close
Rti Thaiดาวน์โหลด Rti App
Open
:::

ขุนพลแรงงานไทย วันศุกร์ที่ 4 เมษายน 2568

  • 04 April, 2025
ขุนพล แรงงานไทย
ผู้ใช้แรงงานในไต้หวันมีโอกาสได้วันหยุดเพิ่มขึ้น ส่วนจะเป็นกี่วันและวันไหน? ต้องรอลุ้น...

1. เสียงเรียกร้องคืนวันหยุดนักขัตฤกษ์ 7 วันให้แก่ผู้ใช้แรงงานดังต่อเนื่อง รมว. กระทรวงแรงงานระบุ สามารถหารือในเชิงบวกและมีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มขึ้น

          เสียงเรียกร้องให้คืนวันหยุดนักขัตฤกษ์ 7 วันแก่ผู้ใช้แรงงาน กลายเป็นประเด็นร้อนที่มีการถกกันอย่างมากในสังคมไต้หวัน หลังจากมีการทำโพลสำรวจพบว่า ชาวไต้หวัน 56.7% สนับสนุนให้เพิ่มวันหยุดนักขัตฤกษ์แก่ผู้ใช้แรงงาน  รมว. กระทรวงแรงงานยอมรับในสภานิติบัญญัติอย่างเป็นทางการว่า เรื่องนี้สามารถหารือกันได้ในเชิงบวกและมีโอกาสที่จะปรับเพิ่ม ส่วนจะกลายเป็นจริงเมื่อไหร่และเพิ่มขึ้นกี่วันต้องมีการหารือกันต่อไป

นายหง เซินฮั่น รัฐนนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (ภาพจาก taisounds.com)

          เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา สภานิติบัญญัติ ซึ่งเป็นรัฐสภาของไต้หวันได้เชิญนายหง เซินฮั่น รมว. กระทรวงแรงงาน รายงานการปฏิบัติภารกิจด้านแรงงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติพรรคฝ่ายค้าน ตั้งกระทู้ถามและแสดงจุดยืนว่า ยอดชั่วโมงทำงานต่อปีของผู้ใช้แรงงานในไต้หวันเมื่อปี 2567 อยู่ที่ 2,030 ชั่วโมง สูงที่สุดอันดับ 2 รองจากสิงคโปร์ อดีตประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน เคยให้คำมั่นสัญญาจะปรับนโยบายแรงงาน 6 ประการ ขณะชนะการเลือกตั้งเข้ารับตำแหน่ง 1 ในนโยบายจำนวนนี้ ได้แก่การลดชั่วโมงทำงานต่อปีของผู้ใช้แรงงานในไต้หวันลง แต่ไม่สามารถทำได้ตามสัญญา และนายหง เซินฮั่นเอง ขณะเป็น สส. พรรครัฐบาลก่อนได้รับการแต่งตั้งเป็น รมว. กระทรวงแรงงาน เคยเสนอว่า ผู้ใช้แรงงานในไต้หวันทำงานหนักและนานเกินไป ควรลดชั่วโมงการทำงานลงและเพิ่มวันหยุดมากขึ้น สส. พรรคฝ่ายค้านซักถามว่า เมื่อดำรงตำแหน่งเป็น รมว. กระทรวงแรงงานแล้ว จุดยืนเป็นอย่างไร เปลี่ยนไปจากเดิมแล้วหรือไม่?

แรงงานไทยในไซต์งานก่อสร้างสะพานตั้นเจียง (ภาพจาก udn.com)

          นายหง เซินฮั่น รมว. กระทรวงแรงงานกล่าวว่า แม้เรื่องวันหยุดจะเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย ตนในฐานะผู้ดูแลกระทรวงแรงงานเห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่จะหารือในเรื่องนี้ ทั้งในแง่ของสภาวะทางเศรษฐกิจ การปฏิบัติของภาครัฐ โดยเฉพาะความต้องการของผู้ใช้แรงงาน ซึ่งกระทรวงแรงงานจะให้ความสำคัญต่อการพักผ่อนเต็มที่ของผู้ใช้แรงงาน ดังนั้น ประเด็นนี้จึงมีความเป็นไปได้ที่จะหารือกันในเชิงบวกและมีโอกาสจะเพิ่มวันหยุดนักขัตฤกษ์ได้

