็จและประสบอุปสรรค การปฏิรูปย่อมต้องมีช่วงที่มีความเจ็บปวดบ้าง การเป็นรัฐบาลก็หวังว่าจะทำอะไรให้ดีมากยิ่งขึ้นกว่านี้ แต่ทีมงานบริหารของประธานาธิบดีไช่ฯ ร่วมกันทำงานอย่างขะมักเขม้น รู้จักที่จะสรุปบทเรียน มีการปรับปรุงวิธีการอย่างรวดเร็วหาวิธีการที่เหมาะสม สกัดแรงกดดัน แก้ปัญหาอย่างทันท่วงที รับมือกับสถานการณ์โลกที่แปรเปลี่ยนไป และตอบสนองความต้องการของประชาชน
ผู้นำไต้หวันแสดงความเชื่อมั่นว่า เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง หรือในช่วงอีก 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า เมื่อเรามองย้อนกลับมา ณ ที่นี้ ก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า 7 ปีที่ผ่านมา เราได้กำหนดฐานะใหม่ให้แก่ไต้หวันแล้ว ทำให้ประชาคมโลกเล็งเห็นถึงความสำคัญของไต้หวันมากยิ่งขึ้น ไต้หวันเป็นส่วนที่ขาดไม่ได้ของโลก
ผู้นำไต้หวันระบุว่า แม้ตนจะเหลือวาระเพียง 1 ปี แต่ก็จะไม่หย่อนยานในการทำงาน อุดมการณ์ของตนก็คือ ภารกิจที่สามารถทำให้สำเร็จได้ใน 1 ปี ก็ทำ 1 ปี ส่วนที่ทำไม่หมดใน 1 ปี ก็ใช้สูตร “1 ปี + 4 ปี” วางรากฐานแห่งการพัฒนาในระยะต่อไปของไต้หวัน
หลังการระบาดของโควิด-19 ประเด็นการพัฒนาเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน รัฐบาลได้อาศัยการจัดทำงบประมาณพิเศษ ช่วยเหลือภาคการผลิตให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น สภาบริหารก็เร่งแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และปฏิรูปกลไกการดึงบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถทำงานในไต้หวันให้นานยิ่งขึ้น และเสนอแผนงานการปฏิรูปความไร้สมดุลระหว่างความต้องการแรงงานและจำนวนแรงงาน เพื่อรักษาพลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของทุกภาคส่วน รวมทั้งต้องวางหมากเกมล่วงหน้าเพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถมีพื้นฐานในการพัฒนาและมีศักยภาพความสามารถในการแข่งขันที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น
เมื่อไต้หวันเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นฮ่องกง มาเก๊า และจีนแผ่นดินใหญ่ มาสัมผัสกับความเป็นจริงในไต้หวัน ซึมซับเสน่ห์แห่งความเป็นอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของไต้หวัน รวมไปถึงความสะดวกสบายและความปลอดภัยในไต้หวัน
ปัญหาขาดแคลนไข่ไก่ในช่วงที่ผ่านมา ผู้นำไต้หวันได้ขอโทษประชาชน และย้ำว่า รัฐบาลจะเก็บรับเป็นบทเรียน จับตากลไกตลาดทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาสินค้าอย่างไม่กระพริบตา หาวิธีการรับมือแบบข้ามกระทรวง พยายามอย่างเต็มที่ที่จะลดผลกระทบที่มีต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้มากที่สุด
ผู้นำไต้หวันได้กล่าวถึงเดือน พ.ค. ซึ่งเป็นช่วงการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งรัฐบาลได้เพิ่มส่วนหักลดหย่อนและยกเว้นภาษีมากขึ้น เพื่อลดภาระของพี่น้องประชาชน และต่อไป เมื่อสถานะทางด้านการเงินการคลังของรัฐบาลมีความมั่นคง รัฐบาลก็จะปรับขึ้นเงินเดือน ลดภาษี เพิ่มสวัสดิการ ซึ่งเป็นทิศทางที่รัฐบาลจะพยายามต่อไป
