close
Rti Thaiดาวน์โหลด Rti App
Open
:::

ขุนพลแรงงานไทย วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2568

  • 02 May, 2025
ขุนพล แรงงานไทย
ศูนย์จ้างตรง (DHSC) กระทรวงแรงงานไต้หวัน เร่งผลักดันการนำเข้าแรงงานต่างชาติแบบจ้างตรงมากขึ้น

1. กระทรวงแรงงานไต้หวันจับมืออินโดนีเซีย ขยายการนำเข้าแรงงานภาคเกษตรและผู้อนุบาลในองค์กรแบบจ้างตรงจากอินโดนีเซียมากขึ้น

          เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการให้บริการจ้างตรงในรูปแบบรัฐต่อรัฐ กระทรวงแรงงานไต้หวันได้ผลักดันความร่วมมือกับประเทศผู้ส่งออกแรงงานอย่างต่อเนื่อง ผ่านการประชุมทวิภาคี ล่าสุดบรรลุข้อตกลงกับกระทรวงแรงงานอินโดนีเซีย ขยายประเภทของแรงงานอินโดนีเซียที่สามารถจ้างตรงได้ จากเดิมที่มีเพียงภาคการผลิตและผู้อนุบาลในครัวเรือน ขยายไปเป็นภาคการเกษตร รวมถึงเกษตรจ้างเหมาบริการ และผู้อนุบาลในองค์กร สามารถใช้บริการจากศูนย์บริการจ้างตรง ในสังกัดกรมพัฒนากำลังแรงงาน กระทรวงแรงงาน ช่วยนายจ้างคัดเลือกแรงงานจากอินโดนีเซียได้โดยตรง ไม่ผ่านการจัดส่งของบริษัทจัดหางาน สะดวกรวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่ายทั้งในส่วนของนายจ้างและตัวแรงงานต่างชาติ

ศูนย์จ้างตรง (DHSC) กรมพัฒนากำลังแรงงาน กระทรวงแรงงาน เร่งผลักดันและขยายการนำเข้าแรงงานต่างชาติผ่านระบบจ้างตรง ช่วยนายจ้างและแรงงานลดภาระค่าใช้จ่าย (ภาพจากเว็บ DHSC)

          กระทรวงแรงงานระบุว่า การสนับสนุนให้นายจ้างจ้างแรงงานต่างชาติโดยตรง ช่วยนายจ้างและแรงงานลดภาระค่าบริการจัดหางานหรือค่าหัวคิวจากบริษัทจัดหางาน เป็นนโยบายที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2551 ได้ก่อตั้งศูนย์จ้างตรงขึ้น เพื่อให้บริการด้านคำปรึกษา โดยมีบริการล่ามสองภาษา และเจ้าหน้าที่ประจำติดตามดูแลเรื่องการนำเข้าเป็นรายกรณี เมื่อปี 2559 ได้ร่วมมือกับประเทศผู้ส่งออกแรงงานทั้ง 4 ประเทศ เพื่อจัดส่งแรงงานภาคการผลิตและผู้อนุบาลในครัวเรือนให้แก่นายจ้างไต้หวัน และช่วงปลายปี 2567 ได้ขยายความร่วมมือกับอินโดนีเซียครอบคลุมถึงผู้อนุบาลในองค์กรและแรงงานภาคเกษตร

กระทรวงแรงงานประชาสัมพันธ์ให้นายจ้างนำเข้าแรงงาต่างชาติผ่านระบบจ้างตรง ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายทั้งของนายจ้างและแรงงานได้ (ภาพจาก LTN)

