close
Rti Thaiดาวน์โหลด Rti App
Open
:::

ไขปัญหาแรงงาน วันพุธที่ 7 พฤษภาคม 2568

  • 07 May, 2025
ไขปัญหาแรงงาน
สิทธิประโยชน์เมื่อประสบอุบัติเหตุจากการทำงาน (ข้อมูลจากกระทรวงแรงงาน)

1. ประสบอุบัติเหตุ จะได้รับการคุ้มครองอย่างไร? กฎหมายประกันอุบัติเหตุจากการทำงานฉบับใหม่ให้การคุ้มครองแรงงานต่างชาติทุกคนเช่นเดียวกับแรงงานท้องถิ่น

            แรงงานไทยรายหนึ่งสอบถามเรื่องลูกประสบอุบัติเหตุอยู่ที่ไต้หวัน ขณะทำงานถูกเครื่องทับมือต้องตัดมือและตอนนี้ตัดแล้ว เหตุเกิดตั้งแต่ครึ่งหลังปี 2567 นายจ้างพาไปทำมือเทียมอยู่และยื่นเรื่องเงินประกัน ถามว่านานไหมกว่าจะอนุมัติและจะได้ประมาณเท่าไหร่ ก่อนตอบปัญหาของเพื่อนผู้ฟังท่านนี้ ขอแสดงความเสียใจที่ลูกเดินทางมาทำงานที่ไต้หวันแล้วประสบอุบัติเหตุถึงขั้นต้องตัดมือแล้วใส่แขนเทียม อุบัติเหตุทำนองนี้ เกิดขึ้นบ่อยมาก โดยเฉพาะคนที่ทำงานอยู่ในโรงงาน ทำงานกับเครื่องจักร เครื่องปั๊มและเครื่องตัด ซึ่งอาจเกิดจากระบบป้องกันความปลอดภัยขัดข้องหรือมีปัญหา และตัวคนงานไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนการทำงาน ขอให้แรงงานไทยต้องระมัดระวังในการทำงาน หากพบเครื่องจักรมีปัญหาหรือชำรุด ต้องรีบแจ้งหัวหน้างานหรือนายจ้างทราบ อย่าเข้าทำงานจนกว่าจะซ่อมบำรุงอยู่ในสภาพปกติมีความปลอดภัย และขณะทำงานขอให้ตั้งใจ มีสมาธิ อย่างลัดขั้นตอน ซึ่งจะนำไปสู่ความหายนะได้

สื่อประชาสัมพันธ์ความปลอดภัยในการทำงานจากกรมพัฒนากำลังแรงงาน

          ผู้ใช้แรงงานในไต้หวันรวมถึงแรงงานต่างชาติ จะได้รับการคุ้มครองจากระบบประกันสังคม 3 รายการ อันดับแรกคือประกันสุขภาพ ผู้ที่พำนักอาศัยในไต้หวัน เกิน 6 เดือน รวมชาวต่างชาติและเด็กเกิดใหม่ จะต้องเอาประกันสุขภาพทุกคน ซึ่งเบี้ยประกันสุขภาพอยู่ที่ 5.17% สำหรับผู้ใช้แรงงาน กรณีคิดจากฐานเงินเดือนที่ค่าจ้างขั้นต่ำ 28,590 เหรียญ นายจ้างรับผิดชอบ 60% หรือ 1,384 เหรียญไต้หวันต่อการว่าจ้างแรงงานต่างชาติ 1 คนต่อเดือน แรงงานรับผิดชอบ 30% หรือจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพเดือนละ 443 เหรียญ ขณะที่รัฐบาลจ่ายสมทบให้ 10% ประกันสุขภาพจะให้การคุ้มครองด้านการรักษาพยาบาล

          ระบบประกันสังคมรายการที่ 2 ได้แก่ ประกันภัยแรงงาน สำหรับผู้ใช้แรงงานในภาคการผลิตและผู้อนุบาลในองค์กรที่ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายมาตรฐานแรงงานเท่านั้น อัตราเบี้ยประกันภัยแรงงานของแรงงานต่างชาติต่ำกว่าแรงงานท้องถิ่น 1% ซึ่งเป็นประกันการว่างงาน แรงงานต่างชาติไม่มีประกันการว่างงาน ดังนั้น อัตราเบี้ยประกันสำหรับแรงงานต่างชาติ คือ 11.5% กรณีคิดจากฐานเงินเดือนที่ค่าจ้างขั้นต่ำ 28,590 เหรียญ อยู่ที่ 3,288 เหรียญ ในจำนวนนี้ นายจ้างรับผิดชอบ 70% ต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยแรงงาน 2,301 เหรียญต่อการว่าจ้างแรงงานต่างชาติ 1 คน แรงงานรับผิดชอบ 20% หรือ 658 เหรียญต่อเดือน รัฐบาลจ่ายสมทบให้อีก 10% หรือ 329 เหรียญ/คน/เดือน ประกันภัยแรงงานจะให้การคุ้มครองอุบัติเหตุและพิการจากนอกเวลาทำงาน รวมถึงสิทธิประโยชน์และสวัสดิการต่าง ๆ อาทิ เงินบำเหน็จชราภาพ ค่าคลอดบุตร เงินสงเคราะห์กรณีญาติในสายเลือดตรงเสียชีวิต เป็นต้น

