1. ผู้นำไต้หวันขอบคุณแรงงานต่างชาติทุกคน ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของไต้หวัน รับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำต่อเนื่องและดูแลสิทธิประโยชน์ต่อไป
1 พฤษภาคมเป็นวันแรงงานแห่งชาติและวันแรงงานสากล กระทรวงแรงงานไต้หวันคัดเลือกผู้ใช้แรงงานจากทุกวงการในไต้หวัน จำนวน 61 เป็นแรงงานดีเด่นระดับประเทศประจำปี 2568 ในจำนวนนี้ ประกอบด้วยแรงงานต่างชาติ 10 คน เป็นแรงงานเวียดนาม 3 คน อินโดนีเซีย 3 คน ฟิลิปปินส์ 2 คนและแรงงานไทย 2 คน โดยเชิญครอบครัวของแรงงานต่างชาติดีเด่นทั้ง 10 คนเดินทางมาร่วมพิธีมอบโล่เกียรติคุณและท่องเที่ยวไต้หวันเป็นเวลา 1 สัปดาห์ กระทรวงแรงงานรับผิดชอบค่าเดินทางและห้องพักและอาหารทั้งหมด พิธีมอบประกาศนียบัตรและโล่เกียรติคุณจัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา จากนั้นช่วงเช้าวันที่ 30 เมษายน นายหงเซินฮั่น รมว. กระทรวงแรงงานพาแรงงานดีเด่นทั้ง 61 คน เข้าพบประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อที่ทำเนียบประธานาธิบดี
ประธานาธิบดีไล่ชิงกล่าวขณะให้การต้อนรับการเข้าของแรงงานดีเด่นระดับประเทศ เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2568 ขอบคุณแรงงานต่างชาติทุกคน ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของไต้หวัน (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ขณะให้การต้อนรับแรงงานดีเด่นระดับประเทศประจำปี 2568 และครอบครัวแรงงานต่างชาติดีเด่นทั้ง 10 ราย ได้กล่าวแสดงความชื่นชมที่แรงงานดีเด่นทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ในสายงานของตน ทำให้ไต้หวันก้าวหน้าอย่างมั่นคงทั้งด้านเศรษฐกิจ นวัตกรรมเทคโนโลยี และสวัสดิการสังคม พร้อมย้ำว่ารัฐบาลจะผลักดันนโยบายต่าง ๆ เพื่อยกระดับสิทธิประโยชน์ของแรงงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำติดต่อกันเป็นปีที่ 9 และการสนับสนุนพัฒนาอุตสาหกรรม ทำให้ตลาดแรงงานมั่นคง ดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ เพื่อให้ไต้หวันก้าวหน้า มั่งคั่ง มีความสุขและกลมเกลียวยิ่งขึ้น
ประธานาธิบดีไล่ชิงกล่าวขณะให้การต้อนรับการเข้าของแรงงานดีเด่นระดับประเทศ เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2568 ขอบคุณแรงงานต่างชาติทุกคน ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของไต้หวัน (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อกล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้แสดงความยินดีต่อแรงงานที่ได้รับการยกย่องให้เป็นแรงงานดีเด่นระดับประเทศซึ่งรวมทั้งแรงงานต่างชาติดีเด่นทั้ง 10 คน ที่สามารถผ่านกระบวนการคัดเลือกอันเข้มข้นมาได้ ถือเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย และแสดงให้เห็นถึงผลงานที่โดดเด่นในการทำงานของทุกคน โดยปีนี้มีแรงงานจากหลากหลายอาชีพได้รับการคัดเลือกเป็นแรงงานดีเด่นระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนักวิจัย วิศวกร พยาบาล บุรุษไปรษณีย์ ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ แรงงานต่างชาติ รวมถึงผู้นำและเจ้าหน้าที่สหภาพแรงงาน ทุกคนล้วนแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพและความคิดสร้างสรรค์ในสายงานของตน เสริมสร้างพลังให้กับไต้หวัน
เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2568 แรงงานดีเด่นระดับประเทศ 61 คน รวมครอบครัวแรงงานต่างชาติดีเด่นทั้ง 10 ราย เข้าพบประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อที่ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงไทเป (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
นอกจากนี้ ประธานาธิบดียังกล่าวขอบคุณแรงงานต่างชาติที่ได้รับรางวัลและที่ทำงานอยู่ในไต้หวันทุกคน ที่ทุ่มเททำงานในภาคการผลิตและภาคสวัสดิการสังคมของไต้หวันมาอย่างยาวนาน มีส่วนสำคัญในการพัฒนาได้อย่างมั่นคงในด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และสังคมของไต้หวัน จนได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ
สภาบริหารและกระทรวงแรงงานไต้หวัน จัดพิธีมอบโล่เกียรติคุณแด่แรงงานดีเด่นระดับประเทศประจำปี 2568 (ภาพจากกระทรวงแรงงาน)
ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อกล่าวอีกว่า ปีที่แล้ว ไต้หวันมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจถึง 4.59% สูงที่สุดในบรรดา 4 เสือแห่งเอเชีย และสูงกว่าญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และประเทศหลักในสหภาพยุโรป อีกทั้งยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลก และ GDP ของไต้หวันเพิ่มจาก 17.5 ล้านล้านเหรียญไต้หวันในปี 2559 เพิ่มขึ้นเป็น 25.4 ล้านล้านเหรียญไต้หวันในปี 2567 ทำให้ไต้หวันกลายเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับที่ 21 ของโลก ความสำเร็จเหล่านี้ล้วนเกิดจากผู้ใช้แรงงานในไต้หวันและแรงงานต่างชาติทุกคน
ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อถ่ายภาพกับนายพสิษฐ์ ครุทจันทร์ (ซ้าย) แรงงานต่างชาติดีเด่นระดับประเทศ 2568 และครอบครัว (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
สำหรับแรงงานไทยที่ได้รับเลือกเป็นแรงงานดีเด่นระดับประเทศในปีนี้ เป็นแรงงานไทยและมีสถานะเป็นแรงงานกึ่งฝีมือของบริษัทฟอร์โมซา เฮฟวี่ อินดัสทรี ที่นิคมอุตสาหกรรมม่ายเหลี่ยวทั้งคู่ จัดเป็นแรงงานไทยรายที่ 3 และที่ 4 ของบริษัทฟอร์โมซา เฮฟวี่ อินดัสทรี ที่ได้รับเกียรติคุณนี้ โดยแรงงานไทยที่สร้างชื่อเสียงทั้งสองรายได้แก่ นายขวัญใจ ผันพักตร์ อายุ 49 ปี มาจากจังหวัดสุโขทัย และนายพสิษฐ์ ครุทจันทร์ อายุ 51 ปี จากพิษณุโลก
ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อถ่ายภาพกับนายขวัญใจ ผันพักตร์ (ซ้าย) แรงงานต่างชาติดีเด่นระดับประเทศ 2568 และครอบครัว (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
2. ตะลึง! แรงงานเวียดนามลืมเงินสด 4 ล้านเหรียญไว้บนรถไฟ นายจ้างตกใจชี้เงินเดือนแค่ 3 หมื่นเศษ ตำรวจตรวจสอบที่มาโยงฟอกเงินหรือโอนเงินใต้ดินหรือไม่ หากไม่มีสิ่งผิดกฎหมายจะคืนให้
