สภาฯ ไต้หวันแก้ไขกฎหมาย 3 ฉบับ ตามร่างฝ่ายค้าน ท่ามกลางความชุลมุน พรรครัฐบาลย้ำเป็นฝีมือของ “3 เสือทำลายชาติ” ส่วนพรรคฝ่ายค้านโต้อย่าร้อนรนใส่ร้ายหรือเสนอตีความรัฐธรรมนูญ
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สส. พรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านตะลุมบอนกันสภาฯ ท่ามกลางการระดมกลุ่มฝูงชนที่เรียกตัวเองว่า “ชิงเหนี่ยว” หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า “นกน้อยสีเขียว” ซึ่งเป็นกลุ่มที่สนับสนุนพรรค DPP ชุมนุมบริเวณโดยรอบสภาฯ เพื่อกดดันมิให้พรรคฝ่ายค้านดึงดันผ่านร่างแก้ไขกฎหมาย 3 ฉบับที่ฝ่ายค้านเป็นผู้สนับสนุน ได้แก่กฎหมายเลือกตั้งและถอดถอนนักการเมือง กฎหมายว่าด้วยการจัดสรรงบประมาณ และกฎหมายว่าด้วยการตีความรัฐธรรมนูญ ซึ่งปรากฎว่า ร่างแก้ไขกฎหมายทั้ง 3 ฉบับ ผ่านการรับรองวาระ 3 ทั้ง 3 ฉบับ ด้วยเสียงข้างมากของฝ่ายค้าน
โดยในส่วนของกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งและการถอดถอนนักการเมืองก็ผ่านการรับรองวาระ 3 ไปเรียบร้อยแล้ว ตามการเสนอของพรรคฝ่ายค้าน โดยในอนาคต การรวบรวมลายชื่อเพื่อขอถอดถอนนักการเมืองจะต้องแนบสำเนาบัตรประชาชน รวมทั้งหากพบว่ามีการปลอมแปลงก็จะมีบทโทษอย่างหนักติดคุกหรือควบคุมตัวไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านเหรียญไต้หวัน ส่วนกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรงบประมาณ จะทำให้รัฐบาลกลางต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่ส่วนท้องถิ่นเพิ่มขึ้นปีละ 3.7 แสนล้านเหรียญไต้หวัน และจะทำให้งบประมาณที่ได้รับการจัดสรรสูงกว่ารายจ่ายของท้องถิ่นนั้น ๆ ในขณะที่รัฐบาลกลางอาจต้องตัดงบประมาณสำคัญไม่ว่าจะเป็นงบประมาณกลาโหม การศึกษา สาธารณสุข และงบประมาณอื่น ๆ สำหรับกฎหมายว่าด้วยการตีความรัฐธรรมนูญก็แก้ไขให้การตีความรัฐธรรมนูญต้องมีตุลาการรัฐธรรมนูญร่วมพิจารณาไม่น้อยกว่า 10 ท่าน และต้องมีมติเห็นชอบในการตีความรัฐธรรมนูญอย่างน้อย 9 ท่าน หลังทราบผลการลงมติดังกล่าว พรรครัฐบาลได้แสดงความไม่พอใจที่พรรคฝ่ายค้านดึงดันอาศัยเสียงข้างมากผ่านร่างแก้ไขกฎหมายทั้ง 3 ฉบับ โดยระบุว่า เป็นร่างแก้ไขกฎหมาย “ทำลายชาติ” โดยนายเคอเจี้ยนหมิน ประธานวิปพรรค DPP ได้เปิดแถลงข่าวโจมตีพรรคฝ่ายค้านอย่างรุนแรงว่า กฎหมายว่าด้วยการจัดสรรงบประมาณเพิ่งผ่านพ้นวิกฤตมาเมื่อ พ.ค. ที่ผ่านมา แต่คราวนี้ได้วิวัฒนาการไปอีกขั้นหนึ่ง โดยผ่านร่างแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการตีความรัฐธรรมนูญ กฎหมายเลือกตั้งและการถอดถอนตำแหน่งการเมือง และกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรงบประมาณ เป็นการทำลายล้างรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ ยังได้ระบุตรง ๆ ถึงนายหานกั๋วอวี๋ ประธานสภานิติบัญญัติ นายฟู่คุนฉี ประธานวิปพรรค KMT และนายหวงกั๋วชาง ประธานวิปพรรค TPP พรรคฝ่ายค้าน ว่าเปรียบเสมือน “แก๊ง 3 คนทำลายชาติ” ส่วนนายหลินซือหมิง เลขาวิปพรรค KMT ได้ย้ำว่า ในการพิจารณาร่างกฎหมายของสภานิติบัญญัติ พรรค DPP ปฏิเสธที่จะทำความเข้าใจกับฝ่ายค้าน และไม่ยอมเสนอร่างแก้ไขของตนมาประกบ และไม่ยอมใช้วิถีทางประชาธิปไตยมาแก้ปัญหานี้ โดยการส่ง สส. ของพรรคฯ เข้ายึดบัลลังก์ประธานเพื่อก่อกวนขัดขวางไม่ให้การประชุมเป็นไปโดยราบรื่น นอกจากนี้ ยังอาศัยการสาดโคลน “แดง” และละเมิดรัฐธรรมนูญมาแก้ปัญหานี้ ซึ่งพรรค DPP เป็นต้นตอของเหตุดังกล่าว
