close
Rti Thaiดาวน์โหลด Rti App
Open
:::

ขุนพลแรงงานไทย วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2565

  • 29 July, 2022
ขุนพล แรงงานไทย
คนงานไทยลงไปลุยน้ำจับปลาทั้งที่ขาเป็นแผล ติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เนื้อตายลุกลามไปทั้งสองขาเกือบต้องตัดทิ้ง

1. การยื่นขอว่าจ้างแรงงานกึ่งฝีมือเริ่มคึกคัก 2 เดือนยื่นเรื่อง 108 ราย อนุมัติแล้ว 4 ราย ภาคการผลิต 3 ราย เป็นแรงงานไทย 1 ราย ทั้งหมดยื่นขอด้วยค่าจ้าง 35,000 เหรียญ ไม่ต้องแนบหลักฐานด้านทักษะ

      เพื่อแก้ไขภาวะขาดแคลนแรงงาน และอนุญาตให้แรงงานต่างชาติที่ทำงานดี มีทักษะฝีมือ สามารถอยู่ทำงานในไต้หวันต่อไปได้โดยไม่ถูกจำกัดระยะเวลาทำงานสะสมไม่เกิน 12 ปี ตามในกฎหมายการจ้างงานมาตรา 52 กระทรวงแรงงานประกาศโครงการยกระดับแรงงานต่างชาติเป็นแรงงานกึ่งฝีมือ เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 30 เมษายนเป็นต้นมา โดยในระยะแรกนายจ้างส่วนใหญ่ยังไม่ทราบขั้นตอนการยกระดับแรงงานต่างชาติทั่วไปให้เป็นแรงงานกึ่งฝีมือนั้นจะต้องทำอย่างไร อย่างไรก็ตาม หลังจากกระทรวงแรงงานจัดโครงการประชาสัมพันธ์ให้นายจ้างได้รับทราบไปแล้วหลายรอบ และยังจะจัดต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้ เริ่มทำให้นายจ้างและบริษัทจัดหางานทราบวิธีและขั้นตอนในการว่าจ้างแรงงานกึ่งฝีมือมากขึ้น ทำให้เริ่มมีการยื่นขอว่าจ้างเพิ่มมากขึ้น กระทรวงแรงงานเปิดเผยว่า ณ วันที่ 10 กรกฎาคม 2565 มีนายจ้างยื่นขอว่าจ้างแรงงานต่างชาติทั่วไปและแรงงานที่ทำงานครบ 12 ปีเดินทางกลับประเทศเป็นแรงงานกึ่งฝีมือแล้ว 108 ราย เป็นนายจ้างภาคการผลิต 65 ราย และผู้อนุบาล 43 ราย ในจำนวนนี้ มี 45 รายถูกตีกลับ เนื่องจากคุณสมบัติหรือเอกสารไม่ครบ ไม่อนุญาต 1 ราย อยู่ระหว่างพิจารณาอนุมัติ 45 ราย อนุมัติให้ว่าจ้างได้แล้ว 4 ราย เป็นภาคการผลิต 3 ราย ในจำนวนนี้ แรงงานไทย อินโดนีเซียและเวียดนาม ชาติละ 1 ราย และอีก 1 รายเป็นลูกเรือประมงชาวฟิลิปปินส์ โดยทั้งหมดว่าจ้างด้วยเงื่อนไขค่าจ้าง 35,000 เหรียญ ไม่ต้องแนบหลักฐานด้านทักษะฝีมือใด ๆ

นายจ้างเริ่มว่าจ้างแรงงานกึ่งฝีมือเพิ่มมากขึ้น

      ต่อกรณีที่มีนายจ้างหลายรายต้องการจะนำเข้าแรงงานเก่าที่เดินทางกลับประเทศไปแล้วก่อนครบอายุงาน 12 ปีเพียงไม่กี่เดือน เนื่องจากไม่ตรงตามหลักการของกระทรวงแรงงานที่กำหนดให้ต้องครบ 12 ปี เรื่องนี้กระทรวงแรงงานตีความใหม่ว่า แรงงานต่างชาติที่เคยทำงานในไต้หวันและเดินทางกลับประเทศแล้ว หากอายุงานสะสม ครบ 11 ปี 8 เดือนขึ้นไป สามารถว่าจ้างให้เดินทางมาทำงานในฐานะแรงงานกึ่งฝีมือได้ ไม่จำเป็นต้องครบ 12 ปีเต็ม และเนื่องจากแรงงานกึ่งฝีมือ ไม่กระทบโควตาแรงงานต่างชาติทั่วไป กล่าวคือ การนำเข้าแรงงานเก่า หรือยกระดับแรงงานที่ทำงานอยู่ในไต้หวันเป็นแรงงานกึ่งฝีมือ นายจ้างยังสามารถนำเข้าแรงงานต่างชาติทั่วไปตามโควตาเดิมได้ ดังนั้น เมื่อแรงงานกึ่งฝีมือเกิดการหลบหนี นายจ้างจะใช้วิธียื่นขอทดแทนแรงงานกึ่งฝีมือที่หลบหนีไปไม่ได้ จะต้องยื่นขอว่าจ้างใหม่

