1. กระทรวงแรงงานเตือน ห้ามนายจ้างอ้างเหตุผลสถานการณ์โควิด-19 จำกัดแรงงานต่างชาติหยุดพักหรือออกนอกหอพักโดยอิสระ
นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 มาตั้งแต่ต้นปี 2563 และไต้หวันประกาศมาตรการป้องกันโรคเป็นต้นมา นายจ้างจำนวนมากเกรงว่า แรงงานต่างชาติของตน จะออกนอกโรงงานหรือหอพักโดยไม่มีการป้องกันโรคที่ดี ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อ และอาจนำเชื้อมาแพร่ในโรงงานหรือหอพักได้ ต่างประกาศจำกัดการออกนอกหอพักของแรงงานต่างชาติ บางรายถึงกับห้ามออกนอกสถานที่เลย หลังระยะเวลาผ่านไป 3 ปี แม้สถานการณ์โรคโควิด-19 ยังรุนแรง แต่เริ่มมีอุปกรณ์และรู้วิธีป้องกันมากขึ้น ศูนย์บัญชาการควบคุมโรค (CECC) ของไต้หวัน มีการประกาศผ่อนคลายมาตรการหลายรายการและมีการคลายล็อกมาตรการควบคุมพรมแดนมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว แต่ยังมีโรงงานบางแห่ง ยึดกฎระเบียบเข้มงวดในการเข้าออกโรงงานหรือหอพัก กระทั่งห้ามแรงงานต่างชาติออกนอกสถานที่ การกระทำของนายจ้างดังกล่าว ถือว่าผิดกฎหมายและมีโทษทางอาญา
แรงงานไทยกำลังทำความสะอาดฆ่าเชื้อในหอพักไซต์งานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว นครเถาหยวน
กระทรวงแรงงานกล่าวเตือนว่า ห้ามนายจ้างอ้างสถานการณ์โควิด-19 หรือสภาพการฉีดวัคซีน จำกัดการพักผ่อน ออกนอกสถานที่โดยอิสระของแรงงานต่างชาติ กรณีที่เกรงว่า จะส่งผลกระทบต่อการผลิต นายจ้างสามารถหารือกับแรงงานต่างชาติ เพื่อหลีกเลี่ยงแรงงานต่างชาติหยุดพักพร้อมกันในวันเดียวได้ แต่ห้ามเด็ดขาดที่จะจำกัดแรงงานต่างชาติหยุดพักหรือออกนอกหอพักโดยอิสระ
หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย แรงงานฟิลิปปินส์ในโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ที่เมืองเหมียวลี่ได้รับอนุญาตออกนอกหอพัก
กระทรวงแรงงานกล่าวเตือนว่า กรณีที่นายจ้างหรือผู้ใดก็ตามใช้วิธีที่ผิดกฎหมาย ลิดรอนเสรีภาพในการเคลื่อนไหว หรือบังคับกีดกันผู้อื่นใช้สิทธิ์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มีความผิดฐานกีดกันเสรีภาพและบังคับขู่เข็ญ ต้องระวางโทษไม่เกิน 5 ปี
มาตรการดูแลบริหารของนายจ้าง หากคุกคามการพักผ่อนและการออกนอกหอพักโดยอิสระของแรงงานต่างชาติ กระทรวงแรงงานจะเพิกถอนใบอนุญาตรับสมัคร นำเข้าและว่าจ้างแรงงานต่างชาติ ฐานฝ่าฝืนกฎหมายคุ้มครองแรงงานในลักษณะร้ายแรง
สื่อประชาสัมพันธ์เรื่องห้ามนายจ้างอ้างเหตุผลสถานการณ์โควิด-19 จำกัดแรงงานต่างชาติหยุดพักหรือออกนอกหอพักโดยอิสระ จากกรมพัฒนากำลังแรงงาน
2. นายจ้างโวย สำนักงานแรงงานฟิลิปปินส์โหด ปรับขึ้นค่ารับรองเอกสารนำเข้าแรงงานฟิลิปปินส์หลายสิบเท่า ตกคนละร่วม 6,000 เหรียญ ต่างจาก สนร. ไทยที่บริการฟรี ไม่เก็บค่าธรรมเนียมใด ๆ