          กระทรวงแรงงานกล่าวว่า ระบบจ้างตรงไม่ผ่านการจัดส่งของบริษัทจัดหางาน จะดำเนินการผ่านศูนย์จ้างตรง นายจ้างที่มีความประสงค์จะจ้างแรงงานต่างชาติผ่านระบบนี้ สามารถยื่นความต้องการต่อศูนย์จ้างตรง เมื่อได้รับคำร้องแล้ว ศูนย์จ้างตรงจะประสานไปยังสำนักงานแรงงานของประเทศผู้ส่งออกให้ช่วยคัดเลือกแรงงานตามคุณสมบัติที่นายจ้างต้องการ ในจำนวนที่มากกว่าความต้องการ 3-5 เท่า เพื่อให้นายจ้างได้คัดเลือกผ่านการดูจากใบสมัครซึ่งมีข้อมูลของแรงงาน สัมภาษณ์ผ่านวิดีโอคอล หรือเดินทางไปสัมภาษณ์ด้วยตนเองที่ประเทศต้นทาง จากนั้นศูนย์จ้างตรงและประเทศต้นทางจะดำเนินการให้แรงงานต่างชาติเดินทางเข้าไต้หวันเพื่อเริ่มทำงาน กระบวนการนี้ จะช่วยให้นายจ้างสามารถหาคนงานได้รวดเร็วตามเวลาที่กำหนด ประหยัดค่าบริการบริษัทจัดหางานทั้งในและต่างประเทศ และส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนายจ้างกับแรงงาน เกิดผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย

กลุ่มแรงงานไทยชุดแรกที่เดินทางมาทำงานภาคการเกษตรที่เขตเหม่ยหนง นครเกาสง (ภาพจาก newsmarket.com.tw)

          กระทรวงแรงงานกล่าวอีกว่า เพื่อช่วยเหลือนายจ้างในการคัดเลือกแรงงานและบริหารจัดการแรงงานหลังเข้าทำงานที่ไต้หวันแล้ว ศูนย์จ้างตรงมีเจ้าหน้าที่ที่สามารถให้คำปรึกษาได้หลายภาษา เช่น ภาษาเวียดนาม อินโดนีเซีย ไทย และอังกฤษ พร้อมให้บริการดูแลและช่วยแจ้งเตือนนายจ้างต้องดำเนินการตามกฎระเบียบและติดตามการทำเอกสารสำคัญต่าง ๆ เช่น การแจ้งเดินทางเข้าประเทศ เตือนให้พาแรงงานไปตรวจสุขภาพ ทำบัตรถิ่นที่อยู่ ทำใบอนุญาตทำงาน รวมถึงแจ้งเตือนเรื่องการต่อสัญญาเมื่อใกล้ครบกำหนด เพื่อให้นายจ้างสามารถบริหารแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่พลาดขั้นตอนสำคัญ

ไต้หวันขาดแคลนแรงงานภาคการเกษตรอย่างหนัก (ภาพจาก agriharvest.tw)

          นายจ้างที่สนใจ สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ของศูนย์จ้างตรง เพื่อค้นหาข้อมูลและบริการเกี่ยวกับการบริหารแรงงานหลังจากแรงงานต่างชาติเดินทางเข้าสู่ไต้หวันแล้ว ได้ที่ : https://dhsc.wda.gov.tw 

ฟาร์มปศุสัตว์และฟาร์มโคนมขาดแคลนแรงงานอย่างหนักเช่นกัน (ภาพจาก newsmarket.com.tw)

          นอกจากอินโดนีเซียแล้ว กระทรวงแรงงานยังมีแผนเจรจากับประเทศผู้ส่งออกแรงงานรายอื่น ๆ ผ่านการประชุมระดับทวิภาคีอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายประเภทแรงงานที่สามารถจ้างตรงได้ หากนายจ้างมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการต่าง ๆ ของศูนย์จ้างตรง สามารถเข้าเว็บไซต์ข้างต้น หรือโทรสอบถามได้ที่เบอร์ 02-66130811 (มีบริการภาษาจีน, อังกฤษ, เวียดนาม, ไทย, อินโดนีเซีย) หรือสายด่วนคุ้มครองแรงงาน 1955 จะมีเจ้าหน้าที่ให้บริการโดยตรง