นายเคอเจี้ยนหมิน (ขวา) ประธานวิปพรรค DPP
นายเคอเจี้ยนหมิน ประธานวิปพรรค DPP พรรครัฐบาลไต้หวัน ได้โจมตีพรรคฝ่ายค้านตรง ๆ ว่า “นายหานกั๋วอวี๋ ประธานสภานิติบัญญัติไต้หวันแสดงบทบาทสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์หน้านี้ ส่วนนายฟู่คุนฉี ประธานวิปพรรค KMT ก็เคยไปพบกับนายหวางหู้หนิง มีบทบาทอย่างไรก็รู้อยู่เต็มอก ก่อนลงมติในครั้งนี้ก็บินไปฮ่องกง ไปรับคำสั่ง เพื่อทำหน้าที่โดยตรง ไม่กลัวว่าคุณจะรู้ ส่วนนายหวงกั๋วชาง ประธานวิปพรรค TPP โกหกทุกวัน กลับขาวเป็นดำ กลับดำเป็นขาว มีบทบาทอะไรก็เป็นที่รู้ ๆ กัน”
นายจูลี่หลุน หัวหน้าพรรค KMT ได้ตอบโต้ว่า วันที่ผ่านร่างแก้ไขกฎหมายทั้ง 3 ฉบับ 3 วาระ ถือเป็นวันสำคัญของประชาธิปไตยไต้หวัน จึงขอเรียกร้องให้ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ต้องคำนึงถึงความผาสุกนิรันดร์ ในสภานิติบัญญัติใช้การลงมติมาเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจ อย่าใช้ความรุนแรง
นายจูลี่หลุน หัวหน้าพรรค KMT
ในส่วนขององค์กรภาคประชาชนอย่างสมาคมทนายความไทเปมีความเห็นว่า การตีความรัฐธรรมนูญของสภาตุลาการ มีอำนาจในการตีความและสั่งการที่มีกรอบที่แน่นอน ซึ่งระบุชัดว่า สภาตุลาการจัดตั้งขึ้นตามกรอบรัฐธรรมนูญ “สภาตุลาการแต่งตั้งศาลรัฐธรรมนูญจำนวน 15 คน เพื่อทำหน้าที่ในการตีความรัฐธรรมนูญ” จัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่ปกป้องมาตรฐานสูงสุดในรัฐธรรมนูญ ปกป้องสิทธิพื้นฐานของประชาชน และคุ้มครองคุณค่าแห่งประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญด้วย
สภาทนายความไทเประบุเพิ่มเติมว่า แม้สภานิติบัญญัติไต้หวันจะเป็นองค์กรสูงสุดในการพิจารณากฎหมาย และเป็นตัวแทนทางกฎหมายที่ใช้อำนาจแทนประชาชนก็ตาม แต่การใช้อำนาจนิติบัญญัติก็ต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด สส. บางส่วนได้อาศัยการใช้อำนาจนิติบัญญัติออกกฎหมายบังคับให้หน่วยงานอื่น ๆ ไม่สามารถจัดตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่ได้ตามปกติ ซึ่งเป็นการละเมิดความน่าเชื่อตามรัฐธรรมนูญ และยิ่งเป็นการละเลยการทำหน้าที่ที่ซื่อสัตย์ต่อรัฐธรรมนูญ ละเมิดคำปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งของตน รวมทั้งทำให้ความเชื่อถือของประชาชนถูกทำลายลง ละเลยการปฏิบัติหน้าที่อย่างร้ายแรง นอกจากนี้ สภาทนายความไทเปยังได้กล่าวหาฝ่ายค้านที่ยังไม่ได้พิจารณา 5 รายชื่อประธาน รองประธานและสมาชิกศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้การแก้ไขกฎหมายในครั้งนี้ ส่งผลต่อการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญที่เหลือเพียง 8 ท่าน ไม่สามารถทำงานต่อได้ ส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนและการคานอำนาจกันระหว่างฝา่ยนิติบัญญัติกับฝ่ายตุลาการ