เมื่อค่ำวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีผู้โดยสารลืมถุงใส่เงินสด 4,000,000 เหรียญไต้หวันบนรถไฟที่วิ่งระหว่างเมือง ขบวนที่ 3258 ของการรถไฟไต้หวัน (TRA) จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าของเงินเป็นแรงงานเวียดนาม เหตุการณ์นี้กลายเป็นประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ในสังคมของไต้หวันทันที แรงงานเวียดนามรายนี้ลืมถุงเงินสดก้อนมหาศาลดังกล่าวไว้บนรถไฟขณะเดินทางจากเจียอี้ไปยังนครไถหนาน เมื่อรู้ตัวว่าลืมถุงใส่เงินรีบกลับไปที่เคาน์เตอร์บริการของสถานีรถไฟไถหนานเพื่อขอความช่วยเหลือ หลังได้รับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่การรถไฟรีบแจ้งหัวหน้าขบวนให้ช่วยค้นหา และพบถุงสีดำตามที่แรงงานเวียดนามบอกบริเวณด้านท้ายของตู้โดยสารที่ 2 ภายในเต็มไปด้วยธนบัตรเก่าที่ใช้หนังยางรัดไว้เป็นมัด ๆ จำนวน 8 มัด มัดละ 500,000 เหรียญ รวมเป็นเงินสด 4,000,000 เหรียญไต้หวัน และไม่เหมือนกับเงินสดที่เพิ่งถอนจากธนาคาร
แรงงานเวียดนามลืมเงินสด 4 ล้านเหรียญไว้บนรถไฟ
หลังข่าวนี้เผยแพร่ออกไป มีชาวเน็ตไต้หวันหลายคนแซวว่า “มากกว่าคดีเงินสด 3 ล้านเหรียญของเฉินหมิงเหวิน อดีต สส. พรรครัฐบาลที่เคยลืมไว้บนรถไฟความเร็วสูงเสียอีก” แต่การจะขอรับเงินสดจำนวนมหาศาลดังกล่าวคืน ต้องผ่านกระบวนการทางกฎหมายเสียก่อน ด้านนายจ้างของแรงงานเวียดนามรายนี้เผยว่า เงินเดือนของเขาเพียง 30,000 กว่าเหรียญไต้หวันต่อเดือน ไม่ทราบว่าเขาไปเอาเงินจำนวนมากขนาดนี้มาจากไหน ช่วงบ่ายวันต่อมา นายจ้างได้พาแรงงานรายนี้ไปยังสถานีตำรวจเจียอี้ เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม เนื่องจากต้องมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อตรวจสอบว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำหรือไม่
แรงงานเวียดนามลืมเงินสด 4 ล้านเหรียญไว้บนรถไฟ (ภาพจาก knews.com.tw)
จากข้อมูลพบว่า แรงงานเวียดนามชื่อนายโห่ ทำงานอยู่ที่โรงงานแปรรูปหินอ่อนแห่งหนึ่งในตำบลหมินสง เมืองเจียอี้ หลังจากลืมเงินสดไว้บนรถไฟ เขาได้มากับชายคนหนึ่งที่อ้างว่าเป็นพี่เขยเพื่อขอรับเงินคืน แม้ว่าทั้งสองจะอ้างเป็นเสียงเดียวกันว่า เงินเป็นของพี่เขยสำหรับเตรียมจ่ายเงินเดือนให้ลูกน้อง แต่จากการตรวจสอบของตำรวจพบว่า ทั้งสองไม่ได้เป็นเครือญาติตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด เป็นเพียงคนบ้านเดียวกันที่แต่งงานกับหญิงชาวเวียดนามที่ตั้งรกรากอยู่ในไต้หวัน และนิยมเรียกกันว่าพี่เขย และก่อนหน้านี้นายโห่บอกว่าเป็นเงินของตน 500,000 เหรียญ ที่เหลือยืมมาจากเพื่อนเพื่อส่งกลับไปซื้อบ้าน ยิ่งทำให้เส้นทางการเงินมีความไม่ชอบมาพากลมากขึ้น
แรงงานเวียดนามลืมถุงสีดำไว้บนรถไฟ ข้างในมีเงินสดเงินสด 4 ล้านเหรียญไต้หวัน (ภาพจาก knews.com.tw)
เช้าวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายโห่เข้าทำงานตามปกติที่โรงงาน เมื่อนักข่าวที่ไปดักรอประตูทางเข้าโรงงานสอบถามที่มาของเงิน 4 ล้านเหรียญ เขาตอบเพียงว่า “เป็นเงินของผม ผมลืมไว้บนรถไฟ ไม่ใช่ทำหายนะ” เมื่อนักข่าวถามต่อว่า ทำไมลืมถุงเงินที่มีเงินสดจำนวนมหาศาลดังกล่าว และเอาเงินจำนวนมากขนาดนี้มาจากไหน เขาตอบว่า “ไม่รู้ครับ ฟังไม่เข้าใจ ผมต้องรีบไปทำงาน เดี๋ยวโดนนายจ้างดุ” แล้วรีบเดินเข้าทำงานในโรงงาน
