จับตาพลวัตรการเมืองไต้หวัน พรรคฝ่ายค้านระดมพลประท้วงกล่าวหาพรรครัฐบาลอยู่เบื้องหลังการจับกุมเจ้าหน้าที่พรรค KMT ถูกกล่าวหา “ปลอม” เอกสารรายชื่อถอดถอน สส. พรรครัฐบาล จัดชุมนุมใหญ่ 26 เม.ย. นี้ ขับไล่ผู้นำไต้หวัน
ในช่วงขณะที่การรวบรวมรายชื่อผู้สนับสนุนการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในไต้หวันทั้งในซีกรัฐบาลและฝ่ายค้านกำลังเป็นไปอย่างคึกคักแข่งกับเวลาในขั้นตอนที่ 2 ซึ่งพรรครัฐบาลจะถอดถอนนักการเมืองฝ่ายค้านรวม 35 คน ฝ่ายค้านจะถอดถอนนักการเมืองฟากรัฐบาล 14 คน โดยจะต้องรวบรวมรายชื่อให้ได้อย่างน้อย 10% ของจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น เพื่อก้าวสู่การจัดการลงคะแนนเสียงในเขตเลือกตั้งนั้น ซึ่งจะต้องมีผู้เห็นด้วยอย่างน้อย 25% ของจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง และต้องมีจำนวนมากกว่าผู้ลงคะแนนเสียงไม่เห็นด้วย นักการเมืองผู้นั้นจึงจะถูกถอดถอน และต้องจัดให้มีการเลือกตั้งซ่อม
ในช่วงที่ผ่านมา ฝ่ายรัฐบาลสามารถรวบรวมรายชื่อผู้สนับสนุนถอดถอนได้ในจำนวนที่กฎหมายกำหนดในขั้นตอนที่ 2 แล้วหลายคน ส่วนพรรคฝ่ายค้านก็กำลังเร่งระดมรวบรวมผู้สนับสนุนเป็นการใหญ่ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาก็มีข่าวคราวเกี่ยวกับการปลอมแปลงแบบฟอร์มสำหรับลงชื่อสนับสนุนการถอดถอนของทั้งสองฝ่าย กระทั่งเอาชื่อคนตายมาลงชื่อด้วย อย่างไรก็ดี ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อัยการไทเป นิวไทเป ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นที่ทำการของพรรค KMT สาขาไทเปและนิวไทเป รวมทั้งสิ้นเป็นสิบแห่ง โดยมีการเชิญเจ้าหน้าที่สาขาพรรคไปสอบปากคำด้วย ที่สำคัญคือการเชิญตัวผู้อำนวยการสาขาไทเปของพรรค KMT ไปให้ปากคำ ทำให้หัวหน้าพรรค KMT และกลุ่มผู้สนับสนุนไม่พอใจจึงระดมผู้สนับสนุนไปชุมนุมประท้วงหน้าที่ทำการสำนักงานอัยการไทเป แม้จะรู้ทั้งรู้ว่ากฎหมายไต้หวันห้ามการชุมนุมประท้วงหน้าที่ทำการศาล อัยการ แต่หัวหน้าพรรคก็สั่งระดมนักการเมืองและสมาชิกพรรคทั้งหมดไปรวมตัวกันประท้วงที่หน้าสำนักงานอัยการไทเป จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องยกป้ายเตือนว่า “นี่เป็นพฤติกรรมผิดกฎหมาย” แต่ก็ไม่อาจยับยั้งการชุมนุม ต้องระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายร้อยนายคอยรักษาความสงบโดยรอบสำนักงานอัยการไทเป ซึ่งก็โชคดีที่ทุกอย่างเป็นไปโดยสงบและไม่มีเหตุปะทะรุนแรงใด ๆ
เจ้าหน้าที่สอบสวนกลางยึดเอกสารหลักฐานจากสำนักงานพรรค KMT สาขากรุงไทเป
สำนักอัยการไทเปชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 14 เม.ย. สำนักอัยการไทเปได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักนายหลี่ฯ กับพวกรวม 6 คน ซึ่งตกเป็นจำเลยในข้อหาปลอมแปลงเอกสารเกี่ยวกับการรวบรวมรายชื่อเพื่อถอดถอน สส.ของพรรค DPP หลังจากมีการวิเคราะห์หลักฐานต่าง ๆ และสอบปากคำแล้ว จึงได้ขอคำสั่งศาลในการขอหมายค้น จึงได้เข้าตรวจค้นตามหมายค้นในครั้งนี้ ตรวจค้นบ้านพักของนางหวงลวี่จิ่นหยู ผู้อำนวยการสำนักงานพรรค KMT สาขาไทเป กับพวกรวม 4 คน และสำนักงานพรรค KMT สาขาไทเป และสำนักงานพรรคฯ เขต 1 รวมเข้าตรวจค้นทั้งสิ้น 6 แห่ง ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงอย่างขมักเขม้น