นอกจากต้องดูแลเรื่องชีวิตความเป็นอยู่และเศรษฐกิจแล้ว ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอนาคตของไต้หวัน มีอยู่สองเรื่องที่ผู้นำไต้หวันเห็นว่า มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ประการแรกก็คือ ต้องรักษาสถานะความสำคัญที่เป็นหัวใจของห่วงโซ่อุปทานโลกของไต้หวัน และประการที่ 2 คือ รักษาสถานะปัจจุบันช่องแคบไต้หวันที่มีเสถียรภาพและสันติภาพ
สงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง การขยายอิทธิพล รุกรานและฮุบกลืนของลัทธิอำนาจนิยม กำลังแทรกแซง แทรกซึมกลไกประชาธิปไตยและวัฒนธรรมอารยของโลก มันนำมาซึ่งแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกและวิกฤตเศรษฐกิจถดถอย ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจหลังโควิด-19 และก่อตัวขึ้นเป็นกลไกห่วงโซ่อุปทานขึ้นใหม่
ท่ามกลางสถานการณ์ความเสี่ยงต่าง ๆ จากภายนอกเหล่านี้ 7 ปีผ่านไป รัฐบาลไต้หวันได้มุมานะพยายามปฏิรูปกลไกเศรษฐกิจและการค้าของไต้หวันทั้งระบบ ตั้งแต่อุตสาหรรมเซมิคอนดักเตอร์ไปจนถึงอุตสาหกรรมการสื่อสารหรือ ไอที เริ่มจากเครื่องจักรกลที่มีความสลับซับซ้อนไปจนถึงอินเตอร์เน็ทออฟติ้ง ตลอดจนถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมพลังงานเขียว ศักยภาพของอุตสาหกรรมการแพทย์ชีวภาพ และอาศัยโอกาสนี้สร้างโอกาสงานมากขึ้น
ประธานาธิบดีไช่ฯ ได้ระบุว่า ไต้หวันได้สลัดพ้นจากเมื่อ 7 ปีก่อน ที่ต้องอาศัยจีนเพื่อผ่านไปสู่โลก มาเป็น “ไต้หวันผลิต” ใช้ตัวตนของตนก้าวสู่โลกก้าวใหญ่
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ ไต้หวันได้ทำให้นานาชาติมีความเชื่อมั่นในการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ประสานกับพลังความสามารถในการแข่งขันของเทคโนโลยีที่นำหน้าทั่วโลก สร้างสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง ไต้หวันได้แสดงให้ชาวโลกเห็นแล้วว่า ไต้หวันเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือที่วางใจได้มากที่สุด มีประสิทธิภาพที่สุด และปลอดภัยที่สุดในห่วงโซ่อุปทานของโลก
ในอนาคต ไต้หวันจะแสดงให้เห็นมากยิ่งขึ้นและพยายามมากยิ่งขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวของไต้หวัน ที่จะพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมที่เต็มไปด้วยความทรหด ให้ไต้หวันมีฐานะความสำคัญในห่วงโซ่อุปทานโลกที่ไม่อาจสั่นคลอนได้
อย่างไรก็ดี ยังมีผู้ไม่หวังดีจงใจทำสงครามจิตวิทยา เพื่อบั่นทอนความมั่นใจต่อบรรยากาศการลงทุนในไต้หวันของทั่วโลก แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ผู้นำไต้หวันได้ให้คำมั่นว่า ฐานะหัวใจในห่วงโซ่อุปทานโลกของไต้หวันจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ และไต้หวันยังจะแสดงบทบาทในฐานะที่เป็นหัวใจต่อไปอย่างต่อเนื่อง
ในตอนท้ายของสุนทรพจน์ครบรอบ 7 ปี การดำรงตำแหน่งผู้นำไต้หวัน ของประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ได้ย้ำว่า ตนรู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสาธารณรัฐจีน จับมือกับชาวไต้หวัน 23 ล้านคน ก้าวผ่านอุปสรรคนานานัปการ ยืนหยัดก้าวสู่โลก ยืนหยัด “ผู้ปกป้อง”ปกป้องรูปแบบการดำเนินชีวิต เสรีภาพประชาธิปไตย และยังจะเป็น “ผู้สร้างความสุข” ให้แก่ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน พยายามมากยิ่งขึ้นเพื่อความผาสุกของประชาชนชาวไต้หวัน เพื่อให้ประเทศชาติก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคง สืบไป