นายจ้างและบริษัทจัดหางานไต้หวันที่นำเข้าแรงงานฟิลิปปินส์ ร้องเรียนต่อกระทรวงแรงงาน กรณีที่สำนักงานแรงงานฟิลิปปินส์ประจำในไต้หวัน ประกาศปรับขึ้นค่าธรรมเนียมรับรองเอกสารการนำเข้าแรงงานตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา จากเดิมที่เก็บค่าธรรมเนียมรับรองเอกสารนำเข้าแรงงานฟิลิปปินส์เป็นชุด ชุดละไม่เกิน 10 คน เก็บ 1,435 เหรียญ หากเกิน 10 คน ต้องทำเอกสารชุดใหม่ มาเป็นแบบคิดเป็นรายหัว นายจ้างที่ต้องการจะนำเข้าแรงงานฟิลิปปินส์ ต้องรับรองเอกสารที่สำนักงานแรงงานฟิลิปปินส์ก่อน ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า โดยคิดเป็นรายหัว กล่าวคือต้องทำเอกสารคนละ 1 ชุด แต่ละชุดประกอบด้วยเอกสารอย่างน้อย 4 รายการ แต่ละรายการเก็บ 1,435 เหรียญ สรุปนำเข้าแรงงานฟิลิปปินส์ นายจ้างต้องจ่ายค่ารับรองเอกสารเฉพาะที่ด่านแรกที่ไทเปอย่างต่ำ 5,740 เหรียญ และนายจ้างที่นำเข้าแรงงานฟิลิปปินส์ ส่วนใหญ่เป็นโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ นำเข้าแต่ละครั้งหลายสิบคนถึงหลายร้อยคน เฉพาะค่าธรรมเนียมรับรองเอกสารที่สำนักงานแรงงานฟิลิปปินส์ประจำไต้หวันสูงถึงหลายแสนเหรียญ ทำให้นายจ้างและบริษัทจัดหางานไต้หวันต่างร้องโอดครวญว่า เหมือนเป็นการรีดไถ
ประกาศปรับขึ้นค่ารับรองเอกสารนำเข้าแรงงานฟิลิปปินส์หลายสิบเท่า ตกคนละร่วม 6,000 เหรียญ
สหพันธ์การจัดหางานไต้หวัน ซึ่งเป็นองค์กรตัวแทนของกลุ่มบริษัทจัดหางานไต้หวัน ตลอดจนถึงนายจ้างกล่าวว่า การเก็บค่าธรรมเนียมรับรองเอกสารในลักษณะรีดไถโดยก็ไม่เคยปรึกษาหารือหรือแจ้งล่วงหน้ากับนายจ้างหรือ บจง. เช่นนี้ อาจทำให้มีการผลักภาระไปให้แรงงาน สุดท้ายแรงงานฟิลิปปินส์นั่นแหละต้องเป็นผู้แบกรับภาระ กลุ่มบริษัทจัดหางานไต้หวันดังกล่าวได้ร้องเรียนต่อกระทรวงแรงงาน ขอให้เจรจาต่อรอง หากไม่ดำเนินการแก้ไข กลุ่มบริษัทจัดหางานไต้หวันจะแนะนำนายจ้างหยุดการนำเข้าแรงงานฟิลิปปินส์ หันไปนำเข้าชาติอื่นแทน
ที่ทำการสำนักงานแรงงานฟิลิปปินส์ในกรุงไทเป (ภาพจากเฟซบุ๊ก สนง. เศรษฐกิจและวัฒนธรรมมะนิลา)
ส่วนสำนักงานแรงงานเวียดนามเก็บค่ารับรองเอกสารตามปกติ รับเอกสาร 7 วันทำการ ค่าธรรมเนียมรับรองเอกสาร 1,000 เหรียญต่อชุดค่า กรณีที่เร่งด่วนรับใน 2 วันทำการ ค่าธรรมเนียม 1,300 เหรียญ สำหรับสำนักงานแรงงานอินโดนีเซียเก็บค่าธรรมเนียมรับรองเอกสารเป็นรายหัว 850 เหรียญต่อคน และมีการเก็บค่าธรรมเนียมต่อสัญญาในไต้หวันของแรงงานด้วย
เนื่องจากความได้เปรียบด้านภาษาอังกฤษ ณ สิ้นเดือนกันยายน 65 แรงงานฟิลิปปินส์ในไต้หวันมีจำนวน 107,289 คน จากทั้งหมด 152,025 คน ทำงานอยู่ในโรงงานอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์