แรงงานไทยในโรงงานเย็บผ้าแห่งหนึ่งในนครเถาหยวน

จากข้อมูลของกระทรวงแรงงาน ในบรรดาประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาหรือ OECD ซึ่งมีทั้งหมด 39 ประเทศและพื้นที่ ไต้หวันมีชั่วโมงทำงานสูงเป็นอันดับ 2 จาก 39 ประเทศ OECD เป็นรองเพียงสิงคโปร์ และเมื่อเปรียบเทียบจำนวนวันหยุดนักขัตฤกษ์ของกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านแล้วจะพบว่า ญี่ปุ่นมีวันหยุดนักขัตฤกษ์ 16 วัน เกาหลีใต้มี 15 วัน ขณะที่ไต้หวัน มีเพียง 12 วัน เนื่องจากถูกรัฐบาลตัดทอนไป 7 วัน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559

แรงงานไทยในไซต์งานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว เถาหยวน (ภาพจากกองบริหารรถไฟฟ้า นครเถาหยวน)

มูลนิธิวิจัยนโยบายแห่งชาติ (National Policy Foundation) ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยนโยบายหรือคลังสมองของพรรคก๊กมินตั๋ง ประกาศผลสำรวจความคิดเห็นพบว่า 56.7% ของชาวไต้หวันที่รับการสำรวจสนับสนุนให้คืนวันหยุดนักขัตฤกษ์ 7 วันที่ถูกยกเลิกไป ยังมีประชาชนมากกว่า 60% สนับสนุนให้วันแรงงานแห่งชาติ 1 พ.ค. เป็นวันหยุดสำหรับทั่วประเทศ จากที่ปัจจุบันเป็นวันหยุดเฉพาะผู้ใช้แรงงาน หน่วยงานรัฐไม่หยุดในวันนี้

          นายเกา ซือป๋อ หัวหน้ากลุ่มกฎหมายของมูลนิธิวิจัยนโยบายแห่งชาติมองว่า ปัจจุบันวันหยุดนักขัตฤกษ์ในไต้หวันยังไม่ได้ถูกกำหนดอย่างชัดเจนในกฎหมาย เป็นเพียงคำสั่งทางการบริหารเท่านั้น การพิจารณาว่าควรกำหนดวันใดเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ควรพิจารณาจากสองปัจจัยหลักได้แก่ ความสำคัญของวันหยุดนั้น ๆ และความเชื่อมโยงกับสังคม ยกตัวอย่างเช่น วันแรงงานแห่งชาติ หากให้เฉพาะผู้ใช้แรงงานหยุดงาน แต่ข้าราชการและครูไม่ได้หยุด อาจทำให้เกิดปัญหาอย่างอื่นตามมา เช่นเดียวกับวันครู หากให้หยุดเฉพาะครู อาจกระทบต่อสิทธิของนักเรียน ส่วนวันรัฐธรรมนูญและวันกอบกู้เอกราชไต้หวันจากการเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น เป็นวันที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ การฟื้นฟูให้เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ จึงมีความจำเป็น

แรงงานไทยในไซต์งานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว เถาหยวน (ภาพจากกองบริหารรถไฟฟ้า นครเถาหยวน)

          ด้านนายอู๋ตงเลี่ยง ประธานสมาคมอุตสาหกรรมและการค้าของไต้หวันกล่าวว่า ในประเด็นนี้ มุมมองของผู้ประกอบการไม่คัดค้าน แต่อย่าหยุดมากเกินจนเลยเถิด ขณะนี้ ยังไม่สามารถคำนวณได้ว่า การหยุดงานทั่วประเทศ 1 วันจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการมากน้อยเพียงใด แต่เป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิตอย่างแน่นอน ในจุดยืนของผู้ประกอบการเห็นว่า ควรให้แรงงานได้รับวันพักผ่อนที่เหมาะสม แต่อย่าเลยเถิด ต้องคำนึงถึงศักยภาพในการแข่งขันกับประเทศคู่แข่งอื่น ๆ

ผู้ใช้แรงงานในไต้หวันมีโอกาสได้วันหยุดเพิ่มขึ้น

          เดิมในไต้หวันกำหนดวันหยุดนักขัตฤกษ์ 19 วัน แต่มีการตัดลดหรือยกเลิกไป 7 วันเหลือ 12 วันตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 สำหรับวันหยุดนักขัตฤกษ์ถูกตัดออกไปทั้ง 7 วัน ได้แก่ :