กลุ่ม "ชิงเนี่ยว" ชุมนุมกดดันหน้าสภาฯ
คะแนนนิยมพรรคการเมืองล่าสุด TPP เจอมรสุมหัวหน้าพรรคฯ ถูกจับ ดิ่งเหลือ 5.7%
นายเคอเหวินเจ๋อ หัวหน้าพรรค TPP อดีตผู้ว่าการกรุงไทเป ซึ่งถูกกล่าวหาว่าทุจริตคอร์รัปชั่น เอื้อประโยชน์ให้แก่โครงการก่อสร้างบ้านหรูกลางกรุงไทเป ทำให้เจ้าของโครงการได้ประโยชน์นับหมื่นล้าน ซึ่งขณะนี้นายเคอฯ ยังถูกอายัดตัว ห้ามเยี่ยม ห้ามประกัน มานานกว่า 100 วันแล้ว ส่งผลให้การสำรวจคะแนนนิยมพรรคการเมืองล่าสุดในไต้หวัน พรรค TPP มีคะแนนนิยมตกต่ำลงเหลือเพียง 5.7% แต่ก็มีอีกสำนักที่สำรวจได้สูงประมาณ 11.9% ต่างกันกว่าเท่าตัว เพราะเหตุใด? ซึ่งนายโหยวอินหลง ประธานมูลนิธิ Taiwanese Opinion Foundation ไต้หวัน อธิบายให้ฟังว่า ผลการสำรวจของอีกองค์กรหนึ่งที่มีเพียง 5.7% เป็นเพราะตั้งอยู่บนพื้นฐานข้อมูลบางอย่างที่ต่างกับของมูลนิธิฯ นี้
เหม่ยลี่ต่าวเตี้ยนจื่อเป้า ได้ประกาศผลสำรวจล่าสุดของตนในช่วงเดือน พ.ย. ที่ผ่านมาพบว่า พรรค TPP ซึ่งกำลังประสบมรสุมหัวหน้าพรรคฯ ถูกอายัดตัวในข้อหาทุจริตคอร์รัปชั่น มีคะแนนนิยมเหลือเพียง 5.7% เท่านั้น ทำให้คอการเมืองให้ความสนใจเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ Taiwanese Opinion Foundation ได้สำรวจคะแนนนิยมพรรคการเมืองสำคัญในไต้หวัน พบว่า พรรค DPP พรรครัฐบาล ยังคงมีคะแนนนิยมเป็นอันดับ 1 โดยมีคะแนนนิยม 35.8% พรรค KMT พรรคฝ่ายค้าน 22.3% พรรค TPP พรรคอันดับ 3 มีคะแนนนิยมเหลือเพียง 11.9% ในขณะที่ยังมีผู้วางตัวเป็นกลางคือไม่นิยมพรรคการเมืองใด พรรคการหนึ่งถึง 27%
นายโหยวอินหลง ประธานมูลนิธิฯ เปิดเผยว่า กล่าวโดยรวมแล้ว การแข่งขันระหว่างพรรคการเมืองในไต้หวันล่าสุด คือ เนื่องจากการต่อสู้ที่ดุเดือดมากขึ้นของรูปการจิตสำนึกในเดือน ธ.ค. ทำให้ ยิ่งทำให้ฐานะความเป็นพรรคอันดับ 1 ของพรรค DPP มั่นคงมากยิ่งขึ้น จนทิ้งห่างพรรคอันดับ 2 อย่างพรรค KMT ถึง 13.5% ส่วนพรรค KMTก็ทิ้งห่างพรรค TPP 10.4% โดยที่พรรค TPP ได้เพียง 11.9% ซึ่งยังคงสถานะของ 3 พรรคการเมืองหลักในไต้หวัน
ส่วนกรณีที่การสำรวจอีกรายการหนึ่งพรรค TPP มีคะแนนนิยมเพียง 5.7% เท่านั้น อาจมาจากการสำรวจโดยการโทรศัพท์ตามบ้านเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีการนำสูตรที่เกี่ยวข้องมาคิดคำนวณด้วย ซึ่งเป็นการคาดการณ์ที่สมเหตุสมผล นอกจากนี้ นายโหยวฯ ยังระบุเพิ่มเติมว่า การสำรวจของมูลนิธิฯ ได้ใช้วิธีการสำรวจ 3 ต่อ 7 ในการสุ่มตัวอย่างมาตั้งแต่เดือน ก.ค. ที่ผ่านมา โดย 70% เป็นการสำรวจผ่านโทรศัทพ์บ้าน ส่วนอีก 30% สำรวจผ่านโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากในปัจจุบันมีคนรุ่นใหม่เกินกว่า 40% ที่ไม่มีโอกาสได้ใช้โทรศัพท์ตามบ้าน การสำรวจจึงไม่ควรจำกัดเฉพาะโทรศัพท์บ้าน เพราะฉะนั้น ในการสำรวจทุกครั้งเราจึงต้องแบ่งการสำรวจเป็นทั้งโทรศัพท์มือถือ 30% และโทรศัพท์บ้านอีก 70% หรืออีกข้อมูลการสำรวจคือโทรศัพท์มือถือ 70 โทรศัพท์บ้าน 30%