พรรค KMT ชุมนุมประท้วงหน้าสำนักอัยการไทเป
นอกจากนี้ สำนักอัยการไทเปย้ำว่า การดำเนินคดีดังกล่าวรับรองได้ว่าไม่มีการ “ตั้งธง” ล่วงหน้า ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐานและขั้นตอนตามกฎหมายทุกอย่าง อัยการทุกท่านมีจุดยืนเป็นกลาง จึงขอให้ทุกฝ่ายอย่าได้คาดเดาไปต่าง ๆ นานา ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่อัยการดำเนินคดีในเรื่องนี้อย่างเต็มที่
สำนักอัยการไทเปยังระบุว่า เนื่องจากคดีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับนักการเมืองที่กำลังถูกรณรงค์ถอดถอนออกจากตำแหน่งเป็นที่จับตามองจากสังคม จึงเห็นว่ามีความจำเป็นต้องชี้แจงให้สังคมได้รับทราบ
อัยการไทเปได้นำกำลังเข้าตรวจค้นสำนักงานพรรค KMT สาขาไทเป และควบคุมตัวนางหวง ลวี่จิ่นหยู ผอ. สาขาไทเป พร้อม จนท. และยึดเอกสารของกลางเป็นหลักฐาน ซึ่งก่อนหน้านี้อัยการนิวไทเปได้เข้าตรวจค้น สนง. สาขานิวไทเป ของพรรค KMT สร้างความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งให้แก่พรรค KMT จึงระดมผู้สนับสนุนนับร้อยหน้าที่ทำการสำนักงานอัยการไทเป และมีผู้ว่าไทเป ผู้ว่าเถาหยวน รวมทั้ง ส.ส. ในสังกัดของพรรค KMT เข้าร่วมด้วย โดยนายเจี่ยง ว่านอัน ผู้ว่าการไทเป ได้ให้สัมภาษณ์เรียกร้องให้ ส.ส. ของพรรคร่วมกันเสนอญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาล หากยุบสภาฯ ก็จะใช้การเลือกตั้งแสดงมติไม่ไว้วางใจต่อ ปธน. ไล่ฯ ด้วย ส่วนนายจู ลี่หลุน หัวหน้าพรรค KMT ได้ร่วมกับผู้ชุมนุมเปล่งคำขวัญ “ไล่ ชิงเต๋อ ลงจากตำแหน่ง” และประกาศจัดการชุมนุมประท้วงที่หน้าทำเนียบ ปธน. ในวันที่ ๒๖ เม.ย. ๒๕๖๘ เพื่อประท้วงการใช้นิติสงครามมากดดันพรรคฝ่ายค้าน และการดำเนินคดีในลักษณะดังกล่าวก็กระทำเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับนักการเมืองซีกรัฐบาลจะถูกถอดถอนเท่านั้น ในขณะที่การถอดถอนซีกฝ่ายค้านก็มีข่าวในทำนองเดียวกัน แต่ฝ่าย กม. มิได้ดำเนินการใด ๆ
ในขณะที่กลุ่มรณรงค์ถอดถอนนักการเมืองของฝ่ายค้านก็ขยับตัวไม่เบา โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 19 เม.ย. ที่ผ่านมาได้จัดการชุมนุมหน้าทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวันกลางกรุงไทเป ปลุกกระแสการรวบรวมรายชื่อผู้สนับสนุนให้ได้ครบตามที่ระบุในขั้นตอนที่ 2 ของการรณรงค์ ซึ่งจะครบกำหนดกลุ่มแรกในช่วงต้นเดือน พ.ค. ศกนี้ เพื่อให้ก้าวสู่ขั้นตอนที่ 3 ที่จะให้ประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งในเขตที่มีการถอดถอนลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนนักการเมืองเหล่านี้
กลุ่มสนับสนุนถอดถอนฝ่ายค้านรวมตัวอยู่ฝั่งตรงข้ามกลุ่มสนับสนนฝ่ายค้าน
ไต้หวันเร่งกระชับกลไกตรวจสอบเจ้าหน้าที่ข้าราชการ สกัดสปายสายลับจีนแทรกซึม
สืบเนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา เกิดคดีสปายสายลับจีนแทรกซึมเข้าสู่ระดับสูงและฝ่ายทหารของไต้หวัน จนเป็นที่วิตกกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งชาติที่กลไกการรักษาความลับหละหลวมจนเกิดเหตุบ่อยครั้ง นายกรัฐมนตรีจั๋วหยงไท่ ไต้หวัน สาธารณรัฐจีน จึงสั่งการให้นายหม่าหย่งเฉิง รัฐมนตรีประจำสภาบริหารเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใน 2 สัปดาห์ ทบทวนกฎหมาย 4 ฉบับที่เกี่ยวกับการรับเจ้าหน้าที่เข้าทำงานในหน่วยงานราชการ วางแผนการเสริมมาตรการป้องกันให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น
ในช่วงที่ผ่านเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนกลางของไต้หวันสืบพบคดีสปายสายลับจีนหลายคดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีที่เกี่ยวข้องกับอดีตคนสนิทของอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาความมั่นคงแห่งชาติทีเดียว รวมทั้งการแทรกซึมสู่สารวัตรทหารรักษาความปลอดภัยทำเนียบประธานาธิบดี ลักลอบถ่ายภาพเอกสารภายในขายเอาเงินสินบนจากจีน
นายกรัฐมนตรีจั๋วฯ ระบุว่า รัฐบาลจะเสริมกลไกด้านความมั่นคงแห่งชาติให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงกลไกการตรวจสอบพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ต้องมีความรอบคอบและเข้มงวดมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี นายกฯ จั๋วฯ ย้ำว่า เชื่อว่า เจ้าหน้าที่รัฐส่วนใหญ่ที่สุดทำหน้าที่ด้วยความเคารพกฎหมาย ทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่ แต่เพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตยของไต้หวัน รัฐบาลจำเป็นต้องเสริมกลไกการป้องกันให้มีความเข้มงวดและเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ให้มีความสมบูรณ์และรอบคอบมากยิ่งขึ้น นายกฯ จั๋วฯ จึงสั่งการให้นายหม่าหย่งเฉิง รัฐมนตรีประจำสภาบริหารเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมปรึกษาหารือหาวิธีการที่เหมาะสมให้ได้ภายใน 2 สัปดาห์ และขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับงานด้านความมั่นคงแห่งชาติต้องเสริมความคิดจิตสำนึกความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐก็จะต้องซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติด้วย”
นางหลี่ฮุ่ยจือ โฆษกรัฐบาลไต้หวันเปิดเผยว่า ตอนนี้คือการปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการตรวจสอบความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่เท่านั้น มิได้ดำเนินการเกี่ยวกับการตรวจสอบถึงระดับความลับเพื่อความมั่นคงแห่งชาติใด ๆ ทั้งสิ้น รวมไปถึงการทบทวนกลไกต่าง ๆ ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันว่า จะต้องปรับปรุแก้ไขกันอย่างไรบ้าง
ส่วนนายซูจวิ้นหยง ผู้อำนวยการสำนักข้าราชการพลเรือน สภาบริหารไต้หวันเปิดเผยว่า กรณีของอดีตเลขาอดีต รมว. ต่างประเทศ ไต้หวัน ตอนเข้ารับหน้าที่ก็ได้มีการตรวจสอบประวัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น ส่วนนี้จึงต้องมีการทบทวนให้มีความเข้มข้นมากขึ้น และต้องพิจารณาตรวจสอบเป็นประจำทุกปีด้วย