1. วันถัดจากวันรำลึกการสถาปนาประเทศ (วันถัดจากวันขึ้นปีใหม่) 2 มกราคม

2. วันรำลึกวีรชนที่พลีชีพเพื่อชาติ หรือวันเยาวชน 29 มีนาคม

3. วันครู 28 กันยายน

4. วันกอบกู้ไต้หวันจากการปกครองของญี่ปุ่น 25 ตุลาคม

5. วันเกิดอดีตประธานาธิบดีเจียงไคเชก 31 ตุลาคม

6. วันเกิด ดร. ซุนยัตเซ็น บิดาประชาชาติจีน 12 พฤศจิกายน

7. วันรัฐธรรมนูญ 25 ธันวาคม

2. นายจ้างไต้หวันขับรถแบคโฮทุบรถตำรวจ ตม. เละเป็นเศษเหล็ก ขัดขวางการเข้าจับกุมผีน้อยไทยเพื่อให้หลบหนี ต้องเข้าคุก 1 ปี 2 เดือน

          คดีที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง นครนิวไทเป เมื่อกลางปี 2566 ขับรถ SUV ไปตรวจสอบแรงงานผิดกฎหมายในโรงงานรีไซเคิลแห่งหนึ่งในเขตอู๋กู่ นครนิวไทเป แต่ถูกเจ้าของโรงงานขัดขวาง ควักมีดออกมาข่มขู่ตำรวจและขับรถขุดตักหรือรถแบคโฮทุบรถ SUV ของตำรวจกลายเป็นเศษเหล็ก ขัดขวางการเข้าจับกุมนักท่องเที่ยวชาวไทยที่อยู่เลยกำหนดและทำงานอย่างผิดกฎหมาย ถูกตำรวจจับและดำเนินคดีหลายข้อหา เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา ศาลยุติธรรมชั้นสูงสุดตัดสินคดีนี้ถึงที่สุดแล้ว ยืนตามศาลอุทธรณ์ จำคุกนายจ้างรายนี้ 1 ปี 2 เดือน ข้อหาใช้กำลังช่วยเหลือผู้ทำผิดกฎหมายหลบหนี นายจ้างรายนี้เตรียมเข้ารับโทษจำคุกในเร็ว ๆ นี้

นายจ้างไต้หวันคลั่ง ขับรถแบคโฮทุบรถตำรวจเละ ปกป้องผีน้อยไทยจากการตรวจจับของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง  (ภาพจาก setn.com)

          คดีนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2566 ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง นครนิวไทเป ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีโรงงานรีไซเคิลแห่งหนึ่งในเขตอู๋กู่ นครนิวไทเป ว่าจ้างนักท่องเที่ยวชาวไทยเข้าทำงานอย่างผิดกฎหมาย จึงจัดส่งตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 4 นาย ขับรถ SUV ไปตรวจสอบยังโรงงานรีไซเคิลดังกล่าว แต่เจอนายเย่ เจ้าของโรงงานเจ้าอารมณ์ ชักมีดออกมาข่มขู่และขัดขวางการเข้าจับกุมของตำรวจ ไม่เพียงแค่นั้น นายจ้างอารมณ์ดุดันรายนี้ ยังใช้ก้อนอิฐขว้างปาถูกใส่ตำรวจจนหัวร้างข้างแตกไปสองนาย และยังขับรถขุดตักหรือรถแบคโฮทุบรถ SUV ของตำรวจเละเป็นเศษเหล็ก ถูกจับในฐานะผู้ต้องหาซึ่งหน้า ขณะสอบปากคำ นายเย่ให้การว่า เนื่องจากกลัวต้องเสียค่าปรับฐานว่าจ้างชาวต่างชาติเข้าทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตในอัตราแพง ทำให้ตนมีอาการคลั่ง ถูกอัยการสั่งฟ้องดำเนินคดี

สภาพรถ  SUV ของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หลังถูกเจ้าของโรงงานรีไซเคิลขับรถแบคโฮทุบเป็นเศษเหล็ก (ภาพจาก setn.com)

          ศาลท้องถิ่นนครนิวไทเป หลังตรวจสอบคดีนี้แล้วเห็นว่า นายเย่ขัดขวางการใช้อำนาจรัฐ คุกคามความปลอดภัยของเจ้าพนักงาน ไม่สามารถลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 59 ประกอบกับนายเย่เคยมีประวัติฝ่าฝืนกฎหมายหลายคดี อาทิ กฎหมายการจัดการของเสียเป็นต้น จึงควรลงโทษหนักเพื่อให้เกิดความเข็ดหลาบ อย่างไรก็ตาม ศาลคำนึงถึงผู้ต้องหาให้การสารภาพและร่วมมือโดยดี และได้แสดงเจตนาประนีประนอมและชดใช้ค่าเสียหายแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ในที่สุด ศาลจึงตัดสินจำคุก 1 ปี 2 เดือน ข้อหาเดียว ได้แก่ ใช้กำลังขัดขวางเพื่อช่วยเหลือผู้ทำผิดกฎหมายหลบหนี และอนุญาตให้อุทธรณ์ได้ ศาลอุทธรณ์ก็ตัดสินจำคุกตามเดิม 1 ปี 2 เดือน แต่นายเย่ขออุทธรณ์ไปยังศาลสูงสุด และเมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา ศาลสูงสุดไต้หวันตัดสินคดีนี้ยืนตามคำพิพากษาเดิม จำคุกนายเย่ 1 ปี 2 เดือน และให้ถือเป็นที่สิ้นสุด นายเย่ เตรียมเข้ารับโทษจำคุกในเร็ว ๆ นี้

