แผ่นดินไหวรุนแรงเมียนมากระทบไทย ไต้หวันแสดงความห่วงใย พร้อมยื่นมือให้ความช่วยเหลือ
ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวันได้โพสต์แสดงความห่วงใยต่อเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงในเมียนมาและส่งผลกระทบต่อประเทศไทยด้วย ใน facebook ส่วนตัว ในวันเดียวกันกับที่เกิดเหตุคือวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า เหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.7 แมกนิจูด ที่เมียนมา และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อไทย
ผู้นำไต้หวันระบุว่า ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน มอบหมายให้สำนักงานตัวแทนไต้หวันในไทยแลเมียนมาติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติและความเสียหายที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภัยพิบัติ ตลอดจนความเสียหายที่เกิดกับนักลงทุนและชาวไต้หวันในเมียนมาและในไทยอย่างใกล้ชิด
ผู้นำไต้หวันย้ำว่า ไต้หวันจะร่วมมือกับนานาชาติติดตามการกู้ภัยอย่างใกล้ชิด หากมีความต้องการความช่วยเหลือ ไต้หวันก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือที่จำเป็น
ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยไต้หวันได้สั่งการให้สำนักป้องกันภัยพิบัติไต้หวันได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือ ส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยของชาวไต้หวัน
ส่วนชาวไต้หวันที่พำนักอาศัยหรือที่จะเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าว ผู้นำไต้หวันได้ขอให้ใช้ความระมัดระวังและติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางการเพื่อป้องกัน aftershocks ที่อาจตามมา หากมีเหตุฉุกเฉินต้องการความช่วยเหลือโดยด่วน ขอให้ติดต่อไปที่สายตรงของสำนักงานไต้หวันในไทยและในเมียนมา
นอกจากนี้ ผู้ว่าการกรุงไทเป และผู้ว่าการนครเถาหยวน ได้โพสต์ข้อความแสดงความห่วงใยและย้ำความพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือกู้ภัยที่เกิดขึ้นในไทยและในเมียนมาด้วย
นายเจี่ยงว่านอัน ผู้ว่าการกรุงไทเป ได้โพสต์แสดงความห่วงใยผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ได้สั่งการให้หน่วยกู้ภัยไทเปเตรียมพร้อมเดินทางไปช่วยเหลือ ซึ่งมี จนท. รวม 63 นาย และสุนัขค้นหา 2 ตัว เพร้อมออกเดินทางใน 1 ชม. เมื่อได้รับคำสั่งจากสำนักป้องกันภัยพิบัติ ซึ่งสุนัขค้นหามีผู้ดูแลที่มีใบรับรองระหว่างประเทศ 2 นาย กับสุนัขค้นหาที่ผ่านการรับรองแล้ว 2 ตัว
ส่วนนายจาง ซ่านเจิ้ง ผู้ว่าการเถาหยวน ได้แสดงความห่วงใยและเตรียมพร้อมส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยไปช่วยเหลือกู้ภัยที่ไทยและเมียนมาแล้ว โดยได้เตรียมพร้อมหน่วยกู้ภัย 40 นาย แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัย 35 นาย แพทย์และพยาบาล 4 นาย และวิศวกรโยธา 1 นาย พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันทีเมื่อได้รับคำสั่ง
ส่วนทางด้านการท่องเที่ยวไต้หวันได้ประกาศให้บริษัททัวร์ไต้หวันปฏิบัติตามที่ระบุในข้อ 14 ในสัญญาการซื้อทัวร์ที่บริษัททัวร์ไต้หวันขายให้ลูกค้าไปเที่ยวเมืองไทยแต่ยกเว้นภูเก็ด และเมียนมา ที่ทำกับนักท่องเที่ยวที่ระบุให้ลูกค้ามีสิทธิยกเลิกทัวร์ได้ในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัย โดยจะต้องคืนค่ามัดจำทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่ายที่จำเป็นแล้ว เพื่อลดความวิตกกังวลของชาวไต้หวัน อย่างไรก็ดี การท่องเที่ยวของไทยก็ได้ออกประกาศเป็นภาษาไทยและอังกฤษระบุว่า “จากเหตุการณ์ผลกระทบจากแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ขณะนี้ สถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติ ธุรกิจกลับมาดำเนินการต่อได้ สถานที่ท่องเที่ยวรวมถึง ศูนย์ประชุมต่าง ๆ เปิดบริการเป็นปกติแล้ว ทั้งนี้ จะมีการประเมินสถานการณ์เพื่อความปลอดภัยสูงสุด เป็นระยะต่อไป”
ทำเนียบประธานาธิบดีย้ำปลุกปั่นใช้กำลังอาวุธเพื่อรวมชาติ ล้ำเส้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของระบอบประชาธิปไตย
สืบเนื่องจากกรณีของคู่สมรสชาวจีนที่พำนักอาศัยกับครอบครัวในไต้หวัน ซึ่งมีอาชีพเป็นเน็ทไอดอลอัดคลิปต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับไต้หวัน และได้มีการใช้ช่องทางเน็ทไอดอลปลุกปั่นให้ใช้กำลังอาวุธในการรวมชาติ จนถูกสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไต้หวันสั่งยกเลิกสิทธิการพำนักในไต้หวันกับครอบครัวและบังคับให้เดินทางออกจากไต้หวันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาท่ามกลางความเห็นต่างเกี่ยวกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น บางส่วนเห็นว่า การแสดงความคิดเห็นของเน็ทไอดอลคู่สมรสจีนผู้นี้เป็นการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น บางส่วนก็เห็นด้วยกับคำสั่งของ สตม. ไต้หวัน กระทั่งมีนักวิชาการจำนวนไม่น้อยได้ร่วมกันออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการปฏิบัติต่อเน็ทไอดอลคู่สมรสจีนผู้นี้ที่ใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และโจมตีว่า นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ เข้ารับตำแหน่งผู้นำไต้หวันเป็นต้นมา ทำให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของผู้คนถูกกดดันและหดแคบลง นั้น นางกัวหย่าฮุ่ย โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวัน ระบุว่า การปลุกปั่นให้ใช้กำลังอาวุธเพื่อการรวมชาติเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และล้ำเส้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในระบอบประชาธิปไตยด้วย นายเฉินเป้ยเจ๋อ สมาชิกสภาวิจัยแห่งชาติของไต้หวัน สาธารณรัฐจีน ระดมนักวิชาการกว่า 75 ท่าน ออกแถลงการณ์ร่วม ระบุว่าหลังจากที่ประธานาธิบดีไล่ฯ ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำไต้หวันเป็นต้นมา ก็ได้อาศัยแนวทางประชานิยมระดมพลังกลุ่มผู้สนับสนุน ทำให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในไต้หวันหดแคบลงและถูกกดดันอย่างรุนแรง นอกจากนี้ เขายังระบุว่า ตอนนี้มีความรู้สึกว่า บรรยากาศแห่งการใช้กฎอัยการศึกอย่างในอดีตเริ่มกลับมาปกคลุมไต้หวันอีกครั้ง จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลพรรค DPP ควร “แตะเบรก” แต่เนิ่น ๆ
นางกัวหย่าฮุ่ยระบุอีกว่า ไต้หวันเป็นสังคมประชาธิปไตย รากฐานของประเทศชาติคือเสรีภาพและประชาธิปไตย ทำเนียบประธานาธิบดีเคารพและจะปกป้องความเห็นต่างในสังคมอย่างเต็มกำลังความสามารถ แต่การปลุกปั่นให้ก่อสงครามรุกรานไต้หวัน หรือสร้างความโกรธแค้นตลอดจนใช้ความรุนแรงเป็นการละเมิดขอบเขตแห่งอนุสัญญาของสหประชาชาติ เป็นการท้าทายต่อระบอบเสรีภาพประชาธิปไตยของไต้หวัน และเป็นการล้ำเส้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและประชาธิปไตยด้วย
ไต้หวันกวาดล้างสปายจีนสั่งจำคุก 4 นายทหารขายความลับทางทหารให้จีนจำคุก 7 ปี
3 นายทหาร ประจำหน่วยสารวัตรทหารและ 1 นายทหารฝ่ายไอทีของกระทรวงกลาโหมไต้วหัน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและอัยการสืบทราบว่าพัวพันการขายความลับทางทหารให้แก่หน่วยข่าวกรองของจีน อัยการท้องถิ่นไทเปได้สืบสวนสอบสวนและสั่งฟ้อง ซึ่งศาลท้องถิ่นไทเปได้อ่านคำพิพากษาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตัดสินจำคุกนายทหารทั้ง 4 นาย ตั้งแต่ 5 ปี 10 เดือน ถึง 7 ปี
รายงานข่าวระบุว่า 3 สารวัตรทหารเป็นสารวัตรประจำกองพลที่ 211 ดูแลความปลอดภัยของทำเนียบประธานาธิบดี ส่วนนายทหารอีกรายรับผิดชอบด้านการสื่อสารของกระทรวงกลาโหม คำฟ้องของอัยการระบุว่า สารวัตรทหารรายหนึ่งที่แซ่ไล่ เข้าประจำการเมื่อ ส.ค. 2015 และปลดประจำการเดือน พ.ย. 2023 ส่วนนายทหารแซ่เฉิน เข้าประจำการเมื่อเดือน ธ.ค. 2017 ปลดประจำการวันที่ 1 ก.ค. 2023 นายทหารแซ่หลี เข้าประจำการเดือน มิ.ย. 2018 ปลดประจำการวันที่ 1 ก.พ. 2024 ส่วนอีกนายแซ่หลิน เข้าประจำการเดือน ส.ค. 2021 ปลดประจำการเดือน ส.ค. 2024
อัยการสอบพบว่า นายทหารแซ่ไล่ฯ กับแซ่เฉิน ถูกเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยข่าวกรองของจีนซื้อตัวโดยการแนะนำของนายหวงฯ ซึ่งยังคงอยู่ในระหว่างการถูกหมายจับในขณะนี้ พัวพันการขายความลับทางทหารให้แก่จีนตั้งแต่เดือน เม.ย. 2022 โดยนายเฉินฯ ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพหนังสือราชการที่เป็นความลับทางทหารมอบให้นายไล่ฯ จากนั้น นายไล่ฯ ก็ส่งต่อให้กับนายหวงฯ หรือเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของจีน
นอกจากนี้ ในช่วงปี 2023 นายหวงฯ ยังใช้ชื่อปลอมชักชวนเพื่อน ๆ นายทหารในกองทัพว่า ต้องการขายข่าวกรองเพื่อแลกกับผลตอบแทนหรือไม่ แล้วนำช่องทางการติดต่อกับนายทหารอีกรายมอบให้แก่นายไล่ฯ แล้วนายไล่ฯ ก็นำข่าวกรองเหล่านี้มอบให้แก่นายหวงฯ หรือเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของจีน แต่โชคดีที่นายทหารประจำการผู้นี้ไม่ตกหลุมพรางแล้วสืบหาความลับให้