เจ้าหน้าที่การรถไฟพบถุงสีดำที่แรงงานเวียดนามลืมไว้บนรถไฟ ข้างในมีเงินสดเงินสด 4 ล้านเหรียญไต้หวัน (ภาพจาก knews.com.tw)
พนักงานในโรงงานเดียวกันกล่าวว่า นายโห่เป็นแรงงานทั่วไป เงินเดือนแค่ 30,000 กว่าเหรียญไต้หวัน ค่าล่วงเวลาหรือโอทีคิดตามกฎหมายแรงงาน อย่างมากก็ประมาณ 4-5 หมื่นเหรียญ และไม่ทราบว่าเขามีเงินมากขนาดนี้ได้อย่างไร ทางนายจ้างยืนยันว่า เขาเป็นแค่คนงานธรรมดา ตกใจกับเงินสดจำนวนนี้ แต่ก็ย้ำว่า “หลังเลิกงานคือเรื่องส่วนตัว บริษัทจะไม่ยุ่งเกี่ยว
แรงงานเวียดนามรายนี้ ทำงานที่โรงงานแปรรูปหินอ่อนแห่งหนึ่งในตำบลหมินสง เมืองเจียอี้ (ภาพจาก tw.nextapple.com)
ด้านอัยการและตำรวจกล่าวว่า นายโห่ลืมเงินสดจำนวนมากไว้บนรถไฟ และภายหลังมากับชายที่อ้างเป็นพี่เขยเพื่อขอรับคืน แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติแต่อย่างใด เป็นแค่การเรียกขานเป็นการส่วนตัว ขณะนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบและเปรียบเทียบข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งต้องมีการตรวจสอบที่มาของเงิน โดยคดีเข้าสู่กระบวนการสอบสวนของฝ่ายตุลาการแล้ว จะตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินหรือการโอนเงินอย่างผิดกฎหมายหรือการโอนเงินผ่านระบบใต้ดินหรือไม่?
3. เหิมเกริม! แรงงานเวียดนามผิดกฎหมายเมาขับรถเก๋งย้อนศรชนดะ ชาวไต้หวันตาย 1 บาดเจ็บ 2 ทายาทร่ำไห้ ผู้ตายเป็นเสาหลักครอบครัว ทิ้งลูกน้อย 3 คนให้ภรรยา
เกิดเหตุแรงงานเวียดนามผิดกฎหมาย 3 คน ขับรถเก๋งในอาการเมาโดยไม่มีใบขับขี่และยังย้อนศร ชนคนขับรถมอเตอร์ไซค์ 2 คันทำให้กระเด็นเสียชีวิตอย่างน่าสลด 1 ราย บาดเจ็บสาหัสอีก 2 ภรรยาผู้ตาย ซึ่งนั่งซ้อนท้ายมีอาการบาดเจ็บสาหัสที่ขาแต่ยังมีสติ ร่ำไห้สามีเป็นเสาหลักของครอบครัว ทิ้งลูกเล็ก 3 คนไว้ให้ตนดูแล
แรงงานเวียดนามเมาแล้วขับพุ่งชนข้างทาง หลังย้อนศรชนรถจักรยานยนต์ 2 คัน เป็นเหตุให้ชาวไต้หวันเสียชีวิต 1 บาดเจ็บอีก 2 (ภาพจาก udn.com)
เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 1 พฤษภาคม เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงบนถนนในเขตปาเต๋อ นครเถาหยวน รถยนต์ส่วนบุคคลคันหนึ่งขับย้อนศรด้วยความเร็วสูงพุ่งชนรถจักรยานยนต์ และไปกระแทกจักรยานยนต์อีกคัน ส่งผลให้รถจักรยานยนต์ที่ถูกชนบิดเบี้ยวเป็นซากเหล็ก ชิ้นส่วนและเศษซากรถจักรยานยนต์กระจายเต็มพื้นถนนบริเวณที่เกิดเหตุ มีผู้เสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บ 2 ราย ผู้เสียชีวิตคือนายเฉิน อายุ 45 ปี ชายชาวไต้หวันที่กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ถูกชนเสียชีวิตโดยมีภรรยาซ้อนท้าย ทิ้งภรรยาและลูกเล็ก 3 คนไว้เบื้องหลัง ส่วนรถเก๋งเสียหลักพุ่งเข้าชนพุ่มไม้ข้างทาง คนขับติดอยู่ในรถเพราะประตูบิดเบี้ยวเปิดออกไม่ได้ อีก 2 คนที่นั่งมาในรถเก๋งเปิดประตูด้านหลังหลบหนีไปได้ แต่ตำรวจตามล่ามาดำเนินคดีได้ หลังหลบหนีไม่ถึง 5 ชั่วโมง