นายจ้างและบริษัทจัดหางานไต้หวันกล่าวว่า ในบรรดาสำนักงานแรงงานของประเทศผู้ส่งออกแรงงานทั้ง 4 ประเทศ สำนักงานแรงงานไทยนับว่ามีความเป็นมิตรมากที่สุด นอกจากให้บริการฟรี ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมใด ๆ แล้ว ยังยอมให้ส่งทางไปรษณีย์ได้ และใช้เวลาในการรับรองเอกสารเพียง 3 วัน กรณีเร่งด่วน จะดำเนินการให้ก่อน โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ และดำเนินการอย่างนี้มาเป็นเวลา 30 ปีแล้ว ด้านสำนักงานแรงงานไทยเห็นว่า การเก็บค่าธรรมเนียม นายจ้างหรือ บจง. อาจจะผลักภาระความรับผิดชอบไปให้แรงงาน และการอำนวยความสะดวกแก่นายจ้างหรือ บจง. ก็เท่ากับช่วยให้แรงงานไทยเดินทางมาทำงานที่ไต้หวันได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
3. ผู้อนุบาลอินโดนีเซียหลบหนีนายจ้าง ฝีมือทำกับข้าวอร่อย ข้าวกล่องรสชาติอินโดฯ กล่องละ 120 เหรียญขายดีเกินต้องสั่งจองล่วงหน้า ชื่อเสียงดังเลยถูกจับ
นางอาน่า หญิงอินโดนีเซียที่เดินทางมาทำงานในตำแหน่งผู้อนุบาล แต่หลบหนีนายจ้างไปเช่าบ้านอยู่กับสามี ซึ่งทำงานอยู่ที่เกาสง เนื่องจากทำกับข้าวอร่อย สามีให้ทำข้าวกล่องเอาไปกินมื้อเที่ยงที่โรงงานทุกวัน เพื่อนร่วมงานชาติเดียวกันได้กลิ่นอาหารบ้านเกิดมาขอชิมแล้วติดใจ จึงฝากซื้อเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ นางอาน่าจึงยึดอาชีพทำข้าวกล่องขาย เริ่มจากโรงงานที่สามีทำงานขยายไปยังโรงงานอื่น ๆ เนื่องจากพิถีพิถันและเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ขณะเดียวกันยังโพสต์ภาพถ่ายข้าวกล่องที่ทำในแต่ละวันลงในเฟซบุ๊ก แม้ราคากล่องละ 120 เหรียญ แต่ข้าวกล่องของอาน่าโด่งดังมากในกลุ่มแรงงานอินโดนีเซียที่เกาสง จนใครจะซื้อต้องสั่งจองล่วงหน้า
เนื่องจากฝีมือทำกับข้าวอร่อย นางอาน่าใช้พื้นที่บ้านเช่าเพียง 6 ตร.ม. รับทำข้าวกล่องส่งขายโรงงานวันละนับร้อยกล่อง
เมื่อโด่งดังก็มีคนอิจฉา ตำรวจที่ได้รับแจ้งความเดินทางไปตรวจสอบ เนื่องจากเป็นเวลาใกล้เที่ยง กลิ่นหอมของอาหารที่อาน่าปรุงโชยมาแตะจมูก จนตำรวจน้ำลายสอ แต่ก็ต้องอดทนจนอาน่าทำข้าวกล่องเสร็จเตรียมไปส่งให้ลูกค้า ตำรวจจึงเข้าตะครุบตัว เมื่อถูกจับสาวอินโดนีเซียรายนี้อ้อนวอนตำรวจว่า ลูกค้าคนอื่นไม่เป็นไร ขอให้ไปส่งข้าวกล่องให้สามีก่อนเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม? แน่นอนตำรวจไม่อนุญาต ส่วนสามีเมื่อทราบว่าภรรยาสุดที่รักถูกจับ กล่าวอย่างเศร้าหมองว่า ต่อนี้ไปไม่ได้ชิมอาหารบ้านเกิดที่อร่อยฝีมือของศรีภรรยาอีกต่อไปแล้ว
เนื่องจากพิถีพิถันและเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ขณะเดียวกันยังโพสต์ภาพถ่ายข้าวกล่องที่ทำในแต่ละวันลงในเฟซบุ๊ก แม้ราคากล่องละ 120 เหรียญ แต่ข้าวกล่องของอาน่าโด่งดังมากในกลุ่มแรงงานอินโดนีเซียที่เกาสง จนใครจะซื้อต้องสั่งจองล่วงหน้า
จากการสอบปากคำ ตำรวจถึงกับตะลึง ข้าวกล่องของอาน่า ราคากล่องละ 120 เหรียญ ในพื้นที่เกาสงจัดเป็นราคาที่ไม่ถูก แต่มีคนสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก แต่ละเดือนทำกำไรประมาณ 70,000 เหรียญ หลังสอบปากคำ ส่งไปยังสถานกักกันเพื่อรอเสียค่าปรับและดำเนินการส่งกลับประเทศ
นางอาน่าถูกจับส่งสถานกักกัน เพื่อรอเสียค่าปรับและส่งกลับประเทศ