2. สาวไทยขนกัญชา 11 กก. เข้าไต้หวันด้วยค่าจ้าง 35,000 บาทถูกรวบคาสนามบิน ตำรวจแกะรอยตามจับชายไต้หวันผู้บงการได้แล้ว

          ตำรวจท่าอากาศยานและศุลกากรประจำอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 1 ท่าอากาศยานนานาชาติเถาหยวน ได้ตรวจพบความผิดปกติในกระเป๋าเดินทางที่โหลดใต้ท้องเครื่องของผู้โดยสารหญิงไทยรายหนึ่ง ซึ่งเดินทางเข้าประเทศไต้หวันในฐานะนักท่องเที่ยว ได้รับการยกเว้นวีซ่า เมื่อเปิดกระเป๋าตรวจสอบพบว่ามีกัญชา ซึ่งในไต้หวันจัดให้เป็นยาเสพติดประเภทที่ 2 ซุกซ่อนอยู่จำนวน 6 ห่อ น้ำหนักร่วม 11 กิโลกรัม มูลค่าตลาดโดยประมาณ 27 ล้านเหรียญไต้หวัน นอกจากจับกุมหญิงไทยรายนี้แล้ว เจ้าหน้าที่ได้รายงานให้อัยการดำเนินการสืบสวน จนสามารถติดตามจับกุมนายซู ชายไต้หวันได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเขตว่านหัว กรุงไทเป หลังจากพยายามเปลี่ยนโรงแรมหลายแห่ง เพื่อป้องกันการตรวจจับของตำรวจ นายซูให้การสารภาพว่า ติดต่อผ่านนายหน้าชาวไทยจ้างหญิงไทยลักลอบขนยาเข้าไต้หวันในราคาค่าจ้าง 35,000 บาท หลังสอบสวน ตำรวจควบคุมตัวดำเนินคดีทันที

นางสาววนิดา (นามสมมุติ) หญิงไทยวัย 30 ปี ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟร้านอาหารใน กทม. รับจ้างขนกัญชาร่วม 11 กก. เข้าไต้หวันถูกจับ (ภาพจากตำรวจท่าอากาศยานเถาหยวน)

          โฆษกตำรวจท่าอากาศยานนานาชาติเถาหยวนแถลงว่า นางสาววนิดา (นามสมมุติ) หญิงไทยวัย 30 ปี เดินทางเข้าไต้หวันด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวเมื่อเดือนตุลาคม 2567  ขณะผ่านด่านตรวจศุลกากร เครื่องเอกซเรย์ตรวจพบมีความผิดปกติในกระเป๋าเดินทาง เมื่อเปิดดูพบว่ามีกัญชาซุกซ่อนอยู่ 10.9585 กิโลกรัม จึงทำการยึดของกลางและควบคุมตัวหญิงไทยไว้ทันที ขณะเดียวกันได้รายงานต่อสำนักงานอัยการเถาหยวนและตั้งคณะทำงานสืบสวนหาผู้ร่วมขบวนการในไต้หวัน ทีมสืบสวนพบว่า ผู้รับของในไต้หวันคือนายซู อายุ 30 ปี ชายชาวไต้หวัน ภายใต้การนำพนักงานอัยการเถาหยวน ตำรวจท่าอากาศยานร่วมกับตำรวจหน่วยสืบสวนอาชญากรรมไทเปและสถานีตำรวจว่านหัว ดำเนินการสืบสวนและพบว่า นายซูหลบซ่อนตัวอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งในเขตว่านหัว อย่างไรก็ตาม นายซู พยายามหลบเลี่ยงการจับกุมด้วยการย้ายที่พักหลายครั้งเพื่อหลอกล่อตำรวจ และวางกุญแจห้องพักไว้ที่แปลงดอกไม้ในตรอกข้างโรงแรม เพื่อรอโอกาสรับยา แต่สุดท้ายก็ไม่รอดถูกตำรวจจับกุมตัวได้ หลังสอบสวน ตำรวจได้ส่งตัวนายซูดำเนินคดีตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้โทษ