นายจ้างไม่ได้เอาประกันอุบัติเหตุจากการทำงานให้แก่แรงงาน จะถูกปรับหนัก ส่วนผู้ใช้แรงงานยังคงได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย สื่อประชาสัมพันธ์จัดทำโดยกรมพัฒนากำลังแรงงาน

          และรายการที่ 3 ได้แก่ ประกันอุบัติเหตุจากการทำงาน ซึ่งเป็นกฎหมายที่รวมการป้องกัน ชดเชยเยียวยา และบำบัดฟื้นฟูผู้ใช้แรงงานที่โชคร้ายประสบอุบัติเหตุจากการทำงานไว้ในฉบับเดียวกัน ครอบคลุมแรงงานทุกคน ทั้งแรงงานท้องถิ่น แรงงานต่างชาติและผู้อนุบาล ผู้ช่วยงานบ้านที่ไม่ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายมาตรฐานแรงงาน รวมถึงแรงงานในสถานประกอบการที่ต่ำว่า 4 คน อัตราเบี้ยประกันอุบัติเหตุจากการทำงาน 0.21% ของค่าจ้างที่แจ้งเอาประกัน นายจ้างเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด ผู้ใช้แรงงานไม่ต้องรับผิดชอบในส่วนนี้

          แรงงานต่างชาติที่เดินทางมาทำงานในไต้หวันต้องเข้าระบบประกันภัยแรงงานเหมือนอย่างแรงงานท้องถิ่น แต่จะคุ้มครองเฉพาะแรงงานในภาคการผลิตและผู้อนุบาลในองค์กร ในกองทุนประกันภัยแรงงาน เดิมมีระบบประกันอุบัติเหตุจากการทำงานอยู่แล้ว โดยนายจ้างเป็นผู้รับผิดชอบเบี้ยประกันทั้งหมดคือ 0.18% ของวงเงินที่เอาประกัน แต่สหพันธ์แรงงานและหน่วยงานที่ห่วงใยสิทธิประโยชน์ของผู้ใช้แรงงานเห็นว่า ระบบประกันอุบัติเหตุจากการทำงานในกองทุนประกันภัยแรงงาน ให้การคุ้มครองไม่เพียงพอ อีกทั้งไม่ได้ครอบคลุมถึงธุรกิจขนาดเล็กที่จ้างแรงงานต่ำกว่า 4 คนและผู้ใช้แรงงานในครัวเรือน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้อนุบาลและผู้ช่วยงานบ้านต่างชาติ จึงเคลื่อนไหวผลักดันให้มีการบัญญัติกฎหมายประกันอุบัติเหตุจากการทำงานโดยเฉพาะ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในการทำงาน โดยกฎหมายฉบับนี้ เริ่มมีผลใช้บังคับตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2565 กำหนดให้ผู้ใช้แรงงาน จะต้องได้รับการคุ้มครองความปลอดภัยจากการทำงานทุกคน แม้แต่ผู้อนุบาลในครัวเรือนที่ทำงานในบ้านของนายจ้างก็ได้รับการคุ้มครอง โดยนายจ้างเป็นผู้จ่ายเบี้ยประกันในอัตรา 0.21% หากโชคร้ายเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน แรงงานจะได้รับเงินชดเชยหรือทายาทจะได้รับเงินทดแทนมากขึ้น รวมถึงการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกายสำหรับแรงงานที่ประสบอุบัติเหตุและทุพพลภาพ เช่นกรณีเสียชีวิต ทายาทของแรงงานที่เสียชีวิต จากเดิมที่รับเงินทดแทนรายเดือน ๆ ละ 3,000 เหรียญ จะได้รับ 50% ของวงเงินที่เอาประกัน อย่างแรงงานต่างชาติส่วนใหญ่มีวงเงินประกันที่อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 28,590 เหรียญ หากโชคร้ายเสียชีวิต ทายาทจะได้รับเงินประกันเป็นรายเดือนอย่างต่ำเดือนละ 14,295 เหรียญ หากมีผู้รับผลประโยชน์มากกว่า 1 คน เพิ่มขึ้นได้ คนละ 10% สูงสุดไม่เกิน 20% จนกว่าจะสูญสิ้นคุณสมบัติ เพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าตัวของในอดีต

