สโมสรผู้ฟัง วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม 2565

RTI Radio Taiwan International RTI Radio Taiwan International

ตำรวจไทย-ไต้หวัน ร่วมมือทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งฐานในฟิลิปปินส์ ปลอมตัวเป็นตำรวจหลอกเหยื่อคนไทย จับผู้ต้องหาชาวไทยและหัวโจกชาวไต้หวันได้ 13 คน

1. ไม่เชื่ออย่าลบหลู่! เข้าสู่เดือนผี คนไต้หวันนอกจากลดจัดพิธีมงคลแล้ว ยังหลีกเลี่ยงทำอะไรบ้าง?     

       วันที่ 29 ก.ค. นี้ ตรงกับวันที่ 1 เดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติจีน ซึ่งถือเป็นวันแรกของเดือนผี (鬼月) ตามความเชื่อของชาวจีน บรรดาภูตผีจะกรูกันออกมาสู่โลกมนุษย์ หลังประตูยมโลกเปิดในช่วงเที่ยงคืนของวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา ศาลเจ้าในไต้หวันจะมีพิธีจุดประทีปส่องทางให้แก่สัมภเวสีหรือผีไร้ญาติ ตั้งแต่วันที่ประตูยมโลกเปิด ไปจนตลอดทั้งเดือน 7 หรือที่เรียกกันว่า เดือนผี  ตามมาด้วยการจัดพิธีโปรดวิญญาณสัมภเวสี หรือวิญญาณไร้ญาติในวันสารทจีน (中元節) ซึ่งตรงกับวันที่ 15 เดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติจีน ปีนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม

^{ภาพบรรยากาศในเมืองจีหลงปีก่อน ๆ จะมีพิธีเซ่นไหว้ผีไร้ญาติตลอดเดือน 7 ทั้งเดือน}

        พิธีเซ่นไหว้ในวันสารทจีนจะจัดอย่างยิ่งใหญ่ ตามชนบทนิยมปิดถนนเซ่นไหว้รวมกันทั้งหมู่บ้าน สมัยก่อนในชุมชนชาวฮากกายังมีพิธีโปรดวิญญาณสัมภเวสีด้วยการใช้หมูขุนตัวขนาดมหึมา ต่อมากลายเป็นประเพณีประกวดหมูขุน แต่หลังกระแสต่อต้านการทารุณสัตว์โหมกระพือ พิธีดังกล่าวจึงไม่พบเห็นอีกต่อไป

^{วันสารทจีน จะมีประเพณีประกวดหมูขุน แต่ละตัวน้ำหนัก 500-600 กก. แต่ปัจจุบัน เลิกประเพณีนี้ไปแล้ว เพราะถูกวิจารณ์ว่าทารุณสัตว์ (ภาพจาก Chinatimes)}

        ในความเป็นจริงแล้วตลอดช่วงเดือนผี (ปีนี้อยู่ระหว่างวันที่ 29 ก.ค.-26 ส.ค.) ประชาชนทั่วไปในไต้หวันจะมีการเซ่นไหว้สัมภเวสี หรือที่คนไต้หวันจะเรียกว่า ห่าวชงตี้ (好兄弟) แปลว่า พี่น้องแสนดี เป็นการให้เกียรติวิญญาณไร้ญาติ ด้วยการเรียกผีไร้ญาติว่า เป็นพี่น้องที่ดีของเรา โดยการเซ่นไหว้จะทำที่นอกบ้าน ของไหว้จะมีทั้งของคาวหวานและผลไม้ตามฤดูกาล นอกจากนี้ ในเดือนผียังมีข้อห้ามอีก 6 ประการ ได้แก่

          ห้ามเดินทางในยามวิกาล

          ห้ามไปเล่นน้ำตามแม่น้ำลำธารหรือชายทะเล

          ห้ามตบไหล่ผู้อื่น เพราะเชื่อว่าจะทำให้ขวัญกระเจิง

          ห้ามร้องเพลงหรือผิวปากในยามกลางคืน

          ห้ามถ่ายรูปในยามกลางคืน

          ห้ามตากเสื้อผ้าไว้นอกชายคา เพราะเชื่อว่าจะดึงดูดวิญญาณเข้าบ้าน

^{พิธีเซ่นไหว้ห่าวซงตี้หรือผีไร้ญาติที่เหล่าต้ากงเมี่ยว (老大公廟) ศาลเจ้าเก่าแก่กว่า 170 ปี ในเมืองจีหลง}

2. แก๊งคอลเซ็นเตอร์อาละวาดหนักทั่วเอเชีย คาดปีนี้ เฉพาะในไต้หวันมีคนตกเป็นเหยื่อสูญเสียเงินกว่า 6,000 ล้านเหรียญไต้หวัน

          เป็นเรื่องไม่น่าเชื่อ ไต้หวัน ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์อันดับต้น ๆ แม้จะมีการปราบปรามและประชาสัมพันธ์อย่างหนัก จนหากินในไต้หวันลำบาก ต้องย้ายฐานไปตั้งยังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในลาตินอเมริกา แอฟริกาเป็นต้น แต่เนื่องจากประชากรที่ใช้อินเทอร์เน็ตในไต้หวันเพิ่มมากขึ้น บวกกับสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ผู้คนอยู่กับบ้านชอปปิงออนไลน์หรือใช้สื่อโซเชียลเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีผู้คนตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จากข้อมูลของกรมสอบสวนอาชญากรรม สำนักงานตำรวจ กระทรวงมหาดไทยพบว่า คดีหลอกลวงต้มตุ๋น ซึ่งลดลงไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่นับจากปีที่แล้วเป็นต้นมา มีแนวโน้มกลับมารุนแรงใหม่ โดยครึ่งแรกของปีนี้ เกิดขึ้นแล้ว 13,301 คดี มีผู้ตกเป็นเหยื่อสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง แล้วกว่า 3,100 ล้านเหรียญไต้หวัน หากไม่สามารถสกัดกั้นอย่างได้ผล คาดตลอดปีนี้ ผู้ตกเป็นเหยื่อจะสูญเงินมากกว่า 6,000 ล้านเหรียญไต้หวัน

