ถ้าพูดถึงมะม่วงของไต้หวันแล้ว หนึ่งในมะม่วงมีชื่อและส่งออกก็คือมะม่วงพันธุ์อ้ายเหวินหรือเออร์วินที่มีสีแดงสด รสหวาน หอม ละมุนลิ้น ปลูกมากในเขตอวี้จิ่ง นครไถหนาน แต่ขณะนี้ มีเกษตรกรที่ปลูกองุ่นในเขตภูเขาอวี้ซาน ของตำบลซิ่นอี้ เมืองหนานโถว หันมาปลูกมะม่วงอ้ายเหวิน กลายเป็น “มะม่วงอวี้ซาน(玉山芒果)” ที่มีความหอมหวาน คงฟังไม่ผิดนะ ไม่ใช่มะม่วงอวี้จิ่ง(玉井芒果) แต่เป็นมะม่วงอวี้ซาน ทั้งนี้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความยากลำบากในการกำจัดโรคในไร่องุ่น เกษตรกรจำนวนมากจึงหันมาปลูกผลไม้ชนิดอื่น ในจำนวนนี้ มีเกษตรกรรายหนึ่ง ชื่อ หลินชิ่งฉี(林慶琪) ประสบความสำเร็จในการปลูกมะม่วงบนภูเขาสูง และยังทุบสถิติ ขายมะม่วงได้ราคาสูง ตกกิโลกรัมละ 1,000 เหรียญไต้หวัน นับเป็นเรื่องที่สร้างความอัศจรรย์ให้กับวงการมะม่วงไม่น้อย ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกผลไม้จำนวนมากในพื้นที่ภูเขาเขตภาคกลางอยากจะลองปลูกบ้าง จนเกิดกระแสความนิยมปลูกมะม่วงบนภูเขาสูงตามไปด้วย
มะม่วงอ้ายเหวินอวี้ซาน รสชาติอร่อย
สำหรับตำนานการปลูกมะม่วงบนภูเขาสูง ได้ถือกำเนิดที่ตำบลซิ่นอี้ เมืองหนานโถวเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงแรกคุณหลินชิ่งฉีเดินทางไปสอบถามผู้เชี่ยวชาญและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเพาะปลูกมะม่วงที่นครไถหนานและเมืองผิงตงบ่อยครั้ง เขาเปิดเผยว่าตนเองเป็นเพียงคนชอบทำอะไรที่ต่างจากคนอื่น เนื่องจากเมื่อ 10 ปีที่แล้ว สภาพอากาศที่ฝนตกชุก โรคองุ่นมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนั้นเขาตัดสินใจยุติการทำสวนองุ่น และกำลังคิดว่าจะปลูกอะไรแทนดี บังเอิญมีพ่อค้าที่รับซื้อองุ่นเป็นประจำแนะนำให้เขาลองปลูกมะม่วง แต่ว่าในความรู้สึกของเขาตอนนั้นคิดว่ามะม่วงเป็นผลไม้ที่มีราคาเฉลี่ยไม่สูงนัก และไม่มีแรงจูงใจเท่าไร แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็อยากจะลองปลูกดูสักตั้ง
คุณหลินชิ่งฉีผู้ริเริ่มปลูกมะม่วงบนเขาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
การเก็บเกี่ยวมะม่วงปีแรกของเขาคือต้นเดือนกรกฎาคม ซึ่งใกล้เคียงกับการสิ้นสุดฤดูมะม่วงของนครไถหนาน มะม่วงของคุณหลินชิ่งฉีถูกส่งไปยังตลาดเกษตรภาคเหนือ ราคาประมูลมีเพียงไม่กี่สิบเหรียญไต้หวัน แต่เมื่อการเก็บเกี่ยวผ่านไปเกินครึ่งฤดู และตรงกับช่วงฤดูกาลมะม่วงไถหนานสิ้นสุดลง มะม่วงที่ขายในตลาดมีเพียงของเขาเท่านั้น ส่งผลให้ราคาประมูลสูงขึ้นเรื่อยๆ สูงถึง 300-400 เหรียญไต้หวัน เขาจึงพบว่าถ้าสามารถผลิตมะม่วงนอกฤดูกาลได้ ความต้องการของตลาดมะม่วงก็ยังคงมีแน่นอน เพราะสามารถส่งขายให้กับตลาดนักท่องเที่ยว อย่างไนท์มาร์เก็ตไทเป หรือตลาดผู้บริโภคระดับสูง เป็นต้น
ปลูกมะม่วงบนเขาต้องแต่งกิ่งให้ได้รับแสงแดดเพียงพอ
ด้วยราคามะม่วงที่พุ่งสูงติดต่อกันหลายปี คุณหลินชิ่งฉีจึงเริ่มขยายธุรกิจและไปที่ไถหนานและผิงตงเพื่อหาความรู้ ศึกษาเทคนิคการเพาะปลูก และปรับปรุงคุณภาพต่อไป ความประทับใจของเขา มีอยู่ปีหนึ่ง มีลูกค้าชาวฮ่องกงสั่งมะม่วงอ้ายเหวิน ราคามะม่วงที่เขาขายได้พุ่งขึ้นไปถึง 1,000 เหรียญไต้หวันต่อกิโลกรัม เขาบอกว่า ไม่ได้พูดเกินความจริง ตอนนั้นอยู่ในห้องบรรจุภัณฑ์ กำลังห่อมะม่วง รู้สึกตื่นเต้น ห่อมะม่วงไป มือก็สั่นไปด้วย เพราะถ้าคำนวณแล้ว มะม่วงลูกหนึ่งราคาสูงถึง 500 เหรียญไต้หวัน หากทำมะม่วงร่วงหล่น เงิน 500 เหรียญไต้หวันก็จะหายวับไปเลย ตัวเขาและภรรยาแทบไม่เชื่อเลยว่าจะได้ราคาดีแบบนี้ ซึ่งหลังจากที่มะม่วงของเขาขายได้ราคาสูงแบบนี้ ก็ทำให้เกษตรกรท่านอื่นเริ่มปลูกตามด้วย ที่ตำบลซิ่นอี้จึงเกิดกระแสเปลี่ยนไร่องุ่นมาเป็นไร่มะม่วงมากขึ้น
คุณหลินชิ่งฉีปลูกมะม่วงเน้นคุณภาพมากกว่าเน้นปริมาณ
อย่างไรก็ตาม การปลูกมะม่วงบนภูเขาสูงหลายคนมองว่าผิดธรรมชาติหรือไม่ จางเสียจื้อ(張協智) ปธ.สหกรณ์เกษตรตำบลซิ่นอี้ บอกว่า ความสูงของการปลูกมะม่วงในตำบลซิ่นอี้อยู่ที่ประมาณ 500 - 800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ส่วนใหญ่ปลูกบนพื้นที่ข้างแม่น้ำหรือพื้นที่ราบ ปลูกบนพื้นที่เชิงเขามีไม่มาก และส่วนใหญ่เป็นไร่องุ่นเดิม มีการตัดไม้ทำลายป่าน้อยมาก เกษตรกรใช้ประโยชน์จากอุณหภูมิที่แตกต่างกันระหว่างกลางวันและกลางคืนบนภูเขาสูงและหุบเขาเพื่อชะลอการผลิตและส่วนใหญ่เน้นการปลูกที่ให้สุกตามธรรมชาติ คือ “ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง และรสชาติดีขึ้น” จึงมีรสชาติที่อร่อยกว่าหน้าร้อน