สื่อประชาสัมพันธ์เรื่องสิทธิประโยชน์ของผู้ใช้แรงงานที่ประสบอุบัติเหตุการทำงาน จัดทำโดยกรมพัฒนากำลังแรงงาน

          ไต้หวันผ่านกฎหมายประกันอุบัติเหตุจากการทำงาน ตั้งแต่ 2564 หลังทยอยประกาศกฎหมายลูก 24 ฉบับแล้ว เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 พ.ค. 2565 เป็นต้นมา นอกจากแรงงานท้องถิ่นและแรงงานต่างชาติที่ได้รับการคุมครองจากกฎหมายมาตรฐานแรงงานและกองทุนประกันภัยแรงงานเดิมจำนวน 10.6 ล้านคนแล้ว แรงงานท้องถิ่นที่ทำงานในสถานประกอบการที่ว่าจ้างแรงงานต่ำกว่า 4 คน ซึ่งกฎหมายไม่ได้บังคับให้เอาประกันภัยแรงงานจำนวน 3.3 แสนคน และแรงงานต่างชาติในครัวเรือน 2.5 แสนคน รวมทั้งหมด 11.2 ล้านคน เมื่อโชคร้ายประสบอุบัติเหตุเจ็บป่วย ทุพพลภาพหรือเสียชีวิตจากการทำงาน จะได้รับเงินชดเชยหรือเงินทดแทนมากกว่าเดิม

          สำหรับอัตราเบี้ยประกันอยู่ที่ 0.21% ของวงเงินค่าจ้างที่แจ้งเอาประกัน ต่ำสุด 28,590 เหรียญ สูงสุด 72,800 เหรียญ อัตราเบี้ยประกันตั้งแต่ 60-153 เหรียญต่อคนต่อเดือน สามารถจ่ายเป็นรายไตรมาสได้ กำหนดให้นายจ้างเป็นผู้รับผิดชอบจ่ายเบี้ยประกันทั้งหมด ผู้ใช้แรงงานไม่ต้องเสียแต่อย่างใด และการประกันภัยกรณีประสบอุบัติเหตุจากการทำงาน เป็นประกันภัยบังคับ คุ้มครองตั้งแต่วันแรกที่ลูกจ้างเข้าทำงาน หากนายจ้างรายใดไม่ได้เอาประกันดังกล่าวให้กับลูกจ้าง จะถูกลงโทษปรับเป็นรายครั้ง ครั้งละ 20,000-100,000 เหรียญ จนกว่าจะปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎหมาย และจะถูกประกาศรายชื่อนายจ้างที่ฝ่าฝืนระเบียบกฎหมายให้สาธารณชนทราบ

          ในส่วนของการคุ้มครอง กรณีแรงงานที่ประสบอุบัติเหตุจากการทำงาน จะได้รับเงินชดเชยค่าจ้างที่แจ้งเอาประกันเต็มจำนวนใน 2 เดือนแรก เดือนที่ 3 เป็นต้นไปจะได้รับ 70% นานสุดไม่เกิน 2 ปี สำหรับหลักเกณฑ์การจ่ายเงินชดเชยแรงงานที่ทุพพลภาพจากการทำงาน จะได้รับตามระดับความพิการ ทุพพลภาพระดับรุนแรง สูญเสียสมรรถภาพการทำงานถาวร รับเงินชดเชยรายเดือน 70% ของวงเงินที่แจ้งเอาประกัน สูญเสียสมรรถภาพการทำงานระดับปานกลาง รับเงินชดเชยรายเดือน 50% ของวงเงินที่แจ้งเอาประกัน สูญเสียสมรรถภาพการทำงานบางส่วน รับเงินชดเชยรายเดือน 20% ของวงเงินที่แจ้งเอาประกัน และหากมีเงื่อนไขสอดคล้องกับที่กำหนด ญาติของแรงงานจะได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มขึ้น 10% ต่อคนสูงสุดไม่เกิน 20%

          กรณีเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ทายาทรับเงินทดแทนเป็นรายเดือน โดยไม่นับตามอายุการเข้ากองทุนฯ อีกต่อไป ตัวอย่างแรงงานต่างชาติที่เสียชีวิต ไม่ว่าจากการปฏิบัติหน้าที่หรือเสียชีวิตนอกงาน เดิมจะได้รับเงินทดแทนรายเดือนฯ ละ 3,000 เหรียญ กฎหมายใหม่ยกระดับการจ่ายเงินทดแทนรายเดือนแก่ทายาทเป็น 50% ของเงินเดือนที่แจ้งเอาประกัน ทายาทจะได้รับเงินทดแทนรายเดือนต่ำสุด 14,295 เหรียญ จนกว่าจะสูญสิ้นคุณสมบัติ มากกว่าเดิมถึง 4 เท่า นอกจากนี้ ทายาทที่รับเงินทดแทนเป็นรายเดือน หากคุณสมบัติยังไม่ถึง เช่น อายุยังไม่ครบ 55 ปี มีบุตรอายุยังไม่บรรลุนิติภาวะต้องเลี้ยงดู ตามระเบียบเดิมต้องรอให้อายุถึงเกณฑ์ก่อน จึงจะมีสิทธิ์รับเงินทดแทนรายเดือน แต่กฎหมายใหม่ กำหนดให้จ่ายเงินทดแทนแก่ทายาทที่คุณสมบัติยังไม่ถึงเป็นก้อนครั้งเดียว 40 เท่าของค่าจ้างที่แจ้งเอาประกัน บวกเงินช่วยเหลือค่าทำศพ 5 เท่าของค่าจ้างที่แจ้งเอาประกัน

          หากนายจ้างไม่เอาประกันให้ลูกจ้างจะทำอย่างไร?  นายจ้างที่ไม่เอาประกันให้แก่ลูกจ้าง ต้องระวางโทษปรับเป็นรายครั้ง ครั้งละ 20,000-100,000 เหรียญไต้หวัน จนกว่าจะปรับปรุงแก้ไขให้เป็นไปตามกฎหมาย และจะประกาศชื่อสถานประกอบการ ตลอดจนผู้รับผิดชอบให้สาธารณชนได้รับทราบโดยทั่วกัน ส่วนลูกจ้างแม้นายจ้างจะไม่เอาประกันให้จะไม่กระทบสิทธิประโยชน์ ยังคงได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายต่อไป

          นอกจากเงินชดเชยแล้ว แรงงานที่ประสบอุบัติเหตุจากการทำงานจนสูญเสียสมรรถภาพการทำงานหรือพิการระดับ 1-7 จากทั้งหมด 15 ระดับ ยังสามารถยื่นขอเบี้ยเลี้ยงชีพรายเดือนเป็นเวลา 5 ปีได้ด้วย โดยต้องยื่นขอหลังจากถอนประกันภัยแรงงานแล้ว ภายในเวลา 1 ปี แรงงานที่ประสบอุบัติเหตุ สูญเสียสมรรถภาพการทำงานหรือพิการในระดับ 1-3 จะได้รับเบี้ยเลี้ยงชีพเดือนละ 8,700 เหรียญ ระดับ 4-7 ได้รับเบี้ยเลี้ยงชีพ 6,200 เหรียญต่อเดือน เป็นเวลานาน 5 ปี โดยต้องยืนยันคุณสมบัติเป็นประจำทุกปี

          จะเห็นได้ว่า ระบบการคุ้มครองแรงงานที่เกิดอุบัติเหตุจากการทำงานของไต้หวัน ได้รับการปรับปรุงแก้ไขให้การคุ้มครองแรงงานดีและรัดกุมมากขึ้น สำหรับเพื่อนผู้ฟังที่ถามปัญหาเข้ารายการ ไม่ทราบว่าลูกของคุณที่ประสบอุบัติเหตุในระดับไหน จากข้อมูลที่นำมาเล่าข้างต้น คงทำให้รู้ถึงสิทธิประโยชน์ของตนมากขึ้น แม้ว่าระบบประกันในไต้หวันจะดีและคุ้มครองผู้ใช้แรงงานดีแค่ไหน? ขออย่ารับเลยดีกว่า ด้วยการทำงานอย่างระมัดระวัง พักผ่อนเต็มที่เพื่อให้มีสุขภาพร่างกายที่พร้อมจะทำงาน สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันภัยและปฏิบัติตามขั้นตอนการทำงาน ขอให้แรงงานไทยทำงานอย่างราบรื่น ปลอดภัยทุกคน

ผู้จัดรายการ

ความคิดเห็นที่เกี่ยวข้อง