แรงงานไทยในไซต์งานก่อสร้าง

      โครงการยกระดับแรงงานต่างชาติเป็นแรงงานกึ่งฝีมือ อนุญาตให้แรงงานต่างชาติที่มีอายุการทำงานในไต้หวันต่อเนื่องครบ 6 ปีขึ้นไป หรือแรงงานเก่าที่ทำงานครบ 11 ปี 8 เดือนขึ้นไปและเดินทางกลับประเทศแล้ว หากนายจ้างจ่ายค่าจ้างตามกำหนดและมีทักษะฝีมือตามเกณฑ์ นายจ้างสามารถยื่นขอว่าจ้างเป็นแรงงานกึ่งฝีมือได้ โดยทำสัญญาครั้งละ 3 ปี เมื่อครบกำหนดสามารถต่อสัญญาใหม่ได้โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง และไม่จำกัดระยะเวลาการทำงาน 12 /14 ปี เหมือนแรงงานต่างชาติทั่วไป แต่เพื่อป้องกันส่งผลกระทบต่อโอกาสทำงานของแรงงานท้องถิ่น มีการจำกัดสัดส่วนที่ยื่นขอได้ไม่เกิน 25% ของโควตาแรงงานต่างชาติที่ได้รับอนุญาตว่าจ้าง ยกตัวอย่างเช่น นายจ้างได้รับอนุญาตว่าจ้างแรงงานต่างชาติ 50 คน สามารถยื่นขอยกระดับเป็นแรงงานกึ่งฝีมือได้ไม่เกิน 25 คน นอกจากนี้ แรงงานต่างชาติทั่วไปและแรงงานกึ่งฝีมือรวมกันแล้ว ต้องมีอัตราส่วนไม่เกิน 50% ของแรงงานท้องถิ่น เช่นนายจ้างที่มีแรงงานท้องถิ่น 100 คน สามารถว่าจ้างแรงงานต่างชาติทั่วไปและแรงงานกึ่งฝีมือรวมแล้วไม่เกิน 50 คน

ลดความยุ่งยากในการเตรียมหลักฐานด้านทักษะฝีมือ นายจ้างใช้วิธีว่าจ้างแรงงานกึ่งฝีมือด้วยเงินเดือน 35,000 เหรียญ

2. ระวังอันตรายถึงตาย แรงงานไทยขาเป็นแผลลุยน้ำจับปลาในคลองน้ำกร่อยที่ซินจู๋ ถูกแบคทีเรียกินขาเกือบถูกตัดทิ้งทั้ง 2 ข้าง

      แรงงานไทยในไต้หวันชอบจับหรือตกปลา นอกจากมักเกิดอุบัติเหตุพลัดตกจมน้ำตายแล้ว ยังมีอันตรายอื่น ๆ ตามมาด้วย ที่ซินจู๋ มีคนงานไทยลงไปลุยน้ำจับปลาทั้งที่ขาเป็นแผล ติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เนื้อตายลุกลามไปทั้งสองขาเกือบต้องตัดทิ้ง โชคดีที่เกิดปาฏิหาริย์และแพทย์พยายามช่วยเอาไว้ได้ แต่คงพิการเดินเหินตามปกติไม่ได้ตลอดไป

คนงานไทยลงไปลุยน้ำจับปลาทั้งที่ขาเป็นแผล ติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เนื้อตายลุกลามไปทั้งสองขาเกือบต้องตัดทิ้ง

