close
Rti Thaiดาวน์โหลด Rti App
Open
:::

ชีพจรเศรษฐกิจ วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๖

  • 16 November, 2023
ชีพจรเศรษฐกิจ
ชีพจรเศรษฐกิจ
ชีพจรเศรษฐกิจ
ชีพจรเศรษฐกิจ
ชีพจรเศรษฐกิจ

ผู้ว่าแบงก์ชาติไต้หวันย้ำวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยยังไม่สิ้นสุดลง 

           นายหยางจินหลง ผู้ว่าการธนาคารกลางไต้หวัน ได้ตอบกระทู้สดของ ส.ส. ในสภาฯ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ย้ำในหลายประเด็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นการขึ้นดอกเบี้ยว่า วัฎจักรการขึ้นดอกเบี้ยของไต้หวัน ยังไม่สิ้นสุดลง และคาดว่าภาวะเงินเฟ้อจะปรับตัวลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป การส่งออกจะดีขึ้น และคาดว่าปีนี้ไต้หวันจะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจ 1-1.5% 

           ประเด็นสำคัญที่นายหยางจินหลง ตอบกระทู้สดของ ส.ส. ในสภาฯ สัปดาห์ที่แล้ว ประกอบไปด้วย วัฎจักรการขึ้นดอกเบี้ยของไต้หวันเป็นไปในลักษณะเดียวกันกับของสหรัฐฯ ที่ยังคงมีตัวเลือกในการปรับขึ้นอีก การดูแลตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้มีเสถียรภาพ ซึ่งปัจจุบันปริมาณการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เริ่มปรับตัวลดลง เพื่อให้ราคาอสังหาริมทรัพย์มีเสถียรภาพ ภาวะเงินเฟ้อเริ่มปรับตัวดีขึ้น แต่สินค้าบางอย่างที่เป็นสินค้าสคัญที่ได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่น เริ่มปรับตัวลดลง ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ส่งผลให้ไต้หวันได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯ ขยายตัวมากขึ้น และยากที่จะดีขึ้นในระยะเวลาอันสั้น การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้จะอยู่ที่ 1-1.5% ส่วนการประเมินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศที่ 1% เป็นการประเมินที่ต่ำเกินไป .

นายหยางจินหลง ผู้ว่าการธนาคารกลาง ไต้หวัน ตอบกระกู้ ส.ส. ประเด็นต่าง ๆ 

ลือสนั่น!จีนเตรียมยกเลิก ECFA อาจกระทบอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เครื่องจักรกลและเหล็กกล้า

        จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์ของจีนได้แสดงท่าทีว่ากำลังพิจารณาเกี่ยวกับการยกเลิก “กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างช่องแคบไต้หวัน (Economic Cooperation Framework Agreement -  ECFA) ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2009 โดยจีนให้สิทธิพิเศษภาษีศุลกากรแก่สินค้าจากไต้หวัน ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการไต้หวันให้ความสนใจเป็นพิเศษ สภาบริหารไต้หวัน ระบุว่า หากเป็นเรื่องจริงอุตสาหกรรมไต้หวันที่จะได้รับผลกระทบมี 3 ภาคอุตสาหกรรม ได้แก่อุตสาหกรรมปิโตรเคมี เครื่องจักรกล และอุตสาหกรรมเหล็กกล้า 

         ส.ส. พรรค DPP ได้ตั้งกระทู้ถามรัฐบาลเกี่ยวกับกรณีที่จีนเริ่มกระบวนการสอบสวนกำแพงการค้าระหว่างไต้หวันกับจีน โดยจะสอบสวนจนถึงวันที่ 12 ม.ค. ปีหน้า ซึ่งเป็นวันก่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดีของไต้หวัน การสอบสวนนี้ ครอบคลุมสินค้าเพิ่มขึ้นจากเดิม 2455 รายการ เป็น 2509 รายการ ครอบคลุมสินค้าเกษตร แร่ธาตุและสารเคมี 5 ประเภท และสิ่งทอ โดยซักถามว่า รัฐบาลมีมาตรการรับมืออย่างไรบ้าง

         นายหลี่ม่งเยี่ยน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี สภาบริหารไต้หวัน ได้ตอบข้อซักถามว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลพยายามกระจายตลาดออกไป ทำให้มูลค่าการค้ากับประเทศมุ่งใต้ใหม่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จากเดิม 9 หมื่นล้าน เป็น 1.8 แสนล้านดอลลาร์ การส่งออกไปจีนก็มีสัดส่วนลดลงจาก 43% เป็น 35% การส่งออกผลไม้ไปตลาดจีนก็มีสัดส่วนลดลงจากเดิม 80% เหลือต่ำกว่า 10% 