เครื่องเอกซเรย์ตรวจพบมีความผิดปกติในกระเป๋าเดินทาง เมื่อเปิดดูพบว่ามีกัญชาซุกซ่อนอยู่ 10.9585 กิโลกรัม (ภาพจากตำรวจท่าอากาศยานเถาหยวน)

          นายซูให้การสารภาพว่า ได้ซื้อกัญชาจากประเทศไทย และติดต่อผ่านนายหน้าท้องถิ่น โดยเสนอจ่ายค่าจ้าง 35,000 บาท พร้อมทริปท่องเที่ยวฟรี เพื่อว่าจ้างหญิงไทยที่ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ให้ลักลอบขนกัญชาเข้าไต้หวัน โดยทั้งสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ติดต่อกันผ่านนายหน้าชาวไทยเท่านั้น

เครื่องเอกซเรย์ตรวจพบมีความผิดปกติในกระเป๋าเดินทาง เมื่อเปิดดูพบว่ามีกัญชาซุกซ่อนอยู่ 6 ห่อ น้ำหนัก 10.9585 กิโลกรัม (ภาพจากตำรวจท่าอากาศยานเถาหยวน)

          โฆษกตำรวจท่าอากาศยานระบุว่า การใช้กัญชาจะทำให้เกิดอาการหัวใจเต้นเร็ว ประสาทหลอน คลุ้มคลั่ง ปากแห้ง ตาแดง และหากใช้ระยะยาวจะส่งผลต่อความจำ การเรียนรู้ และการรับรู้ อีกทั้งยังทำให้เกิดการเสพติดและพึ่งพาทางจิตใจ ในไต้หวันจัดให้กัญชาอยู่ในกลุ่มยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 ขอเตือนประชาชนอย่าลองใช้จากความอยากรู้อยากเห็น และยืนยันว่าตำรวจท่าอากาศยานจะเสริมความเข้มแข็งในการตรวจจับยาเสพติดทุกชนิด สกัดกั้นไม่ให้เล็ดลอดเข้าสู่ไต้หวัน

นายซู อายุ 30 ปี ชายชาวไต้หวันผู้บงการหญิงไทยลักลอบขนกัญชาเข้าสู่ไต้หวันถูกจับ หลังหลบหนีอยู่นาน (ภาพจากตำรวจท่าอากาศยานเถาหยวน)

          การปลดล็อกกัญชากัญชงเพื่อประโยชน์ทางด้านการแพทย์และเศรษฐกิจ มีผลบังคับใช้เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น สำหรับในไต้หวันยังคงจัดให้กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 เช่นเดียวกับเมล็ดฝิ่น โคเคน แอมเฟตามีนและยาไอซ์ ผู้ใดปลูก ผลิต ลำเลียง นำเข้า ส่งออกหรือจำหน่าย ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุก 7 ปีขึ้นไปและปรับ 7 ล้านเหรียญไต้หวัน กรณีครอบครองเพื่อการจำหน่าย มีโทษจำคุก 5 ปีขึ้นไป ปรับไม่เกิน 5 ล้านเหรียญไต้หวัน ชักจูง หลอกล่อให้คนอื่นเสพยาเสพติดให้โทษ ต้องระวางโทษจำคุก 1 ปีขึ้นไปไม่เกิน 7 ปี และปรับ 1 ล้านเหรียญไต้หวัน กรณีที่เสพ หลังจากส่งบำบัดแล้ว ยังมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี แม้จะมีไว้ในครอบครองไม่ได้เสพ ก็มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีและปรับไม่เกิน 200,000 เหรียญไต้หวัน

3. เสียชื่อ! หมอนวดไทยที่หลินโข่วแอบถ่ายลูกค้าสาวชาวไต้หวันถูกจับ พบในมือถือมีคลิปโป๊ลูกค้าสาวอื่น ๆ เพียบ คาดถ่ายคลิปส่งขายเว็บลามก