      แรงงานไทยรายนี้ อายุ 36 ปี มาจากจังหวัดอุดรธานี เดินทางมาทำงานที่โรงงานหล่อโลหะแห่งหนึ่งที่เขตซินฟง เมืองซินจู๋ ตั้งอยู่ห่างจากชายทะเลประมาณ 2 กม. มีคลองระบายน้ำไหลลงสู่ทะเล ซึ่งมีปลาชุกชุม ในวันหยุดมักจะมีแรงงานไทยโรงงานละแวกนี้พากันไปจับปลาเป็นจำนวนมาก เมื่อวันที่ 5-6 มิถุนายนที่ผ่านมา แรงงานไทยที่โชคร้ายรายนี้กับเพื่อน ๆ ในโรงงานเดียวกัน ใช้ตาข่ายทำเป็นแหไปล้อมจับปลาในคลองน้ำกร่อยที่แรงงานไทยเรียกกันว่าคลองนมอีกเช่นเคย โดยลืมไปว่า ตนมีบาดแผลที่ขาทั้งสองข้าง หลังกลับจากการจับปลา วันต่อมาที่ขาเริ่มมีอาการคันและขึ้นเป็นตุ่ม คล้ายอีสุกอีใส แรก ๆ ไม่ค่อยใส่ใจ ใช้วิธีบีบตุ่มแตกน้ำเหลืองไหลเยิ้ม แต่เพียงแค่วันสองวัน มีตุ่มขึ้นลามเต็มขาทั้งสองข้าง และรู้สึกเจ็บปวดมาก จนวันที่ 9 มิถุนายนทนไม่ไหวและเริ่มเดินไม่ได้ จึงรายงานให้พ่อบ้านทราบและขอให้พาไปพบแพทย์ หลังตรวจวินิจฉัยแล้ว แพทย์สั่งให้เข้ารับการรักษาในห้องไอซียูทันที และบอกว่าอันตรายมาก อาการดังกล่าวเกิดจากบาดแผลที่ขาติดเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า Vibrio vulnificus ทำให้เกิดโลหิตเป็นพิษ โดยเชื้อแบคทีเรียนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกาย ผู้ติดเชื้อมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 75 เปอร์เซ็นต์

คลองระบายน้ำที่คนงานไทยเรียกกันว่าคลองนม สกปรกและมีสารโลหะหนัก

      ขาทั้งสองข้างของแรงงานไทยรายนี้ ถูกเชื้อแบคทีเรียทำลาย ทำให้โลหิตเป็นพิษ จนกล้ามเนื้อตายเกือบหมดทั้งขา แพทย์ต้องผ่าตัดกำจัดเนื้อตายและเนื้อเยื่อบริเวณที่มีการปนเปื้อนของเชื้อโรคออกจากแผลเป็นประจำ ระหว่างนี้ มีหลายครั้งที่อาการเข้าขั้นโคม่า แพทย์ถึงขั้นแจ้งญาติว่า อาจต้องเตรียมใจตัดขาทั้งสองข้างทิ้งเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้ แต่ก็ไม่ลดละความพยายามในการรักษา รวมถึงพ่อบ้านชาวไต้หวันที่ดูแลหอพักคนงานไทย ซึ่งมีอายุ 75 ปี ด้วยความสงสารแรงงานไทย เดินทางไปไหว้พระขอพรและรับยันต์ศักดิ์สิทธิ์จากศาลเจ้าแห่งหนึ่งในไถหนาน จากนั้น 2-3 วัน อาการของแรงงานไทยรายนี้ก็ค่อย ๆ ดีขึ้นราวปาฏิหาริย์ แพทย์แจ้งว่า ไม่จำเป็นต้องตัดขาทิ้งแล้ว ขณะนี้อยู่ในช่วงปลูกถ่ายผิวหนัง โดยจะโกนหัวเพื่อนำเอาผิวหนังที่หัวไปปลูกถ่ายบริเวณเนื้อตายจากการทำลายของแบคทีเรียที่ขาทั้งสองข้าง

คลองน้ำกร่อยอันตราย เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล

      นี่เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่ชอบตกปลาหรือจับปลา ต้องระวัง โดยเฉพาะคนที่มีบาดแผล เมื่อสัมผัสกับเชื้อในแหล่งน้ำ ทำให้ติดเชื้อได้ นอกจากติดเชื้อทางบาดแผลแล้ว เชื้อแบคทีเรีย Vibrio vulnificus นี้ ซึ่งโดยธรรมชาติจะอาศัยอยู่ในน้ำทะเลและน้ำกร่อย อาจเข้าสู่ร่างกายผู้ป่วยได้ โดยการรับประทานอาหารทะเลดิบ โดยเฉพาะหอยนางรม ในประเทศไทยก็พบผู้ป่วยจากแบคทีเรียชนิดนี้เช่นกัน จากข้อมูลการเฝ้าระวังทางห้องปฏิบัติการของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุขของไทยพบว่า ข้อมูล 10 ปีย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2551-2560 พบผู้ป่วยชาวไทยติดเชื้อ Vibrio vulnificus รวม 113  ราย