นายเย่ นายจ้างไต้หวันขับรถแบคโฮทุบรถตำรวจ ตม. เละเป็นเศษเหล็ก ต้องเข้าคุก 1 ปี 2 เดือน ข้อหาใช้กำลังขัดขวางเจ้าพนักงานเพื่อช่วยเหลือผู้ทำผิดกฎหมายหลบหนี

          นักท่องเที่ยวชาวไทยที่ทำงานอย่างผิดกฎหมายในคดีนี้ ชื่อนายบุญธรรม อายุ 38 ปี ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวต่อตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หลังจากที่หลบหนีไปได้ 3-4 วัน และให้การว่า ตนเพิ่งจะเดินทางเข้าไต้หวันในฐานะนักท่องเที่ยวโดยได้รับการยกเว้นวีซ่า เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2566 หลังเดินทางเข้าไต้หวันแล้วก็มีนายหน้าไปรับที่สนามบินเข้าทำงานในโรงงานแห่งนี้ทันที ตำรวจสันนิษฐานจะต้องมีขบวนการนายหน้าเถื่อนไทย-ไต้หวันจับมือ คอยจัดการและจัดส่งอยู่เบื้องหลัง ได้ส่งข้อมูลให้ฝ่ายไทยช่วยตรวจสอบเพื่อขยายผลตรวจจับขบวนการหลอกแรงงานไทยเดินทางเข้าไต้หวันทำงานอย่างผิดกฎหมายต่อไป

3. ปล้นกันเอง ! 5 แรงงานเวียดนามถูกแก๊งถือปืนบุกปล้นกลางดึก ตำรวจรวบคนร้ายได้ทั้ง 8 คน ที่แท้เป็นเพื่อนร่วมชาติ ทวงหนี้ไม่สำเร็จเลยปล้นแก้แค้น

          คดีแรงงานเวียดนามปล้นเองหรือจับเพื่อนไปเรียกค่าไถ่เกิดขึ้นเป็นประจำ ล่าสุดที่ห้องเช่าอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในเขตต้าหลี่ นครไทจง ถูกคนร้ายใส่หน้ากากอนามัย 6 คนบุกเข้าไปในช่วงเช้ามืดของวันที่ 15 มีนาคม คนร้ายสวมหน้ากากและมือถือปืนอัดลม บังคับให้แรงงานเวียดนามในห้อง 5 คน ส่งมอบทรัพย์สินทั้งหมด มิเช่นนั้นจะถูกทำร้าย หลังจากปลดทรัพย์ไปกว่า 140,000 เหรียญไต้หวัน คนร้ายแก๊งนี้ ขึ้นรถรับจ้างป้ายทะเบียนสีแดงหลบหนีไป

เกิดเหตุแก๊งแรงงานเวียดนามทวงหนี้ไม่สำเร็จ แก้แค้นด้วยการปล้นคนบ้านเดียวกันที่นครไทจง (ภาพจาก setn.com) 

          หลังรับแจ้งความ ตำรวจสถานีอู้ฟงได้รายงานต่อสำนักงานอัยการไทจง และจัดตั้งคณะทำงานชุดหนึ่งขึ้นมาทันที ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดติดตามเส้นทางการหลบหนีของคนร้าย พบไปแบ่งเงินที่ปล้นมาได้ในร้าน KTV แห่งหนึ่งข้างนิคมอุตสาหกรรมหนานโถว และในเขตอูรื่อ จับกุมผู้ต้องหาที่วางแผนและปฏิบัติการปล้น 7 คน ยึดเงินของกลางที่ปล้นไปได้ 140,000 เหรียญไต้หวัน ปืนอัดลม 2 กระบอก และในวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา จับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 1 คน รวมทั้งหมด 8 คน ในจำนวนนี้เป็นแรงงานเวียดนาม 6 คนและเพื่อนชาวไต้หวันที่ร่วมคดีอีก 2 คน 