          เกิดเหตุหมอนวดหญิงชาวไทยใช้โทรศัพท์มือถือแอบถ่ายภาพเปลือยของลูกค้าหญิงขณะนวดภายในร้าน หลังจากลูกค้าจับได้และแจ้งความ ตำรวจรุดไปยังที่เกิดเหตุ ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือที่ใช้แอบถ่ายไว้เป็นหลักฐาน และจับกุมหมอนวดผู้ก่อเหตุในทันทีข้อหากระทำความผิดซึ่งหน้า พร้อมส่งสำนักงานอัยการนครนิวไทเป ดำเนินคดีและยื่นขอฝากขังในข้อหาละเมิดความลับส่วนบุคคล พร้อมขยายผลตรวจสอบ เบื้องต้นพบมีผู้เสียหายอย่างน้อย 10 ราย

หมอนวดไทยที่หลินโข่วแอบถ่ายลูกค้าสาวชาวไต้หวันถูกจับ พบในมือถือมีคลิปโป๊ลูกค้าสาวอื่น ๆ เพียบ คาดถ่ายคลิปส่งขายเว็บลามก (ภาพจาก news.ebc.net.tw)

          เหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายแก่ชื่อเสียงร้านนวดแผนไทยครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา เวลา 17.21 น. แม่ลูกชาวไต้หวันคู่หนึ่งได้เดินทางไปใช้บริการนวดแผนไทยที่ร้านนวดแผนไทยแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บนถนนจงซาน เขตหลินโข่ว นครนิวไทเป แต่ระหว่างการนวด ลูกสาวสังเกตเห็นว่าหมอนวดไทยรายนี้ใช้เพียงมือเดียวในการนวด ด้วยความสงสัยจึงเปิดผ้าขนหนูที่ปิดหน้า พบว่าหมอนวดหญิงกำลังใช้โทรศัพท์มือถือแอบถ่ายคลิปบนร่างเปลือยของตน ลูกค้าสาวรายนี้ร้องโวยวายด้วยความไม่พอใจ ทั้งสองมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง ผู้เป็นแม่รีบแจ้งความ ตำรวจมาถึงยึดโทรศัพท์มือถือของหมอนวดไทยและตรวจดู พบภาพและคลิปโป๊ของลูกค้าสาวคนอื่น ๆ จำนวนมาก สันนิษฐานทำเป็นอาชีพมานาน โดยถ่ายคลิปโป๊ลูกค้าสาวส่งขายต่อในเว็บลามก

หมอนวดไทยที่หลินโข่วแอบถ่ายลูกค้าสาวชาวไต้หวันถูกจับ พบในมือถือมีคลิปโป๊ลูกค้าสาวอื่น ๆ เพียบ คาดถ่ายคลิปส่งขายเว็บลามก (ภาพจากสถานีตำรวจหลินโข่ว)

          จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า หมอนวดหญิงรายนี้วัย 46 ปี เป็นผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ชาวไทย พำนักอาศัยในไต้หวันอย่างถูกกฎหมาย และทำงานเป็นหมอนวดในร้านนวดแผนไทยที่ค่อนข้างมีชื่อแห่งหนึ่งบนถนนจงซาน หลินโข่ว ตำรวจได้ช่วยผู้เสียหายลงบันทึกประจำวัน และส่งต่อคดีให้สำนักงานอัยการนครนิวไทเปดำเนินคดีในข้อหาละเมิดความลับส่วนบุคคล พร้อมยื่นขอฝากขังเพื่อป้องกันไม่ให้มีการทำลายพยานหลักฐานหรือหลบหนี และจะดำเนินการตรวจสอบต่อว่า ส่งคลิปไปให้ใครและมีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อกี่ราย

หมอนวดไทยที่หลินโข่วแอบถ่ายลูกค้าสาวชาวไต้หวันถูกจับ พบในมือถือมีคลิปโป๊ลูกค้าสาวอื่น ๆ เพียบ คาดถ่ายคลิปส่งขายเว็บลามก (ภาพจากสถานีตำรวจหลินโข่ว)

