ในครั้งนี้ขอนำเรื่องของเทพเจ้าเตาไฟ(灶神)มาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งเตาก็คืออุปกรณ์ที่ใช้ทำอาหาร ในสมัยโบราณถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้สำหรับใช้หุงต้มอาหาร เพราะชาวจีนเชื่อว่า เรื่องกินถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของมนุษย์ จนมีสำนวนจีนกล่าวว่า “หมินอี่สือเหวยเทียน” 民以食為天ซึ่งแปลว่า ประชาชนให้ความสำคัญของอาหารเท่าฟ้า เพราะฉะนั้น เตาไฟที่ใช้ปรุงอาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญ จะมีความใกล้ชิดกับชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์มาก จนเกิดประเพณีการส่งเทพเจ้าเตาไฟขึ้นสวรรค์ในวันที่ 24 เดือน 12 ตามปฏิทินจีนของทุกปี(ปีนี้ตรงกับวันที่ 15 ม.ค. 2023)
เมื่อกล่าวถึงคำว่าเตาไฟหรือภาษาจีนเรียกว่า “เจ้า灶”นั้น ถ้าเป็นเตาไฟสมัยโบราณก็คงนึกภาพว่า มีลักษณะรูปทรงใหญ่ เป็นเตาดิน ก่อปูนเป็นรูปสี่เหลี่ยม มีช่องว่างวางกระทะ วางหม้อ ใส่ฟืน หรืออะไรก็ได้มีโครงสร้างต่างๆใช้ในการหุงต้มอาหาร ไม่เหมือนกับเตาแก๊ส เตาอั้งโล่ในปัจจุบัน เมื่อมนุษย์ให้ความสำคัญกับการใช้ไฟหุงต้มอาหารเท่าใด การหุงต้มทำอาหารก็ยิ่งกลายเป็นงานของแม่บ้านที่สำคัญที่สุดก็ว่าได้
เตาไฟสมัยก่อน(photo:artouch.com)
เทพเจ้าเตาไฟตามความเชื่อของคนจีนตั้งแต่โบราณมาถือว่าเป็นเทพที่อยู่ในบ้านองค์หนึ่ง เป็นเทพที่เง็กเซียนฮ่องเต้ส่งมาดูแลความประพฤติของคนในบ้านอย่างลับๆ ทั้งยังเชื่อว่าทุกบ้าน มีเทพเจ้าเตาไฟอยู่ ดังนั้น ทุกคนในบ้านจะต้องทำความดี ไม่ฝ่าฝืนหลักธรรมแห่งสวรรค์ โดยก่อนที่จะส่งเทพเจ้าเตาไฟขึ้นสวรรค์ จะต้องเซ่นไหว้ด้วยของหวานๆ เช่น ลูกกวาด ขนมเข่ง ขนมอี๊(ทังหยวน) ของสิริมงคล เช่น ส้ม ซึ่งคำว่าส้มภาษาจีนเรียกว่า จวี๋จื่อ มีเสียงคล้องกับคำว่าจี๋ลี่ที่แปลว่า โชคดี สิริมงคล เพื่อหวังว่า เมื่อเทพเจ้าเตาไฟขึ้นสวรรค์แล้วจะได้รายงานเง็กเซียนฮ่องเต้แต่สิ่งดีๆ หลังจากที่เง็กเซียนฮ่องเต้เกิดความพอใจแล้ว จะประทานให้โลกมนุษย์มีสภาพดินฟ้าอากาศที่เหมาะสม พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ เมื่อถึงวันที่ "เจ้าเสิน" กลับลงจากสวรรค์มาสู่พื้นโลกซึ่งก็คือวันที่ 4 เดือน 1 ตามปฏิทินจีนก็ต้องมี พิธีเซ่นไหว้ด้วยขนมหวานๆ อีกด้วย