คลองน้ำกร่อยอันตราย เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล

      สำหรับการป้องกันที่ดีที่สุดคือ หลีกเลี่ยงการกินอาหารทะเลดิบโดยเฉพาะหอยนางรม และการสัมผัสน้ำทะเลและน้ำกร่อยเมื่อมีบาดแผล

3. รวบแรงงานสาวอินโดฯ ผิดกฎหมาย ผันตัวหมอฟันเถื่อน เรียนรู้ด้วยตนเอง รับจัดฟัน เสริมดั้ง โฆษณาทางติกตอก ลูกค้าชาติเดียวกันแห่ใช้บริการเพียบ ถึงขั้นต้องนัดหมายรับบัตรคิวล่วงหน้า

      แรงงานหญิงอินโดนีเซียผิดกฎหมายในนครเถาหยวนรายหนึ่ง หลังหลบหนีนายจ้างเริ่มเรียนรู้เวชศาสตร์ช่องปาก กลายเป็นหมอฟันเถื่อน รับจัดฟัน ฟอกฟันขาว ซ่อมแซมฟันที่แตก บิ่น เสียหาย ยังทำศัลยกรรมเสริมจมูกด้วย ได้รับการขนานนามจากกลุ่มแรงงานอินโดนีเซียว่า เจ้าแม่ศัลยกรรมช่องปาก หลังมีคนชาติเดียวกันแจ้งความเมื่อต้นปีนี้ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบและหาหลักฐานมาเป็นเวลากว่าครึ่งปี ในที่สุดเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองอนามัย จู่โจมบ้านเช่าในอพาร์ตเมนต์หลังหนึ่ง จับสาวอินโดนีเซียซึ่งเป็นแรงงานผิดกฎหมาย ขณะกำลังจัดฟันให้ลูกค้าแรงงานชาติเดียวกันที่ถูกกฎหมายรายหนึ่ง ถูกจับส่งดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืนกฎหมายวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 300,000-1,500,000 เหรียญไต้หวัน หรือทั้งจำทั้งปรับ

ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจู่โจมคลินิกทันตกรรมเถื่อนข้างสถานีรถไฟจงลี่ จับเจ้าของซึ่งเป็นแรงงานอินโดนีเซียผิดกฎหมาย ไม่เคยเรียนด้านการแพทย์มาก่อน

      โฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในนครเถาหยวนแถลงว่า แรงงานหญิงอินโดนีเซียรายนี้ เดินทางมาทำงานในตำแหน่งผู้อนุบาล แต่หลบหนีนายจ้างกลายเป็นแรงงานผิดกฎหมาย และเรียนรู้ศัลยกรรมช่องปากด้วยตนเอง รับจัด ฟอกฟันขาว ซ่อมฟันบิ่นที่บ้านเช่าหลังหนึ่งในเขตผิงเจิ้นมาตั้งแต่ปี 2562 เนื่องจากราคาถูกและบริการอย่างเป็นกันเอง อย่างรับดัดและจัดฟันครบชุด ราคาเพียง 10,000 เหรียญเศษเท่านั้น มีการบอกกันปากต่อปาก และโฆษณาในสื่อโซเชียลอย่างติกตอก ทำให้คนชาติเดียวกันแห่ไปใช้บริการอย่างคึกคัก จนต้องขยายกิจการด้วยการย้ายไปเช่าอพาร์ตเมนต์ใกล้สถานีรถไฟจงลี่ที่ใหญ่และไปง่ายกว่า ยังเพิ่มบริการศัลยกรรมเสริมสวย เสริมจมูกเป็นต้น เพื่อดึงดูดลูกค้ามาใช้บริการมากขึ้น เนื่องจากลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ธุรกิจศัลยกรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลูกค้าที่จะไปใช้บริการต้องมีการนัดหมายรับบัตรคิวล่วงหน้าก่อนหลายสัปดาห์ แม้จะไม่เคยจบด้านทันตกรรมและการแพทย์อย่างเป็นทางการ แต่ด้วยความมุมานะ เรียนรู้ด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นศัลยกรรมพื้นฐาน อย่างฟอกสีฟัน จนถึงอุดฟันผุ ซ่อมฟันแตก บิ่นและจัดฟัน ดัดฟัน เธอผู้นี้สามารถให้บริการได้ทั้งสิ้น