         นายหลี่ฯ ระบุอีกว่า หากจีนยกเลิกความตกลง ECFA หรือสินค้าบางรายการที่ให้สิทธิพิเศษภาษีศุลกากรแก่ไต้หวัน อุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบในตอนนี้ได้แก่ ปิโตรเคมี เครื่องจักรกล และเหล็กกล้า ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ซึ่งกระทรวงเศรษฐการได้พยายามทำความเข้าใจและให้ความช่วยเหลือกับผู้ประกอบการว่าจะกระจายตลาดได้อย่างไร และเสริมประสิทธิภาพการผลิตของอุตสาหกรรมทุกประเภท สร้างความเป็นอัตลักษณ์ของตนเอง ซึ่งรวมถึงการนำเอาระบบอัจฉริยะ พลังงานเขียว เข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ  

         ส.ส. พรรค DPP ระบุว่า จีนไม่โง่นะ และรู้ดีว่านักธุรกิจไต้หวันกำลังจะย้ายฐานการผลิตออกจากจีน ตอนนี้ก็ได้อาศัยเศรษฐกิจและการค้าเป็นอาวุธ ส่วนที่วิตกมากที่สุดคือความปลอดภัยของนักธุรกิจ ทั้งการจับ อายัดตัว หรือห้ามเดินทางออกจาจีน รัฐบาลควรเตือนนักธุรกิจไต้หวัน และยื่นมือให้ความช่วยเหลือมากขึ้น ซึ่งนายหลี่ฯ ก็ตอบว่า แม้แต่นายหม่าหยุน หรือแจ๊ก หม่า เจ้าของอาลีบาบา หรือประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่หลายคนก็ถูก “ทำให้ตัวหาย” ไปพักใหญ่ ธุรกิจจีนก็มีชะตากรรมเดียวกัน ทั้งการจำกัดการเดินทางออกจากจีน การตรวจภาษี ซึ่งนักธุรกิจไต้หวันต้องมีความรู้สึกว่าตอนนี้เป็นช่วงวิกฤตในการที่จะอยู่ในจีนด้วย 

นายหลี่ม่งเยี่ยน เลขา ครม. ไต้หวัน (ภาพจาก LTN)

สัมพันธ์ไต้หวัน-อังกฤษ ก้าวไปอีกก้าวใหญ่

         สำนักงานเจรจาการค้า สภาบริหาร ไต้หวัน สาธารณรัฐจีนได้ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ที่ผ่านมา ไต้หวันกับอังกฤษได้ลงนามในความตกลงกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนทางการค้าระหว่างกันหรือ Enhanced Trade Partnership(ETP) Arrangement)ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดการเจรจาใน 3 ด้าน ได้แก่ การค้าดิจิทัล การลงทุน และพลังงานรีไซเคิล สำนักงานเจรจาการค้าไต้หวันเปิดเผยว่า ห่วงโซ่การผลิตอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวันกับของอังกฤษมีส่วนเสริมซึ่งกันและกัน ซึ่งในอนาคตจะเป็นแนวหลังที่ดีที่สุดของการร่วมมือกันด้านเทคโนโลยีดิจิทัลบนเงื่อนไขที่ทั้งสองฝ่ายต่างมีจุดเด่นเอื้ออำนวนต่อกัน

         สำนักงานเจรจาการค้าไต้หวันได้ระบุผ่านแถลงข่าวว่า นายเซี่ยอู่เจียว ผู้แทนไต้หวันประจำอังกฤษ ได้ร่วมลงนามกับนาย John Dennisผู้แทนอังกฤษประจำไต้หวัน ในความตกลงดังกล่าวผ่านระบบเทเลคอนเฟอร์เร็นซ์  ซึ่งจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของการปฏิสัมพันธ์ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์การค้าและเศรษฐกิจระหว่างไต้หวันกับอังกฤษ

         นอกจากนี้ สำนักงานเจรจาการค้าไต้หวันยังชี้แจงเพิ่มเติมว่า ความตกลงดังกล่าวนอกจากจะเป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์หุ้นส่วนการค้าที่ยกระดับสูงขึ้นระหว่างกันแล้ว ยังได้กำหนดกลไกและกรอบการเจรจาในอนาคตระหว่างกันอีกด้วย โดยทั้งสองฝ่ายจะเปิดการเจรจาใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ การค้าดิจิทัล การลงทุน และพลังงานรีไซเคิลกับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เหลือศูนย์ โดยในอนาคตจะมีการขยายเพิ่มเติมประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายต้องการเจรจากันต่อไป

ผู้จัดรายการ

ความคิดเห็นที่เกี่ยวข้อง