          ในส่วนของผู้เสียหาย ผู้เป็นแม่กล่าวว่า จะดำเนินคดีถึงที่สุด ไม่ใช่แค่เพื่อปกป้องลูกสาวของตนเท่านั้น ยังต้องการปกป้องไม่อยากให้ใครตกเป็นเหยื่ออีก เพราะพฤติกรรมของผู้ต้องหาเกินกว่าจะยอมรับได้ ด้านลูกสาวที่ได้รับความเสียหายกล่าวให้การต่อตำรวจว่า การนวดปกติต้องใช้สองมือ แต่หมอนวดรายนี้เธอใช้แค่มือเดียว และยังเอื้อมไปจับอะไรบางอย่างบ่อยครั้ง ทำให้เกิดความสงสัย และเมื่อลองเปิดผ้าขนหนูที่ปิดหน้าออกดู ก็พบว่าหมอนวดรายนี้กำลังใช้โทรศัพท์มือถือแอบถ่ายร่างเปลือยของตน จึงร้องเสียงดังว่าทำอะไร หมอนวดรายนี้หลังถูกจับได้คาหนังคาเขา ยังปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้ถ่ายภาพหรือคลิป เพียงแค่ถือโทรศัพท์ไว้เฉย ๆ จึงเกิดมีปากเสียงกันรุนแรง ผู้เป็นแม่รีบโทรศัพท์แจ้งความ ตำรวจมาถึงยึดโทรศัพท์มือถือและตรวจดู พบมีภาพและคลิปลับของลูกค้าคนอื่น ๆ อยู่ในโฟลเดอร์อัลบั้มภาพและคลิปจำนวนมาก ตำรวจสันนิษฐานว่าหมอนวดหญิงไทยรายนี้ ถ่ายภาพโป๊ของลูกค้าสาวแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบและน่าจะทำมานานแล้ว เพราะจากการตรวจสอบบัญชีธนาคาร พบว่าในช่วงก่อเกิดเหตุสามวันติดต่อกัน หญิงไทยรายนี้ มีเงินโอนเข้าบัญชีครั้งละกว่า 6,000, 20,000 และ 7,000 เหรียญไต้หวันตามลำดับ โฆษกสถานีตำรวจหลินโข่วกล่าวว่า ผู้ต้องหาถูกจับกุมฐานความผิดซึ่งหน้า หลังสอบปากคำส่งดำเนินคดีข้อหาละเมิดความเป็นส่วนตัว พร้อมยื่นขอให้ศาลควบคุมตัว เพื่อสืบสวนที่ไปของคลิปโป๊และเหยื่อรายอื่น ๆ ต่อไป

หมอนวดไทยที่หลินโข่วแอบถ่ายลูกค้าสาวชาวไต้หวันถูกจับ พบในมือถือมีคลิปโป๊ลูกค้าสาวอื่น ๆ เพียบ คาดถ่ายคลิปส่งขายเว็บลามก (ภาพจากสถานีตำรวจหลินโข่ว)

          หญิงไทยรายนี้ ทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงของนวดแผนไทย สมควรดำเนินการอย่างเด็ดขาด ตามกฎหมายอาญาของไต้หวันมาตรา 235 ผู้ใดเผยแพร่ ส่งต่อ หรือแชร์ข้อมูลภาพโป๊ เปลือย ลามกและอนาจาร ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง ผ่านระบบคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ ให้ผู้อื่นดูหรือฟัง ผู้นั้นมีความผิด มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับเงินไม่เกิน 30,000 เหรียญไต้หวัน หรือทั้งจำทั้งปรับ และตามมาตรา 319-3 ผู้ใดเผยแพร่ภาพลับทางเพศโดยไม่ได้รับความยินยอม มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 500,000 เหรียญไต้หวัน หากเป็นภาพที่ถ่ายโดยผิดกฎหมาย มีโทษจำคุก 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับไม่เกิน 500,000 เหรียญไต้หวัน

ผู้จัดรายการ

ความคิดเห็นที่เกี่ยวข้อง