ตำรวจยึดอุปกรณ์ดัดฟัน ฟอกสีฟัน ซ่อมและอุดฟันที่นำเข้าจากอินโดนีเซียโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นจำนวนมาก

      หลังจากคณะทำงานตรวจสอบและหาหลักฐานได้ครบถ้วนแล้ว เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกองอนามัย ภายใต้การนำของเจ้าพนักงานอัยการ เข้าจู่โจมตรวจสอบร้านทันตกรรมเถื่อนข้างสถานีรถไฟจงลี่แห่งนี้ จับสาวอินโดนีเซียที่เป็นหมอฟันเถื่อน ขณะที่กำลังดัดฟันให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นแรงงานอินโดนีเซียถูกกฎหมาย ยึดของกลางเป็นเงินค่าบริการจากทำธุรกิจหมอฟันเถื่อน โทรศัพท์มือถือที่ใช้ติดต่อและรับนัดหมายลูกค้า รวมถึงอุปกรณ์เครื่องมือและเวชภัณฑ์ใช้สำหรับการดัดฟัน ฟอกสีฟัน ซ่อมและอุดฟันที่นำเข้าจากอินโดนีเซียโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นจำนวนมาก หลังสอบปากคำแล้ว ส่งให้อัยการดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืนกฎหมายวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 300,000-1,500,000 เหรียญไต้หวัน หรือทั้งจำทั้งปรับ

มีการโฆษณาในสื่อโซเชียลอย่างติกตอก ทำให้คนชาติเดียวกันแห่ไปใช้บริการจัดฟัน ฟอกสีฟันอย่างคึกคัก

      สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจึงขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยแรงงานต่างชาติว่า หลีกเลี่ยงใช้บริการด้านการแพทย์กับผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติ ป้องกันเกิดข้อพิพาท นอกจากไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ ได้แล้ว ยังทำลายสุขภาพ เนื่องจากการติดเหล็กดัดฟัน จัดฟันกับบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต และไม่ได้ทำโดยทันตแพทย์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญและมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรมนั้น มีความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อในช่องปาก จนเกิดอันตรายอย่างร้ายแรงจากการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานได้

ตำรวจยึดอุปกรณ์ดัดฟัน ฟอกสีฟัน ซ่อมและอุดฟันที่นำเข้าจากอินโดนีเซียโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นจำนวนมาก

      ปัญหาแรงงานหญิงผิดกฎหมายผันตัวเป็นหมอเถื่อน เป็นข่าวให้ได้ยินเสมอ อย่างเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่เถาหยวนเช่นกัน ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองทลายคลินิกศัลยกรรมเถื่อนขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง เจ้าของเป็นแรงงานหญิงเวียดนาม  ใช้นามแฝงว่าแอนนา เช่าห้องหน้าสถานีรถไฟจงลี่เปิดคลินิก รับทำศัลยกรรมเสริมความงามทั่วเรือนร่าง ทั้งตกแต่งเสริมความอูมของริมฝีปาก ทำลักยิ้ม ดูดไขมัน แต่งใบหน้าด้วยการฉีดสารเติมเต็มจำพวกโบท็อกซ์และกรดไฮยาลูรอนิค แถมกรีดหนังตาสองชั้นและทำรีแพร์ให้ช่องคลอดกระชับ และไลฟ์สดดึงดูดลูกค้าผ่านเฟซบุ๊กและติกตอก ค่าบริการเริ่มตั้งแต่ 3,000-40,000 เหรียญ เนื่องจากพูดจาดีเอาใจเก่ง และรู้จักใช้สื่อโซเชียลโฆษณา ทำให้มีสาวเวียดนามมาใช้บริการจำนวนมาก ถึงกับต้องจ้างเพื่อนชาติเดียวกันมาเป็นผู้ช่วยหลายคน และมักจะอวดความร่ำรวยและนับแบงก์โชว์ในโซเชียลเป็นประจำว่า ตนมีรายได้สูงสุดวันละ 3 แสนเหรียญไต้หวัน ประมาณการว่า ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มีลูกค้าชาติเดียวกันมาใช้บริการผ่าตัดเสริมความงามไปแล้วไม่ต่ำกว่า 200 คน รายได้กว่า 3 ล้านเหรียญไต้หวัน