^{เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 65 ตำรวจกรมสอบสวนอาชญากรรมทะลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกเงินเหยื่อทางสื่อโซเชียล โดยใช้รูปภาพโปรไฟล์เป็นสาวสวย}

          จากข้อมูลของกรมสอบสวนอาชญากรรมพบว่า รูปแบบการหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะมีการปรับเปลี่ยนทันต่อเหตุการณ์และมีการอัปเดตข้อมูล เปลี่ยนเรื่องราวไปเรื่อย ๆ ที่พบบ่อยมากที่สุดคือ อ้างตัวเป็นตำรวจ พนักงานอัยการ ใช้อีเมลปลอม โทรศัพท์อ้างเป็นคนรู้จัก ส่วนคดีที่เหยื่อสูญเงินมากที่สุด ได้แก่หลอกลวงให้ลงทุน เหยื่อชาวไต้หวันรายหนึ่งถูกหลอกสูญเงินกว่า 100 ล้านเหรียญ นอกจากนี้ ยังมีจำนวนไม่น้อยที่หลอกว่า การซื้อของทางออนไลน์กดผิด โดยกดที่ผ่อนส่งเป็นงวด และมุกเก่า ๆ แต่ยังใช้ได้ผลตลอดกาล ได้แก่หลอกว่าลูกมีปัญหาถูกลักพาตัว ให้โอนเงินค่าไถ่ มีเสียงลูกขอความช่วยเหลือของลูกด้วย พ่อแม่บางคนที่มีลูกและเสียงคล้ายคลึงกัน ด้วยความตกใจ ไม่ได้โทรติดต่อกับลูกก่อน รีบโอนเงิน ต่อมาติดต่อลูกได้ถึงรู้ว่าถูกหลอกเสียแล้ว

^{เมื่อ 20 ก.ค. 65 นายซูเจินชาง นายกรัฐมนตรี เดินทางไปตรวจดูของกลางและเงินที่ตำรวจสอบสวนคดีอาชญากรรมยึดได้กว่า 100 ล้านเหรียญ ทลายและจับแก๊งอาชญากรรมได้ถึง 1,958 รายภายใน 12 วัน}

          ตำรวจสอบสวนคดีอาชญากรรมกล่าวว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์มีทีมงาน แบ่งเป็นแผนกอย่างละเอียดและแยบยล เช่น แผนกสร้างสรรค์เรื่อง ซึ่งคอยสร้างเรื่องราว เขียนสคริปต์และบทพูด แผนกจิตวิทยา ทำหน้าที่วิเคราะห์พฤติกรรม เพื่อนำมาทำเป็นสคริปต์ แผนกเทรนนิ่ง สร้างทีมฝึกวิธีการพูด ทั้งที่มาด้วยความเต็มใจและหลอกมา แผนกหาเหยื่อ เพื่อเข้าร่วมทีมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แผนกหา“บัญชีม้า”หรือบัญชีทางผ่านเพื่อรับโอนเงินระหว่างเหยื่อและมิจฉาชีพ เป็นการโกงเงินบนโลกออนไลน์ที่ต้องใช้บัญชีธนาคาร หรือการซื้อขายของผิดกฎหมาย ดำเนินการโอนเงินเข้าสู่เครือข่าย เพียงแค่ 5 นาที เงินสามารถโอนข้ามประเทศเข้าบัญชีได้ทั่วโลก และร้อยละ 95 ไม่สามารถติดตามเงินคืนมาได้

^{ตำรวจไทย-ไต้หวัน ร่วมมือทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งฐานในฟิลิปปินส์ ปลอมตัวเป็นตำรวจหลอกเหยื่อคนไทย จับผู้ต้องหาชาวไทยและหัวโจกชาวไต้หวันได้ 13 คน}

          วิธีการรับมือ

          สังเกตเบอร์ก่อนรับสาย ระวังเบอร์ที่ไม่รู้จัก หรือเบอร์ที่มีเครื่องหมาย + นำหน้า

          ตั้งสติก่อนรับสาย มิจฉาชีพชอบทำให้เราตกใจหรือ กลัวจนรีบทำตามที่บอก ใจเย็น ตั้งสติ และ ระมัดระวังให้ดี

          วางสาย หากมั่นใจแล้วว่าเป็นมิจฉาชีพ เก็บหลักฐาน และข้อมูลไว้แจ้งเบาะแส

          แจ้งเบาะแส หน่วยงานที่ดูแล เช่น สายด่วนต่อต้านแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 168 ตำรวจ ธนาคาร เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตือนประชาชน และให้ตำรวจดำเนินคดี

          เตือนภัยคนใกล้ชิด เล่าเรื่องกลโกงที่พบเจอให้ คนใกล้ชิดที่มีแนวโน้มจะถูกหลอกได้ง่ายให้รับรู้ เช่นผู้สูงอายุในครอบครัว

^{ตำรวจไต้หวันและกัมพูชาทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกวัยรุ่นไต้หวันเป็นไปสมาชิกขบวนการนอกกฎหมายที่พนมเปญ อ้างแค่มีทักษะใช้คอมพิวเตอร์เป็นก็พอ เงินเดือนเริ่มต้นที่ 70,000 เหรียญไต้หวัน}