ลำไส้ได้รับการขนานนามว่าเป็น "สมองส่วนที่สองของร่างกาย" เนื่องจากมีเซลล์ประสาทกว่า 100 ล้านเซลล์ ซึ่งมีจำนวนรองลงมาจากสมองเท่านั้น และยังสามารถทำงานได้อย่างอิสระจากระบบประสาทส่วนกลาง
นพ.เฉิน ป๋อเยี่ยน (陳柏諺) จากแผนกระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลคาเธ่ย์ (Cathay General Hospital) ระบุว่า ลำไส้และสมองเชื่อมโยงกันผ่าน "แกนลำไส้และสมอง" (Gut-Brain Axis) ที่ทำหน้าที่สื่อสารสองทางอย่างซับซ้อน Gut-brain axis หมายถึง การติดต่อสื่อสารกันระหว่างสมองและลำไส้ โดยทำงานผ่านระบบประสาทส่วนกลาง (central nervous system: CNS) และระบบประสาทที่ลำไส้ (enteric nervous system: ENS) นั่นหมายความว่าการติดต่อสื่อสารนี้เป็นการนำคำสั่งจากสมองไปยังทางเดินอาหาร และระบบทางเดินอาหารก็สามารถสื่อสารกลับไปยังสมองได้เช่นเดียวกัน ซึ่งมีผลควบคุมการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย เช่น ระบบภูมิคุ้มกัน การย่อยอาหาร เมแทบอลิซึม ความอยากอาหาร และความเครียด
แกนลำไส้และสมองมีหัวใจสำคัญคือการส่งข้อมูลระหว่างลำไส้และสมองผ่านเส้นประสาทเวกัส ซึ่งทำหน้าที่เป็น "ทางด่วนสองทาง" ในการส่งข้อมูลเกี่ยวกับสถานะของลำไส้ไปยังสมอง และรับคำสั่งจากสมองกลับมายังลำไส้ เมื่อเกิดการลำไส้อักเสบหรือมีความเครียด เส้นประสาทเวกัสจะส่งสัญญาณไปยังระบบประสาทส่วนกลาง ส่งผลต่ออารมณ์และพฤติกรรม
นอกจากนี้ จุลินทรีย์ในลำไส้ที่ทำหน้าที่ย่อยอาหารแล้ว ยังทำหน้าที่เป็น "โรงงานเคมี" ที่ผลิตสารสื่อประสาท เช่น เซโรโทนิน โดปามีน และอะดรีนาลีน สารเหล่านี้สามารถส่งผลต่อการทำงานของสมองผ่านระบบประสาทหรือกระแสเลือด ช่วยควบคุมอารมณ์และการตอบสนองต่อความเครียด รวมถึงกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย และส่งผลกระทบต่อสมองและสุขภาพจิต
ในทางกลับกัน เมื่อระบบลำไส้ทำงานได้ดีและจุลินทรีย์ในลำไส้อยู่ในสมดุล จะสามารถผลิตเซโรโทนินและเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข ลดความเสี่ยงของการอักเสบ และเสริมการทำงานของระบบประสาท สุขภาพลำไส้จึงไม่เพียงส่งผลต่อการย่อยอาหาร แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่อสมองและสุขภาพโดยรวม การรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้สามารถลดการอักเสบ ส่งเสริมการทำงานของสมอง และช่วยให้รับมือกับความเครียดได้ดีขึ้น การรับประทานอาหารที่เหมาะสม ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และจัดการความเครียด ล้วนเป็นวิธีที่ช่วยให้แกนลำไส้และสมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเสริมสร้างสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
เมื่อคนเรามีความเครียด ทำไมลำไส้ถึงมีปัญหา?
นพ.เฉินป๋อเยี่ยน อธิบายว่า เมื่อรู้สึกเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียด เช่น คอร์ติซอล ซึ่งส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของลำไส้และสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ อาจทำให้เกิดอาการท้องผูกหรือท้องเสีย ซึ่งเป็นปฏิกิริยาของลำไส้ต่อความเครียดโดยตรง นอกจากนี้ ลำไส้ยังส่งสัญญาณสถานะผิดปกติกลับไปยังสมองผ่านเส้นประสาทเวกัส ทำให้รู้สึกกังวลหรืออารมณ์แปรปรวน
นพ.เฉินยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ความเครียดกระตุ้นต่อมหมวกไตและต่อมใต้สมองให้หลั่งฮอร์โมนความเครียด เช่น คอร์ติซอลและอะดรีนาลีน ซึ่งแม้จะช่วยให้ร่างกายตอบสนองต่อความเครียดได้ดีขึ้น แต่ก็อาจส่งผลกระทบด้านลบต่อระบบทางเดินอาหารได้ หากอยู่ในภาวะเครียดเป็นเวลานาน การเคลื่อนไหวของลำไส้อาจช้าลงหรือเร็วขึ้นจนทำให้ระบบทางเดินอาหารเสียสมดุล และยังสามารถส่งผลต่อสมองผ่านทางเส้นประสาทเวกัสหรือระบบภูมิคุ้มกัน อาจทำให้มีสมาธิสั้น อารมณ์แปรปรวน หรือเกิดภาวะซึมเศร้าได้