แก๊งคนร้ายถูกตำรวจจับกุม ขณะแบ่งเงินจำนวน 140,000 เหรียญที่ปล้นมาได้ ในร้าน KTV แห่งหนึ่งข้างนิคมอุตสาหกรรมหนานโถว (ภาพจาก setn.com)

           โฆษกสถานีตำรวจอู้ฟงแถลงว่า คืนเกิดเหตุเป็นช่วงเวลารุ่งเช้าวันที่ 15 มีนาคม แรงงานชาวเวียดนาม 5 คนกำลังรับประทานอาหารมื้อดึกและพูดคุยกันในห้องเช่า ทันใดนั้นก็มีคนร้ายหลายคนสวมหน้ากากบุกเข้ามาพร้อมอาวุธปืน คนร้ายข่มขู่เหยื่อให้ปลดทรัพย์สินที่มี จากนั้น นั่งรถรับจ้างป้ายทะเบียนสีแดงหลบหนีไปพร้อมเงินสดจำนวนกว่า 140,000 เหรียญไต้หวัน

ตำรวจยึดของกลางเป็นปืนอัดลม 2 กระบอก และเงินที่ปล้นมาได้ (ภาพจาก setn.com)

          กลุ่มแรงงานเวียดนามที่ตกเป็นเหยื่อหลังหายจากความตกใจรีบโทรศัพท์แจ้งความ ตำรวจตรวจสอบเส้นทางการหลบหนีจากกล้องวงจรปิดและสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 7 คนที่เกี่ยวข้องกับคดีปล้นดังกล่าว ซึ่งมีทั้งผู้ที่บุกเข้าไปปล้นและผู้ที่วางแผนหรือเฝ้าดูต้นทาง โดยจับกุมได้ที่ร้าน KTV ข้างนิคมอุตสาหกรรมหนานกัง เมืองหนานโถว และที่เขตอูรื่อ ในนครไทจง ยึดของกลางเป็นเงินสดที่ถูกปล้นไปได้ 140,000 เหรียญไต้หวัน ปืนอัดลม 2 กระบอก และเมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา จับกุมชาวไต้หวันที่มีส่วนร่วมวางแผนอีก 1 คน จากการสืบสวนพบว่าในกลุ่มผู้ร้ายทั้งหมด 8 คน มี 6 คนเป็นชาวเวียดนาม และอีก 2 คนเป็นชาวไต้หวัน ต้นเหตุของการปล้นครั้งนี้ มาจากข้อพิพาทเรื่องหนี้สินระหว่างแรงงานเวียดนามที่ก่อเหตุกับผู้เสียหาย นาเล อายุ 39 ปี หัวหน้าแก๊งซึ่งเป็นชายชาวเวียดนาม ได้ชักชวนเพื่อนร่วมชาติและชายชาวไต้หวัน 2 คน ร่วมกันบุกปล้นเพื่อทวงหนี้ โดยผู้ก่อเหตุชาวเวียดนามส่วนใหญ่ทำงานอยู่ในโรงงานที่เขตต้าหลี่และพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนผู้ต้องหาชาวไต้หวันเป็นเพื่อนของแรงงานเวียดนามที่ก่อเหตุกลุ่มนี้ หลังบันทึกปากคำ ตำรวจได้ส่งให้อัยการดำเนินคดี ข้อหาปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธและร่วมกระทำผิดเป็นกลุ่ม อัยการขอให้ศาลสั่งควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ศาลอนุญาตให้ควบคุมตัวผู้ต้องหา 7 คน อีก 1 คนได้รับการประกันตัว 

ตำรวจจับแก๊งคนร้ายได้ทั้งหมด 8 คนส่งดำเนินคดี เป็นแรงงานเวียดนาม 6 คนและขาวไต้หวันที่ให้ความช่วยเหลือ 2 คน (ภาพจาก setn.com)

          โฆษกสถานีตำรวจอู้ฟง เตือนประชาชนว่า หากเกิดเหตุอาชญากรรมหรือพฤติกรรมที่น่าสงสัย ควรตั้งสติ จำลักษณะของผู้ต้องหา เส้นทางหลบหนี และอุปกรณ์ที่ใช้ก่อเหตุให้ได้มากที่สุด และรีบแจ้งตำรวจทันที เพื่อให้ตำรวจดำเนินการสืบสวนและจัดการกับคดีได้อย่างรวดเร็ว อันเป็นการปกป้องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของทุกคน

ผู้จัดรายการ

ความคิดเห็นที่เกี่ยวข้อง