สาวเวียดนามในเถาหยวนผันตัวเป็นหมอเถื่อน ไลฟ์สดผ่านติกตอกดึงลูกค้าชาติเดียวกันเสริมจมูก ทำรีแพร์ รายได้วันละหลายแสน โชว์รวยถูกจับก่อนหน้านี้

      อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นหมอเถื่อน ไม่ได้เรียนจบด้านการแพทย์และไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ลูกค้าจำนวนไม่น้อยหลังใช้บริการผ่าตัดแล้ว แผลอักเสบ เป็นหนองและไม่สวยงามอย่างคิด เรียกร้องค่าชดใช้แต่ไม่เป็นผล เกิดข้อพิพาทไม่น้อย จึงมีการร้องเรียนจนกระทั่งถูกจับ

4. ไต้หวันยกเลิกข้อบังคับนายจ้างต้องซื้อประกันโควิดให้กับแรงงานต่างชาติมาใหม่ มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

      กระทรวงแรงงานแถลงว่า เนื่องจากแรงงานต่างชาติที่เดินทางมาใหม่ ก่อนการเดินทางได้ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ประกอบกับมีการตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 ในแรงงานต่างชาติที่เดินทางมาใหม่จำนวนน้อยมาก หรือมีก็ไม่แสดงอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ซึ่งมีมาตรการแยกกักตัวอยู่แล้ว และเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของนายจ้างและลดขั้นตอนการนำเข้าแรงงานต่างชาติ จึงได้เสนอและได้รับอนุมัติจากศูนย์บัญชาการควบคุมโรค หรือ CECC ยกเลิกข้อบังคับให้นายจ้างซื้อประกันสุขภาพให้กับแรงงานต่างชาติก่อนการเดินทาง ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป

แรงงานต่างชาติขณะเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติเถาหยวน (ภาพจาก The Merit Times)

      ทั้งนี้ แรงงานต่างชาติที่เดินทางมาใหม่ ยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคก่อนการเดินทางเหมือนเดิม ได้แก่ ก่อนการเดินทาง นายจ้างจะต้องลงทะเบียนในเว็บไซต์ศูนย์บริการแรงงานต่างชาติประจำท่าอากาศยาน แรงงานต่างชาติต้องแนบใบรับรองผลตรวจ PCR เป็นลบที่ตรวจภายใน 2 วันก่อนการเดินทาง ใบรับรองจองห้องพักโรงแรมกักตัวและเอกสารอื่น ๆ ตามที่กำหนด

ยกเลิกข้อบังคับนายจ้างต้องซื้อประกันโควิดให้กับแรงงานต่างชาติมาใหม่ มีผลตั้งแต่ 26 ก.ค. 65 เป็นต้นไป

      เนื่องจากช่วงปลายปี 2563 และต้นปี 2564 มีแรงงานอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ที่เดินทางมาใหม่ แม้จะมีใบรับรองผลตรวจโควิดเป็นลบ แต่ถูกตรวจพบติดเชื้อระหว่างกักตัว 14 วัน จำนวน 544 คน กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการไต้หวันต้องช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลไปแล้วร่วม 100 ล้านเหรียญไต้หวัน หรือเฉลี่ยคนละ 182,000 เหรียญไต้หวัน เพื่อแบ่งเบาภาระของรัฐบาล  กระทรวงแรงงานไต้หวัน จึงปฏิบัติตามข้อสั่งการของศูนย์บัญชาการควบคุมโรค บังคับให้นายจ้างจะต้องซื้อประกันสุขภาพแก่แรงงานต่างชาติที่เดินทางมาใหม่ต่างหากในวงเงิน 500,000 เหรียญไต้หวัน มีผลคุ้มครองในระยะเวลา 30 วัน เบี้ยประกันภัยประมาณ 1,200 เหรียญ เพื่อใช้เป็นค่ารักษาพยาบาล กรณีแรงงานต่างชาติที่ตนนำเข้าติดเชื้อโควิด-19 จากประเทศต้นทาง และนับจากบังคับใช้มาตรการนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 64 เป็นต้นมา จนถึงวันที่ 25 ก.ค. 65 มีแรงงานต่างชาติเดินทางเข้าไต้หวันและซื้อประกันสุขภาพดังกล่าวแล้ว 80,054 คน

ยกเลิกข้อบังคับนายจ้างต้องซื้อประกันโควิดให้กับแรงงานต่างชาติมาใหม่ มีผลตั้งแต่ 26 ก.ค. 65 เป็นต้นไป (ภาพจาก gvm.com.tw)

ผู้จัดรายการ

ความคิดเห็นที่เกี่ยวข้อง