แรงงานเวียดนามผิดกฎหมายเมาแล้วขับ ย้อนศรพุ่งชนรถจักรยานยนต์ 2 คัน มีผู้เสียชีวิต 1 บาดเจ็บ 2 ในภาพเป็นชิ้นส่วนและเศษซากรถจักรยานยนต์กระจายเต็มพื้นถนนบริเวณที่เกิดเหตุ (ภาพจาก chinatimes.com)
ตำรวจรับแจ้งความรุดไปยังสถานที่เกิดเหตุส่งผู้บาดเจ็บไปรักษายังโรงพยาบาล เนื่องจากอาการสาหัสเสียเลือดมาก หลังจากแพทย์กู้ชีวิตอยู่นานหลายชั่วโมง นายเฉินทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในโรงพยาบาล ส่วนภรรยาได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ขา แต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต ผู้บาดเจ็บอีกรายเป็นคนขับขี่รถจักรยานยนต์คันที่ 2 ถูกกระแทกอย่างแรง แต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต จากนั้น ตำรวจจับกุมแรงงานเวียดนามคนขับซึ่งยังติดอยู่ในรถยนต์ จากการสอบสวนพบว่า คนขับรถที่ก่อเหตุรายนี้ คือนายเหงียน อายุ 32 ปี ชาวเวียดนามที่เดินทางเข้าไต้หวันในฐานะนักท่องเที่ยวตั้งแต่ 7 ปีที่แล้ว แต่อยู่เลยกำหนดและหางานทำในไต้หวันโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะถูกจับนายเหงียนมีอาการเมาจัดและไม่มีใบขับขี่ ตำรวจจับเป่าเพื่อวัดระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจของเหงียน พบว่ามีปริมาณสูงถึง 0.49 มิลลิกรัมต่อลิตร เกินกว่า 0.15 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนด
สภาพรถจักรยานยนต์ที่ถูกชน (ภาพจาก udn.com)
ในช่วงเย็นวันเดียวกัน ตำรวจสามารถติดตามจับกุมแรงงานเวียดนามอีก 2 คนที่หลบหนีหลังเกิดเหตุ ได้แก่นายหว่องอายุ 38 ปี และนายหว่างอายุ 40 ปี ทั้งสองเป็นแรงงานเวียดนามที่เดินทางมาทำงานอย่างถูกกฎหมาย แต่หลบหนีนายจ้างกลายเป็นแรงงานผิดกฎหมายตั้งแต่ปี 2564 และ 2566 ตามลำดับ หลังสอบปากคำ ตำรวจส่งผู้ต้องหาทั้ง 3 ให้อัยการดำเนินคดีตามกฎหมาย ข้อหาก่อให้เกิดอันตรายในที่สาธารณะและกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ตำรวจจับกุมนายเหงียน ข้อหาก่อให้เกิดอันตรายในที่สาธารณะและกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (ภาพจาก EBC)
น้องสาวของนายเฉิน คนขี่รถจักรยานยนต์ที่ถูกชนเสียชีวิตดังกล่าวกล่าวด้วยความเศร้าว่า พี่ชายเป็นกำลังหลักในการหารายได้เลี้ยงครอบครัว มีลูก 3 คน คนเล็กยังเรียนอยู่ชั้นประถม 6 โดยเธอสะอื้นว่า ยังไม่ทราบว่าพี่สะใภ้กับเด็ก ๆ จะใช้ชีวิตกันต่อไปอย่างไร...
หลังเกิดเหตุตำรวจเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจเมาแล้วขับ (ภาพจากสถานีตำรวจปาเต๋อ)
ตำรวจเตือนว่า เมาแล้วขับ เป็นพฤติกรรมความเสี่ยงสูงที่จะก่อให้เกิดอันตรายทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น คุกคามความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของตัวเองและผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น และส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของสังคม